ซึ่งคำตอบที่เจ้านายตะโกนกลับมานั้นก็ทำเอาเขาตกใจไปไม่น้อยเพราะเท่าที่แอบฟังบทสนทนาระหว่างเจ้านายกับคุณดวงตะวันเมื่อครู่ ยังไม่มีวินาทีไหนเลยที่อีกคนจะตกลง แต่เหมือนเจ้านายเขาจะตัดสินสินใจเองหมดแล้ว ถึงได้อุ้มเธอกลับบ้านไปแบบนี้ ทั้งๆ ที่ปากก็บอกว่าเกลียดเขานักเกลียดเขาหนา แต่พอเห็นเขาเป็นลมตรงหน้าเข้าหน่อยกลับหน้าตกใจจนร้องลั่น ซ้ำยังกระชับอ้อมกอดเสียแน่น ทำราวกับว่ากลัวเธอจะปลิวหายไปกับอากาศอย่างนั้น
นี่เหรอคนที่เกลียดกัน เขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เห็นเลยจริงๆ
วาคิมตัดสินใจพาคนที่หมดสติกลับมายังบ้านหลังใหญ่ของตัวเองในทันที แน่นอนว่าภาพเขาที่อุ้มดวงตะวันเข้ามาภายในบ้านสร้างความตกอกตกใจให้แก่ทุกคนไม่น้อยเพราะแทบไม่มีใครที่ไม่รู้จักเธอเลย และเหมือนคนที่ตกใจมากกว่าใครๆจะหนีไม่พ้นป้าเรือน คนเก่าคนแก่ของบ้าน อีกทั้งยังเป็นคนสนิทของแม่เขาอีกด้วย
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณคิม ทำไมถึงอุ้มแม่คนนี้กลับมาบ้านได้!” นางถามพร้อมกอดประตูห้องมองร่างบอบบางของคนที่จำได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นอย่างพิจารณา ผู้หญิงคนนี้ใช่ดวงตะวันไม่ผิดแน่ๆ
“เรื่องของผมครับ ป้าเรือนถามทำไม!” วาคิมตอบอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แม้อีกฝ่ายจะเป็นคนสนิทของแม่แต่ก็ใช่ว่าแกมีสิทธิ์เข้ามายุ่งเรื่องของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของดวงตะวันยิ่งแล้วใหญ่ ทำไมจะไม่รู้ว่าป้าเรือนไม่ชอบเธอพอๆ กับที่แม่เขาไม่ชอบ
“ป้าก็แค่แปลกใจ หล่อนทิ้งคุณไปแล้วทำไมจู่ๆ ถึงกลับมา” ก็ไหนสัญญากับนายผู้หญิงเอาไว้แล้วว่าจะไม่โผล่หน้ากลับมาที่นี่อีก หรือพอหล่อนรู้ว่าท่านจากไปแล้ว ก็เลยเปลี่ยนใจกลับมาอย่างงั้นสิ!
นางเรือนตอบพร้อมคิดเองในใจ แน่นอนว่านางเองก็อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้น วันที่นายหญิงกับนายเดินทางไปพบดวงตะวันพร้อมขอร้องให้อีกฝ่ายพาตัวเองออกไปจากชีวิตของคุณวาคิม แม้จะรู้ทุกอย่างมาตั้งแต่ตนจนจบแต่นางกลับไม่เคยปริปากบอกใครเพราะสัญญากับนายหญิงว่าจะปล่อยให้ความลับนี้ตายไปกับตัวเอง
“มันเป็นเรื่องระหว่างเขากับผมครับ ป้าเรือนมีอะไรจะไปทำก็ไปเถอะ ออกไปแล้วก็ช่วยปิดประตูห้องให้ผมด้วย!” วาคิมตอบกลับเสียงแข็ง เขายืนมองจนหญิงชราพาตัวเองออกไปจากห้องพร้อมปิดประตูให้ตามสั่งถึงได้หันเหความสนใจมาที่อีกคนบนเตียงแทน แน่นอนว่าเขาเลือกที่จะพาเธอมาที่ห้องนอนของตัวเองเพราะว่าต่อจากนี้ไปที่นี่มันจะเป็นห้องของเธอด้วยเช่นกัน ไม่ว่ายังไงเขาจะไม่มีวันปล่อยเธอไป
“ขอต้อนรับกลับบ้านดวงตะวัน ฉันรับรองว่าจากนี้ไปเธอจะได้การตอบแทนที่กล้าหักหลังความรักของฉันอย่างสาสม รับรองได้เลย!” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเรียบก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังห้องน้ำแล้วกลับออกมาพร้อมผ้าจนหนูชุบน้ำในมือ เขาทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงข้างคนหมดสติ ก่อนที่จะเช็ดตัวให้เพราะสัมผัสได้ถึงความร้อนที่ผิดปกติ
“อือ…”
ดวงตะวันเริ่มรู้สึกตัวเมื่อสัมผัสเย็นๆ โดนเข้าที่ใบหน้า หญิงสาวพยายามฝืนลืมตาขึ้น แต่มันก็ทำได้ยากเย็นเหลือเกินในยามนี้
“อยู่เฉยๆ อย่าดื้อ!” วาคิมเอ่ยดุคนที่เริ่มดิ้นรนขัดขืนทั้งๆ ที่แค่จะลืมตาขึ้นยังทำได้ยาก จนเมื่อเช็ดตัวให้เสร็จเขาจึงหยิบผ้าห่มคลุมให้อย่างอ่อนโยน นั่นเองเธอถึงยอมสงบแล้วผล็อยหลับสนิทไป
ดวงตะวันหลับไปนานเท่าไหร่ไม่อาจคาดเดาได้ แต่สิ่งที่ทำให้หญิงสาวต้องมองไปรอบๆ ทันทีที่ตื่นขึ้นมาคือห้องนอนที่แสนคุ้นเคย เธอไม่รู้ว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร รู้เพียงแต่ว่าน้ำตามันไหลทะลักออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อพลันสายตาหันไปเจอเข้ากับรูปถ่ายรูปหนึ่งเข้า รูปถ่ายคู่ของเธอกับวาคิมที่ยังถูกวางเอาไว้ที่ข้างเตียงเหมือนเดิม..
“เธอคงคิดใช่ไหมว่าที่ฉันยังไม่ทิ้งมันไปเพราะยังรักเธออยู่…” ทว่าเสียงที่ดังขึ้นจากหน้าประตูห้องน้ำทำให้หญิงสาวต้องรีบหันไปมองก่อนจะพบว่าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเขา เจ้าของนอนห้องที่เธอกำลังนอนอยู่ เมื่อเห็นว่าเธอนิ่งเงียบไม่พูดอะไรวาคิมจึงเอ่ยต่อ...
”เปล่าเลยดวงตะวัน! ที่ฉันยังเก็บรูปนี้ไว้ แถมยังวางมันเอาไว้ข้างเตียงเหมือนเดิมก็เพราะว่ามันจะได้เตือนใจฉันทุกวินาทีแรกที่ฉันลืมตาตื่นขึ้น! เตือนให้ฉันได้รู้…ว่ารักแท้มันไม่เคยมีอยู่จริง! โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรักที่มาจากผู้หญิงใจร้ายอย่างเธอ!!” มันเจ็บปวดเหลือเกินที่ได้เห็นความบอบช้ำในดวงตาเขา ทุกอย่างมันย้ำเตือนให้เธอรู้ว่าตลอดห้าปีที่ผ่านมาเขาต้องทนอยู่กับความเจ็บปวดจากการถูกเธอหักหลัง แต่สิ่งที่เขาไม่เคยรู้เลยก็คือเธอเองก็เจ็บปวด
เจ็บมากกว่าเขาด้วยซ้ำ!
“ดวง…ขอโทษ”
“เก็บคำขอโทษจอมปลอมของเธอเอาไว้เถอะ! เพราะว่าฉันไม่อยากได้ยิน! ตื่นแล้วก็ลุกขึ้นมาเซ็นสัญญาซะ!!” วาคิมเอ่ยก่อนจะยื่นกระดาษสองแผ่นให้คนตรงหน้าให้เห็น มันคือสิ่งที่เขามองว่าควรทำเพราะเชื่อใจผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ เธออาจจะพาตัวเองหนีเขาไปอีกถ้ามีโอกาส เพราะฉะนั้นการทำสัญญาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ น่าจะเป็นผลดีที่สุด
“สัญญาอะไรคะ”
“ฉันจะปลดหนี้ให้เธอทั้งหมด! แลกกับการที่เธอต้องอยู่เป็นเมียบำเรอให้ฉันเป็นเวลาหนึ่งปี! เซ็นซะ!” ดวงตะวันบอกไม่ถูกว่าเธอรู้สึกอย่างไรกันแน่กับข้อเสนอใหม่ที่คนตรงหน้าหยิบยื่นให้ แต่ชีวิตเธอตอนนี้ใช่ว่าจะมีทางเลือกให้เลือกมาก แน่นอนว่าถ้าให้เลือกระหว่างวาคิมกับเสี่ยคนนั้น เธอขอเลือกให้เป็นเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
หญิงสาวไม่ทันได้อ่านสัญญาด้วยซ้ำตอนที่ต้องจรดลานเซ็นลงไป เธอมึนงงและสับสนเกินกว่าจะเข้าใจอะไรต่อมิอะไรในตอนนี้ ตอนที่ในหัวมันเต็มไปด้วยความสับสนและยากที่จะเข้าใจอะไรง่ายๆ
“ต่อจากนี้ไปเธอเป็นของฉัน! ฉันสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำห้ามขัดเข้าใจไหม!” วาคิมเริ่มต้นออกคำสั่งหลังจากได้สัญญากลับคืนมา
“ค่ะ” ซึ่งอีกฝ่ายก็รับคำเพียงสั้นๆ พร้อมก้มหน้านิ่งเหมือนว่าการมองหน้าเขา มันคือสิ่งสุดท้ายในโลกที่หล่อนอยากจะทำก็ไม่ผิด
“งั้นก็เริ่มจากคำสั่งแรก…ต่อไปนี้เวลาพูดกับฉันให้มองหน้า!!” ดวงตะวันเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินคำสั่ง จากนี้ไปไม่ว่าเขาสั่งให้ทำอะไรเธอก็ไม่มีสิทธิ์ขัดอะไรเขาได้อีก คิดถึงตรงนี้ยิ่งทำให้หญิงสาวเจ็บปวด
“ดวงอยากไปนอนที่วัดคืนนี้ได้ไหมคะ”
“ไม่ได้! ทางนั้นฉันสั่งให้คนของฉันจัดการแล้ว เธอค่อยไปวันเผาทีเดียวก็แล้วกัน!” วาคิมไม่อนุญาตเพราะกลัวคนตรงหน้าจะต้องไปเจอเจ้าหนี้คนไหนของผู้เป็นน้าเข้าอีก เขากลัวกระทั่งว่าหล่อนอาจชอบข้อเสนอของคนอื่น ที่อาจจะหยิบยื่นมาให้เลยไม่อนุญาตให้ไป
“แต่ว่าดวง…”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น! ตื่นแล้วก็เข้าไปล้างหน้าจะได้ลงไปทานข้าว!” ดวงตะวันไม่กล้าที่จะขัดใจอีกฝ่ายมากนักจึงยอมเดินเข้ามาล้างหน้าในห้องน้ำก่อนจะกลับออกไปหาเขาอีกครั้ง วาคิมเอื้อมมือมากุมมือเธอเอาไว้ ก่อนจะลากลงมาด้านล่างด้วยกันโดยไม่พูดอะไร
“นั่งลง!” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเมื่อมาถึงห้องรับแขกที่ข้าวเย็นถูกจัดเอาไว้ตามที่เขาสั่งโดยมีป้าเรือนยืนอยู่ใกล้ๆ ไม่ยอมไปไหนเหมือนทุกที
“สวัสดีค่ะป้าเรือน” ดวงตะวันเริ่มต้นยกมือไหว้คนเก่าคนแก่ของบ้านที่กำลังยืนมองเธอด้วยสายตาตั้งคำถาม แน่นอนว่าเธอพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะถามอะไรแต่เพราะตอนนี้มีวาคิมอยู่ด้วยถึงได้เก็บมันเอาไว้ ไม่กล้าที่จะเอ่ย นั่นยิ่งทำให้เธอมั่นใจว่าเขาคงยังไม่รู้เรื่องที่แม่ของเขาเป็นต้นเหตุทำให้เธอตัดสินใจบอกเลิกเขาในค่ำคืนนั้น
“ป้าเรือนจะไปไหนก็ไปเถอะครับ มีคนมายืนจ้องผมกินข้าวไม่ลง! ขาดเหลืออะไรเดี๋ยวผมเรียกเด็กๆ เอง” วาคิมเปิดปากไล่หญิงชราออกมาตรงๆ เขาไม่ค่อยชอบสายตาที่อีกฝ่ายมองคนของเขาสักเท่าไหร่ เขาคนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์มองดวงตะวันด้วยสายตาแบบนี้