ตอนที่ 4

2929 Words
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูดังขึ้น “ขออนุญาตค่ะ อ่าวคุณหมอหายไปไหน” พยาบาลสาวเปิดประตูเข้ามาพลางมองหาคุณหมอคนสวยไปทั่วห้องตรวจ “คุณหมอไปไหนนะ รึว่ากลับบ้านไปแล้วนี่มันก็ 5 โมงกว่าแล้วนี่น่า แต่ทำไมไม่เห็นเดินออกไปนอกห้อง รึว่าจะออกไปตอนเราไม่เห็น” เธอพูดอยู่คนเดียวแล้วเดินไปปิดไฟในห้องตรวจก่อนจะเดินออกไปจากห้องนี้เมื่อปิดไฟเรียบร้อยแล้ว ทางด้านคุณหมอสาวที่ตื่นขึ้นมาเพระได้ยินเสียงเคาะประตู เธอพยายามนอนให้เงียบที่สุดเพราะกลัวคนที่มาเคาะจะได้ยินเสียงเธอแล้วเปิดประตูเข้ามาในอีกห้องหนึ่ง พอได้ยินเสียงปิดประตูดังขึ้น เธอก็เริ่มสำรวจไปรอบๆที่ๆเธออยู่ทันที เอ๊ะนี่มันห้องรีดน้ำเชื้อนี่ เธอคิดพลางค่อยๆมองรอบห้องช้าๆแล้วเหตุการณ์ต่างๆก่อนหน้านี้ค่อยๆไหลเข้ามาในความคิดของหญิงสาว เธอร่วมรักกับไอ้คนไข้โรคจิตจนสลบไปเลยเหรอเนี่ย เธอมองแขนใหญ่ที่พาดอยู่บนเอวบางก่อนจะค่อยๆยกขึ้นเบาๆแล้วเคลื่อนตัวออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม ซี๊ด โอ้ย ทำไมเธอเจ็บแบบนี้เนี่ย ไอ้บ้านี่ทำกับเธอไปกี่รอบเนี่ยหวังว่าคงไม่ลักหลับเราต่อใช่ไหมเนี่ย เธอคิดพลางค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นยืน ปวดแสบไปหมดกลางร่างกาย เธอลุกขึ้นยืนมองร่างหนาที่สวมแต่กางเกงแล้วเปลือยท่อนอกแกร่งนอนกอดเธอไว้บนเตียง นี่เขาคงสวมเสื้อผ้าให้เธอสินะ คิดพลางแก้มใสขึ้นสีแดงระเรื่อ ดีนะที่เขายังมีจิตสำนึกบ้าง จากนั้นเธอค่อยๆย่องออกจากห้องนั้นไปอย่างเบาที่สุดเพราะกลัวเขาจะตื่นขึ้นมา เธอเดินออกจากห้องตรวจด้วยท่าทีแปลกๆพร้อมกับขยับเสื้อคลุมของหมอขึ้นมาปกปิดร่องรอยบนซอกคอที่เขาทำไว้ กลัวว่าคนอื่นจะเห็นแล้วเอาไปนินทา “อ่าวคุณหมอมิว ทำไมออกมาจากห้องตรวจละคะ เมื่อกี้ปลาเดินเข้าไปไม่เห็นเจอคุณหมอเลยค่ะ” พยาบาลสาวที่เดินเข้าไปตรวจเช็คห้องเมื่อกี้ถามขึ้น “เอ่อ เอ่อ พอดีมิวเข้าไปอีกห้องนึงเพื่อเก็บของนะคะ สงสัยพี่ปลาคงเข้าไปตอนนั้นแน่เลย” เธอว่าพลางมองไปที่หน้าของพยาบาลสาว “ถ้าไม่มีอะไรแล้วมิวขอตัวนะคะ” เธอบอกก่อนจะรีบเดินออกไปด้วยท่าทางแปลกๆ “ค่ะ” พยาบาลสาวตอบรับ เอ๋ทำไมคุณหมอเดินแปลกๆ รึว่าจะไม่สบาย เธอคิดในใจก่อนจะเดินออกไปเพื่อทำงานต่อ “เฮ้อ” พอมาถึงห้องทำงาน คุณหมอคนสวยนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานอย่างอ่อนแรง “จะทำยังไงดีเนี่ย โอ๊ยปวดหัว ค่อยคิดละกัน” เธอบ่นอยู่คนเดียว จากนั่นรีบเก็บของกลับไปคิดที่คอนโดดีกว่า คุณหมอสาวเดินออกมาขึ้นรถที่ลานจอดรถก่อนจะขับออกไปทันที ระหว่างทางเธอไม่ลืมแวะซื้อยาคุมฉุกเฉินป้องกันไว้ดีกว่าแก้ จากนั้นเธอก็ขับรถมาจนถึงคอนโด ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลมากนัก เธอขึ้นห้องอาบน้ำอาบท่าแล้วหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ทางด้านชายหนุ่มเมื่อตื่นขึ้นมาไม่เห็นหญิงสาวก็รีบใส่เสื้อแล้วออกไปจากห้องตรวจทันที ซึ่งนี่เป็นเวลา สองทุ่มกว่าแล้ว นี่เขานอนหลับยาวขนาดที่ไม่รู้เรื่องเลยเหรอ เขาคิดพลางรีบเปิดประตูออกไปจากห้องตรวจทันที “เธอนะเธอทิ้งเราไว้คนเดียวได้ไง แทนที่จะปลุกกันบ้าง ฮึ่ย” เขาบ่นพึมพำอยู่คนเดียวก่อนจะเดินออกจากโรงพยาบาลไปขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที เขาขับรถมาเรื่อยๆจนมาถึงบ้านหลังใหญ่ของบิดามารดาแล้วจอดรถก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน “อ่าวตาคิณฑ์ ทำไมวันนี้กลับมานอนบ้านได้ละลูก ลมอะไรหอบลูกแม่มาน้า” คุณหญิงศจีแกล้งแหย่ลูกชายเล่นเพราะส่วนใหญ่แล้วชายหนุ่มมักจะนอนพักที่คอนโดเสียเป็นส่วนใหญ่ เขาให้ข้ออ้างว่าใกล้ที่ทำงานบ้างละขี้เกียจกลับบ้านรถติดบ้างละ เธอเลยไม่เซ้าซี้เพราะรู้ว่าลูกชายทำงานหนัก ต้องรับผิดชอบกิจการต่างๆมากมายหลายประเทศ เธอจึงคิดอยากให้เขามีครอบครัวจะได้มีคนมาคอยช่วยดูแลชายหนุ่มด้วยไม่ใช่เอาแต่ทำงานหนักอยู่อย่างนี้ “ก็ผมคิดถึงมัมอะครับ ไม่ได้กอดมัมตั้งหลายวัน คิดถึงมัมที่สุดเลย” เขาว่าพลางเดินไปกอดแล้วหอมลงไปที่แก้มอวบนั้นแรงๆหนึ่งที “นี่ๆหยุดเลยนั่นแก้มเมียพ่อนะเว้ย ถ้าอยากหอมก็ไปหาเมียมาสิ อย่ามายุ่งกับเมียพ่อนะ คนนี้พ่อหวง” คุณฟรานซิสพูดก่อนที่จะเดินเข้าไปกอดภรรยาของตัวเองแล้วดึงเบาๆออกมาจากกอดของลูกชายตัวดี “แด๊ดครับ นี่มัมเป็นแม่ผมนะครับแด๊ด หวงได้แม้กระทั่งลูกของตัวเอง” ชายหนุ่มว่าพร้อมทั้งทำท่างอนก่อนจะเดินขึ้นไปข้างบนห้องของตัวเองเพื่ออาบน้ำอาบท่านอนเพราะวันนี้ใช้พลังงานไปเยอะต้องพักผ่อนเอาแรงก่อน “อ่าวแล้วกินข้าวมายังละลูก” แม่ของชายหนุ่มตะโกนตามหลังลูกชายที่เดินขึ้นบันไดไปแล้ว “ไม่หิวครับมัม ผมขอพักผ่อนก่อนครับ เหนื่อยมากเลยวันนี้” เขาบอกออกไปพร้อมทั้งก้าวเดินไปยังห้องของตนเอง “เฮ้อทำงานหนักอย่างนี้ เมื่อไหร่เราจะมีหลานมาวิ่งเล่นในบ้านเราล่ะคุณ ฉันอยากอุ้มหลานเต็มแก่แล้วนะ” คุณหญิงศจีพูดกับสามีออกมา เธอก็อายุเยอะแล้วความฝันของเธอตอนนี้คืออยากอุ้มหลานไวๆเพราะกลัวจะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าหลานนะสิ “คุณก็หาๆผู้หญิงมาให้เจ้าคิณฑ์มันเลือกบ้างสิ เพื่อนคุณก็เยอะแยะ ลูกสาวก็หน้าตาสวยๆทั้งนั้นนี่” คุณฟรานซิสบอกภรรยาออกไป “ใช่เลยคุณ เดี๋ยวฉันต้องไปคัดเลือกมาให้ตาคิณฑ์ดูตัวเสียหน่อยแล้วไม่งั้นไม่ทันได้อุ้มหลานแน่”เธอพูดพร้อมกับทำตาเป็นประกาย “นี่ความคิดผมเลยนะเนี่ยคุณ เพราะฉะนั้นคุณต้องมีรางวัลให้ผมชุดใหญ่เลยนะเนี่ย” คุณฟรานซิสว่าพร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่มออกมา “นี่อะไรคุณ คุณไม่คิดจะหยุดพักบ้างเลยรึไงคะ คุณนี่มันจริงๆเลย” เธอเอ็ดสามีไปไม่จริงจังนัก เธอรู้ว่าสามีเธอนั้นรักเธอมากเพียงใด ตั้งแต่แต่งงานอยู่กินกันมาเขาแทบไม่เคยทำให้เธอเสียใจเลย เรื่องชู้สาวก็ไม่เคยมี “น่านะนิดเดียวนะคุณ นะนะนะ ปะขึ้นห้องกัน” เขาพูดหน้าเปื้อนยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับกอดเอวภรรยาเดินขึ้นไปยังห้องนอนใหญ่ “คุณก็...” คุณหญิงพูดได้แค่นั้นก็ยอมเดินตามแรงฉุดของร่างสูงขึ้นไปบนห้องนอนทันที เช้าวันถัดมา มาร์กตื่นนอนได้สักพัก เขานอนมองร่างเล็กที่กำลังนอนเกยอยู่บนตัวของเขา แขนเรียวเล็กข้างหนึ่งพาดผ่านหน้าอกเขาส่วนอีกข้างเกาะไหลชายหนุ่มเอาไว้หลับตาพริ้ม ดูแล้วเหมือนเธอกำลังมีความสุข สงสัยจะฝันดี เขาคิดพร้อมทั้งเอื้อมมือไปปัดปอยผมที่ปกหน้าหญิงสาวออกอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็ยกหัวขึ้นไปจูบเข้าที่หน้าผากมนเบาๆหนึ่งทีก่อนที่จะลดหัวลงมานอนต่อเพราะเกรงว่าจะรบกวนเวลานอนอันมีค่าของเธอ เวลาผ่านไปสักพักหญิงสาวงัวเงียตื่นขึ้นมาก่อนจะพบความผิดปกติรอบๆกายเธอ เอ๊ะนี่ไม่ใช่ห้องนอนเรานี่ แล้วที่นี่ที่ไหน เธอคิดในใจพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบๆห้องอีกครั้งและไปสะดุดตรงใต้ร่างตัวเองเหมือนมีอะไรอุ่นๆรองรับอยู่เธอค่อยๆลดสายตาลงไปมอง หญิงสาวเบิกตากว้าง เธอกับเขามีอะไรกันจากนั้นเธอก็... หญิงสาวจำเรื่องราวต่อจากนั้นไม่ได้ เธอพยายามลุกขึ้นจากตัวของชายหนุ่ม มาร์กที่ตื่นมาได้สักพักใหญ่ๆแกล้งหลับเพื่อดูปฏิกิริยาของหญิงสาวว่าตื่นมาเจอแบบนี้จะทำยังไง เขาแกล้งดิ้นใช้แขนทั้งสองข้างไปโอบกอดหญิงสาวเอาไว้ไม่ให้เธอลุกขึ้นได้ เธอพยายามเเกะเเขนเขาออกให้เบาที่สุด เพราะกลัวเขาตื่นขึ้นมา เธอไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว พอแกะแขนหนาออกได้เธอค่อยๆคลานลงจากเตียงใหญ่ พอเธอขยับได้นิดเดียวก็รู้สึกเจ็บตรงใจกลางลำตัวขึ้นมา แต่ก็รีบสลัดความเจ็บนั้นก่อนจะรีบคลานลงจากเตียงใหญ่ พร้อมทั้งรีบสวมใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว แต่ร่างเล็กยังไม่ได้ออกจากห้องก็ถูกยกลอยหวือกลับมานอนที่เดิมด้วยฝีมือของชายหนุ่ม “จะรีบไปไหนละยังเช้าอยู่เลย” ชายหนุ่มบอกออกไปพร้อมกับกระชับอ้อมแขนมากยิ่งขึ้น “เช้าอะไรละคะสายแล้ว แล้วนี่ตาหายมาตั้งแต่เที่ยงของเมื่อวานไม่รู้จะมีคนสงสัยไหม ปล่อยตานะคะพี่มาร์กตาจะไปทำงาน” เธอรีบเอาเรื่องงานมาอ้าง “แล้วตาไม่เหนื่อยเหรอ เมื่อวานก็เสร็จไปตั้งหลายยก พี่เหนื่อยจะแย่” เขาพูดแหย่ออกไปให้เธอได้หน้าแดงเล่น “พี่มาร์กบ้าพูดอะไรไม่อายฟ้าอายดิน ไม่เอาแล้วตาจะไปทำงาน” เธอพยายามไม่พูดถึงเรื่องเมื่อคืน จะโทษเขาก็ไม่ได้ก็เธอกลับยินยอมพร้อมใจไปกับเขาด้วยนะสิ “แล้วตาจะใส่ชุดนี้ออกไปจากห้องนี้ตอนนี้เนี่ยนะ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเบนสายตาไปมองสำรวจเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่อยู่ “เอ่อ” หญิงสาวพูดไม่ออกเพราะตอนนี้เสื้อผ้าของเธอยับยู่ยี่จนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลยด้วยซ้ำ “รอพี่อยู่นี่ก่อนพี่ขอทำธุระแป๊บหนึ่งเดี๋ยวพี่จะไปเอาชุดยัยมิวมาให้ แล้วอย่าออกไปไหนล่ะถ้าไม่อยากเป็นคนดังในชั่วข้ามคืน” เขาพูดกันเธอเอาไว้แล้วแกล้งแหย่ออกไป แต่ใครจะไปรู้เพราะเขาน่ะฮอตจะตาย ถ้าใครเห็นเธอในสภาพนี้เดินออกไปก็คงจะเดาได้ไม่ยากว่าเกิดอะไรขึ้น “ค่ะ รีบๆกลับมานะคะ มันสายแล้วตาจะลงไปทำงาน” เธอรีบบอกออกไปเพราะตอนนี้สายแล้วด้วย “จ้า พี่รู้แล้ว” เขาตอบรับออกไปก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ พอทำธุระส่วนตัวเสร็จเขาก็เดินออกมา มองหญิงสาวที่ตอนนี้นั่งอยู่บนเตียงก่อนจะพูดออกไป “เดี๋ยวตาอาบน้ำแปรงฟันที่นี่เลยนะ ของใช้ในห้องน้ำก็มีใช้ได้เลย เดี๋ยวพี่ลงไปไม่เกิน 10 นาที” พูดเสร็จเขาก็เดินออกจากห้องไปทันที พอลับตาชายหนุ่มเธอรีบเดินไปเข้าห้องน้ำอาบน้ำแปรงฟันอย่างเร่งรีบเพราะเขาบอกอีก 10นาทีจะกลับมา ดีนะที่ห้องของเขามีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกทุกอย่างครบครัน ผ่านไปเกือบสิบนาที ชายหนุ่มก็เดินเข้ามาภายในห้องนอนเล็ก สายตาสอดส่องหาร่างเล็กที่ตอนนี้นั่งพิงหัวเตียงอยู่ ก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาถือของที่ชายหนุ่มเอามาให้ นั่นก็คือชุดของเพื่อนสาวนั่นเอง “อ่ะ นี่ของยัยมิว ใช้ไปก่อนนะแก้ขัดไปก่อน” เขาพูดพร้อมกับยื่นของเหล่านั้นให้เธอ “ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าวขอบคุณแล้วรับของเดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปเปลี่ยนชุดทันที “เดี๋ยวพี่รออยู่ข้างนอกนะครับ เสร็จแล้วไปเจอพี่ที่โต๊ะทำงานนะพี่มีเรื่องจะคุยด้วย” เขารีบบอกก่อนจะเดินออกไป “ค่ะ” เธอตอบรับ หญิงสาวรีบเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำทันที ดีนะที่ชุดของเพื่อนเธอเรียบร้อยเลยปิดรอยแดงได้จนเกือบหมด เธอคิดออกมาพลางรีบเก็บเสื้อผ้าของตนเพื่อออกไปพบชายหนุ่มที่รออยู่ด้านนอก เวลาผ่านไปสักพักเธอก็เดินออกมาจากห้องนอนเล็กมานั่งตรงข้ามกับชายหนุ่ม พร้อมกับดึงเสื้อกาวที่สวมใส่อยู่มาปิดรอยแดงที่เขาทำไว้ “พี่มาร์คมีอะไรจะคุยกับตาคะ” เธอพูดหลังจากนั่งลงเรียบร้อยแล้ว “คือเรื่องของเราพี่จริงจังนะ พี่ชอบตาจริงๆ เราเป็นแฟนกันนะ ถ้าตาให้โอกาสพี่ พี่สัญญาจะดูแลตาไม่ทำให้ตาเสียใจ” เขาพูดพร้อมกับเดินอ้อมมาหาเธอก่อนจะรั้งร่างบางขึ้นมากอดไว้ “เอ่อคือ ตาคิดว่ามันเร็วไปนะคะพี่มาร์ก” เธอพูดไปหน้าแดงไป “มันไม่เร็วไปหรอกตาเรารู้จักกันมาเป็น 10 ปีละนะแล้วพี่ก็แอบชอบเรามาตั้งนานแล้วด้วย คบกับพี่นะ” เขาอ้อนวอนเธอออกมา “เอ่องั้นก็ได้ค่ะ แต่พี่มาร์กต้องเก็บไว้เป็นความลับก่อนนะคะอย่าพึ่งบอกให้ใครรู้ ถ้าตาพร้อมตาจะเป็นคนบอกเอง โอเคไหมคะ” เธอบอกเขาออกไปเพราะเธอยังคิดว่ามันเร็วไปอยู่ดี “ก็ได้ครับที่รัก งั้นเราเป็นแฟนกันแล้วนะ ห้ามนอกใจพี่ด้วย ห้ามมองคนอื่น ห้ามคุยกับผู้ชายคนอื่นด้วยเข้าใจไหม” ได้ทีเขารีบต่อรองทันที “เอ...พี่ว่ามันก็เป็นความคิดที่ดีนะ จะได้ไม่มีใครมาแย่งตาไปจากพี่” เขาพูดพลางยิ้มออกมา “โอเคค่ะที่รัก ต่อไปนี้พี่จะเรียกเราว่าที่รักๆๆๆๆนะ” เขาพูดพลางยิ้มตาหยีออกมา “เรียกแค่ตอนอยู่กันสองคนนะคะ” เธอรีบบอกออกไปเผื่อชายหนุ่มเผลอไปเรียกให้คนอื่นได้ยินจะเป็นเรื่องเอาได้ “งั้นตาไปแล้วนะคะ” เธอพูดก่อนจะเปิดประตูห้องของชายหนุ่มออกไป “ครับ” เขาตอบรับก่อนจะมองร่างเล็กที่เดินออกจากประตูไปแล้ว จากนั้นก็ยิ้มกริ่มออกมา สุดท้ายแล้วหญิงสาวก็หนีเขาไปไม่พ้น ทางด้านของหญิงสาวพอเดินออกมาก็เจอกับเลขาหน้าห้องของชายหนุ่ม เธอเงยหน้าขึ้นมามองคุณหมอสาวอย่างงงๆ “อ่าวสวัสดีค่ะคุณหมอ แต่ว่าเข้าไปในห้องตอนไหนคะ ดิฉันไม่เห็นเลยไม่ได้เสิร์ฟกาแฟให้” เธอรีบบอกออกมาเพราะเธอไม่เห็นตอนที่คุณหมอสาวเดินเข้าไป สงสัยเป็นตอนที่เธอไปเข้าห้องน้ำแน่เลย “เอ่อ พอดีตาเข้ามาได้สักพักแล้วค่ะ พี่มาร์กโทรเรียกมาปรึกษาเรื่องงานนิดหน่อยนะคะ งั้นตาขอตัวก่อนนะคะ” เธอรีบบอกออกไปพร้อมกับกล่าวขอตัวออกมาจากตรงนั้นทันทีก่อนที่เลขาของชายหนุ่มจะถามมากกว่านี้ คุณหมอสาวลงลิฟต์มาจนถึงด้านล่างสุดจากนั้นเธอรีบเดินตรงไปยังห้องทำงานของตัวเองทันทีเพราะตอนนี้เธอไม่อยากพูดคุยกับใครทั้งนั้น พอเธอเดินมาได้สักพักก็เจอกับเพื่อนสาวของเธอ คุณหมอมิวที่เห็นเพื่อนรีบเดินก็เข้ามาทักทายตามปกติ “ยัยตาจะรีบไปไหนยะ มาทำงานก็สาย” หมอมิวพูดออกไปเพราะปกติเพื่อนเธอแทบจะไม่มาทำงานสายเลยด้วยซ้ำ แต่เอ๊ะเพื่อนเธอไม่ได้ถือกระเป๋าสะพายนี่ “แต่ ไหนกระเป๋าแกละ รึว่าแกมาทำงานนานละ แต่ทำไม่ฉันไม่เห็นแกล่ะ” หมอสาวสงสัย “อ่าวแกจะเห็นฉันได้ยังไง ฉันก็ไปทำงานของฉันสิ” เธอรีบแก้ตัวออกไป “เออใช่ แต่เอ๊ะนี่มันชุดของฉันนิแล้วไปอยู่ที่แกได้ยังไง” หมอมิวสงสัยออกไป “เอ่อพอดีเมื่อคืนมีเคสด่วนฉันเลยต้องทำงานดึกจึงนอนที่นี่ไม่มีชุดเปลี่ยนเลยเข้าไปยืมชุดแกในห้องทำงาน แกมาน่ะ” หมอตารีบพูดออกไปยาวเหยียดเพราะกลัวเพื่อนจะสงสัย “อ้อฉันเข้าใจแล้วงั้นแกไปทำงานเถอะเดี๋ยวฉันก็จะไปทำงานเหมือนกัน เออ แต่เย็นนี้ฉันนัดเพื่อนๆไว้นะ อยากคลายเครียด” หญิงสาวบอกออกไป เพราะเธอต้องการคลายเครียดจากเรื่องที่เจอมา “อืมแต่ไปรถแกนะ ฉันขี้เกียจขับ แล้วเจอกันหลังเลิกงาน ไปละบาย” หมอสาวพูดก่อนจะขอตัวเดินเข้าไปในห้องทำงานเพื่อพักผ่อน “โอเคบายแล้วเจอกัน” หมอมิวบอกลาเพื่อนแล้วเดินตรงไปทำงานต่อทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD