บทที่2

1308 Words
แล้วตอนนี้เล่าเมื่อเพื่อนรักมีปัญหา เธอคงอยู่เฉยๆ ไม่ได้แน่ “เราจะทำยังไงดีมะลิ เราอยากช่วยน้า แต่เงินมากมายขนาดนั้นจะให้เราไปหาจากที่ไหน” ดวงตะวันตอบกลับอย่างไม่ปกปิดความกังวลที่เธอมีอยู่ เงินมากขนาดนั้นเธอคงไม่มีวันหามันมาได้แน่ “ดวงเคยบอกว่าคุณคิมเป็นคนใจดีไม่ใช่เหรอ ลองกลับไปคุยกับเขาดูก่อนไหม บางทีเขาอาจจะยอมให้ตัวผ่อนผันก็ได้นะ อย่างน้อยก็เป็นคนเคยรักกันมากก่อน เขาคงไม่ใจร้ายหรอก” มะลิเสนอความเห็นแม้จะรู้ดีว่าเพื่อนรักกลัวการกลับไปที่เชียงรายมากน้อยแค่ไหน แต่การที่ดวงตะวันเอาแต่วิ่งหนีปัญหาแบบนี้เธอกลับไม่เห็นด้วย เพราะว่ามันแทบไม่ได้ช่วยทำให้อะไรๆ ดีขึ้นมาได้เลย… “แต่ว่าเรากลัว…พี่คิมเขาคงเกลียดเรามาก เราคิดไม่ออกเลยว่าถ้าได้เจอกันอีกครั้งเขาจะทำยังไงกับเรา” ดวงตะวันยังคงกลัว และความกลัวนั่นเองที่มันทำให้เธอตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี จนกะทั่งปล่อยให้เวลาล่วงเลยเข้าสู่วันที่สี่ และมันเป็นเช้าที่เธอได้รับโทรศัพท์จากเบอร์แปลกๆ จากใครบางคน… ‘คุณเป็นญาติคนไข้ที่ชื่อธนารึเปล่าคะ พอดีคนไข้ถูกยิงอาการสาหัส ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล’ หญิงสาวแทบจะทำโทรศัพท์มือถือร่วงหล่นพื้นเมื่อได้ยิน กระทั่งเมื่อตั้งสติได้เธอจึงขอร้องให้เพื่อนรักช่วยลางานให้ก่อนที่ตัวเองจะรีบตรงดิ่งไปยังท่ารถเมื่อกลับเชียงรายโดยด่วน แน่นอนว่าเหตุผลของการกลับไปในครั้งนี้ก็เพราะเป็นห่วงน้าชายล้วนๆ ส่วนเรื่องหนี้สินของเขาก็คงต้องว่ากันอีกครั้งเพราะชีวิตน้าของเธอสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด เพราะอย่างน้อยเขาก็เป็นญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ การเดินทางของหญิงสาวสิ้นสุดลงในหลายชั่วโมงต่อมา ดวงตะวันรีบต่อรถมายังโรงพยาบาลในทันทีก่อนจะสอบถามจากคุณหมอถึงได้รู้ว่าคนที่พบน้าเธอเป็นคนแรกคือคนข้างบ้านที่ได้ยินเสียงปืนดังมาจากในบ้านสามนัดก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาดูแล้วเห็นน้าเธอนอนหมดสติอยู่หน้าบ้าน ส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุตำรวจบอกเพียงแค่ว่าน่าจะเป็นคนที่น้าของเธอรู้จักเพราะอีกฝ่ายเป็นคนเปิดประตูบ้านให้คนร้ายด้วยตัวเอง ก่อนจะถูกยิงในระยะประชั้นชิดจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ทราบเบาะแสที่แน่ชัดในตอนนี้ “น้าของฉันเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ” “กระสุนถูกจุดสำคัญของคนไข้หลายจุดครับ หมอเองก็ยังตอบอะไรมากไม่ได้ในตอนนี้ แต่ระหว่างนี้ก็อยากให้คนไข้ทำใจเอาไว้เผื่อด้วย…” ดวงตะวันรู้ว่าตนเองต้องเข้มแข็ง แต่พอมายืนในจุดที่ต้องฟังอะไรแบบนี้มันกลับทำให้เธอไม่อาจห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลได้เลยจริงๆ ในใจคิดไปถึงคนสั่งให้ยิงซึ่งก็ไม่น่าจะใช่ใครที่ไหน ยิ่งคิดมันก็ยิ่งทำให้เธอโกรธจนต้องฝากน้าชายเอาไว้กับหมอชั่วคราว ส่วนตัวเองก็รีบออกมาจากโรงพยาบาลมุ่งหน้าไปยังที่ๆ หนึ่งแทบทันที ยังไงวันนี้เธอต้องถามเขาให้รู้เรื่องว่าทำแบบนี้กับน้าเธอทำไม! คนที่ดวงตะวันกำลังเดินทางมาพบกำลังนั่งจัดการกับเอกสารอยู่ภายในออฟฟิตใหญ่ที่ตั้งโดดเด่นอยู่กลางฟาร์มโคนม ที่เขาได้รับสืบทอดมาจากพ่อแม่ที่ต้องมาด่วนจากไป แน่นอนว่าเวลานี้ทุกคนต่างก็รู้กันดีว่าใครก็ห้ามรบกวนเวลาทำงานสำคัญของเจ้านาย จะมีก็แต่ประวีคนสนิทเท่านั้นที่กล้าเคาะประตูห้องเรียกเจ้านาย เพราะคิดว่าเรื่องที่กำลังรายงานนี้เจ้านายน่าจะอยากรับรู้ “มีอะไร” วาคิมตวาดถามเมื่อได้เห็นหน้าคนสนิทที่เขาไว้วางใจมากกว่าใครเป็นคนเคาะประตูห้อง ขณะที่คนอื่นนั้นไม่กล้า “คุณดวงตะวันมาขอพบครับนาย” ประวีเอ่ยบอกขณะที่สายตาก็จ้องมองผู้เป็นนายไม่ให้คาดสายตา รู้ดีว่าคนที่เพิ่งจะเดินทางเข้ามาขอพบเจ้านายเป็นใครเพราะว่าเขารู้จักเธอพอๆ กับทุกคน “มาเร็วกว่าที่คิดเสียอีก…ไปบอกให้เธอเข้ามา!” วาคิมแทบจะหยุดการทำงานของตัวเองในทันทีที่รู้ว่าใครบางคนเดินทางมาขอพบ เขาจ้องมองประตูห้องที่เพิ่งจะถูกคนสนิทปิดลงอย่างรอคอยก่อนจะแสยะยิ้มเมื่อมันถูกเปิดออกอีกครั้งพร้อมการปรากฏตัวของใครบางคน ใครบางคนที่เขาเฝ้ารอเวลานี้มานานแสนนานเหลือเกิน “พี่คิม…” เป็นดวงตะวันเสียเองที่เอ่ยเรียกคนตรงหน้าออกมาเบาๆ โลกของเธอคล้ายจะหยุดหมุนลงดื้อๆ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน การพบกันครั้งแรกในรอบห้าปีไม่ได้ทำให้ความรู้สึกคิดถึงเขาน้อยลงไปเลยสักนิด ทุกอย่างที่เธอรู้สึกยังคงอยู่และเหมือนเดิมไม่ว่าจะความรัก หรือแม้แต่ความห่วงใยที่มีต่อผู้ชายคนนี้ “เธอควรเรียกฉันว่าคุณคิมเหมือนที่คนอื่นๆ เรียก เพราะว่าฉันไม่มีน้องสาว!!” เสียงเข้มตอบกลับไปก่อนจะจ้องมองคนตรงหน้าเหมือนจะสำรวจ ดวงตะวันไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเท่าไหร่ เธอผอมลงและผมยาวขึ้น แต่กระนั้นความโกรธเกลียดกลับยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ยามเมื่อนึกถึงคำพูดที่หล่อนฝากเอาไว้ ก่อนจะหนีหน้ากันไป “ต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยเหรอคะ! ทำไมต้องส่งคนไปยิงน้าของดวงแบบนั้นด้วย!” วาคิมยอมรับว่าเขาตกใจไม่น้อยกับความจริงที่ได้ยินจากปากคนตรงหน้า อย่างนั้นก็ยังวางสีหน้าเรียบเฉยต่อไป “ฉันไม่ได้ทำ!!” ถึงจะอยากทำแค่ไหนแต่ก็ไม่คิดที่จะทำมัน “ถ้าพี่…ถ้าคุณไม่ได้ทำแล้วใครจะทำคะ!” “ฉันจะไปรู้รึไง! น้าชายเธอสร้างหนี้เอาไว้ตั้งเยอะ ไม่ใช่มีแค่ฉันคนเดียวหรอกนะที่เขาติดหนี้ ทำไมไม่คิดบ้างว่าอาจจะเป็นฝีมือของเจ้าหนี้รายอื่น…” ชายหนุ่มอธิบายก่อนจะเบือนหน้าหนีใบหน้าอ่อนหวานที่เต็มไปด้วยน้ำตา ซึ่งหากเป็นเมื่อก่อนเขาคงรีบปรี่เข้าไปช่วยซับให้ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกอยากจะเห็นมันบนใบหน้าเธอมากกว่าอะไรทั้งหมด ยิ่งเธอเจ็บปวดมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งสะใจมากเท่านั้น “ดวงมาคุยเรื่องหนี้ของน้าธนาค่ะ คุณให้เวลาพวกเราสักนิดได้ไหมคะ” ดวงตะวันเอ่ยเปลี่ยนเรื่องเมื่อรู้ว่าการเงียบไม่ใช่ทางออกที่ดีเท่าไหร่ อย่างน้อยก็เบาใจได้ว่าเขาไม่ได้เป็นคนส่งคนให้ยิงน้าเธอ “สามเดือน! ฉันให้เวลาน้าชายของเธอมาสามเดือน นั่นมันก็น่าจะมากพอแล้วว่าไหมสำหรับคนที่วันๆ เอาแต่เดินเข้าบ่อนไม่ยอมหางานหาการทำเหมือนกับคนอื่นๆ” เมื่อเจอเข้ากับความจริงนี้ไปดวงตะวันก็ถึงกลับพูดไม่ออกไป เธอรู้ดีว่าน้าชายของตนเองมีนิสัยอย่างไร และมันเป็นจริงอย่างที่เขาเพิ่งจะพูดออกมาแทบทุกอย่าง “แต่จู่ๆ คุณมาเรียกเอาเงินคืนทั้งหมดแบบนี้ คงยากที่เรา…”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD