Chapter 2
รักต้องรุก (4)
เสียงนกขับขานพร่ำรำพันถ้อยคำรักดังแว่วมาจากสวนเขียวรื่นข้างบ้าน...ตรงมุมทานอาหารของครอบครัวในยามเช้าตรู่ของวันหยุด เป็นวันที่ทุกคนในบ้านจะลงมาทานมื้อเช้าร่วมกันพร้อมหน้าพร้อมตา...ดาริกาเหลียวมองไปรอบๆ เมื่อเมธนีลูกชายคนโตกับลูกสะใภ้นั้นลงมาร่วมโต๊ะหากแต่ไร้เงาหลานสาวทั้งสอง ปกติแล้วสองสาวจะลงมาก่อนใคร วันนี้แปลกไปที่ทั้งสองยังไม่ลงมาร่วมวง
"ครีมกับเค้กยังไม่ตื่นเหรอจ๊ะตาเมษ"
"นั่นสิครับคุณแม่ ผมก็นึกว่าลงมาแล้วเสียอีก"
ตอบก่อนหันไปสบตาภรรยา หล่อนมีสีหน้าแปลกใจไม่ต่างกัน
"ตาตุลย์ใช้งานหนักหรือเปล่าเนี่ย ป่านนี้ยังไม่ตื่นมาทานข้าวเช้า"
"นินทาอะไรผมแต่เช้าครับคุณแม่"
เจ้าของชื่อเดินมาได้ยินพอดี เขาเดินอ้อมไปด้านหลังมารดาแล้วกอดท่านเอาไว้ โน้มใบหน้าลงไปหอมแก้มทั้งสองข้างเข้าปอดแรงๆ นั่นคือเรื่องปกติที่ชายหนุ่มมักทำเป็นประจำ
"ตอนนี้ก็หอมแม่หรอกนะ พอมีเมียขี้คร้านจะลืมแม่"
เสียงฟังดูกระเซ้าเย้าแหย่ เรียกเสียงหัวเราะเล็กๆ เล็ดลอดริมฝีปากได้รูป
"ผมจะไม่มีเมียหรอกครับคุณแม่ จะอยู่กวนใจคุณแม่ไปแบบนี้แหละครับ"
"จ้า ให้มันจริง"
เมธนีปิดปากซ่อนขำเมื่อได้ยินน้องชายพูดมาแบบนั้น เขาจะดูน้ำหน้าคนที่ปากบอกว่าไม่อยากมีเมีย ท้ายที่สุดจะทนนอนเหงากอดหมอนไปได้สักกี่น้ำ เชื่อว่าน้องชายไม่ได้อยากจะครองโสดไปจนตลอดชีวิต เพียงแต่ยังหาคนถูกใจไม่ได้เท่านั้นเอง
"ตุลย์ลงมาแล้วก็ดี ไปตามหลานทีสิจ๊ะป่านนี้ทำไมยังไม่ตื่นมาทานข้าวเช้า"
ดาริกาไหว้วานลูกชายคนเล็ก ในขณะที่ตรัยคุณยืนละล้าละลัง เพราะนับตั้งแต่เกิดเรื่องในคืนนั้น เขาก็รู้สึกแปลกๆ อยู่ในหัวใจอย่างไม่เคยเป็น กลายเป็นคนมีชนักติดหลังกลัวผู้ใหญ่จะรู้เรื่องระหว่างเขากับมทนาลัย
หากแต่เขาก็ไม่อยากแสดงความผิดปกติออกมา จึงยอมทำตามคำขอร้องของมารดา ชาชินกับความที่ท่านเป็นคนเจ้าระเบียบ เรื่องทานมื้อเช้าพร้อมกันนั้นทุกคนในบ้านจึงต้องตื่นมาให้ทันเวลา ไม่ให้สายจนเลยเวลาที่คนอื่นในบ้านต้องมานั่งรอ
+++++++
เสียงเคาะประตูห้องดึงสติคนที่นอนหลับตาอยู่บนเตียงให้ลืมตาโพลง ที่จริงหล่อนตื่นนานแล้วเพียงแต่รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวจึงไม่อยากลุกจากที่นอนขยับกายทำอะไร หากแต่เสียงเคาะพร้อมเสียงเรียกคุ้นหู ก็ทำให้มุกตาภาต้องผลุนผลันลุกนั่ง ลงจากเตียงแล้วเดินไปหยิบเสื้อคลุมมาสวมทับชุดนอนกระโปรงสั้น ด้วยรู้ดีว่าคนข้างนอกเป็นผู้ชาย แม้จะสนิทสนมกับเขาแค่ไหนแต่หล่อนก็ต้องระวังตัวเอง ไม่อย่างนั้นอาจถูกสายตาดุๆ ไล่มองไปทั้งตัวด้วยความไม่พอใจที่ตนทำตัวไม่เรียบร้อยเวลาอยู่ต่อหน้าเขา
"อาตุลย์...เอ่อ..."
ตรัยคุณไล่มองคนที่ยืนจับลูกบิดประตูอยู่ตรงหน้า มองแววตาง่วงงุนและผมยุ่งๆ ที่คลอเคลียอยู่ข้างพวงแก้มแล้วจู่ๆ เขาก็รู้สึกลมหายใจติดขัดขึ้นมาเสียดื้อๆ น่าแปลกที่หล่อนยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด แต่เขากลับรู้สึกแปลกๆ อยู่ในหัวใจเมื่อเห็นมุกตาภาในสภาพเพิ่งลุกจากเตียงนอน
"คุณย่าให้...เอ่อ...ให้อามาตามน่ะ ท่านรอครีมกับเค้กลงไปทานข้าวพร้อมกัน"
เพียงเท่านั้น คงฟังก็ทำหน้าและจมูกย่นราวกับไม่อยากลงไปร่วมวง
"แต่ครีมรู้สึกไม่สบายตัวเลยค่ะ ขอไม่ทานได้มั้ยคะ"
"เป็นอะไรมากหรือเปล่า จะไปหาหมอมั้ย เดี๋ยวอาพาไป"
หลังมือแกร่งยื่นไปอังบนหน้าผากขาวเนียนด้วยความอาทรเมื่อได้รู้ว่าหล่อนไม่สบาย คือการแสดงออกที่ทำให้อีกฝ่ายถึงกับหัวใจพองโตจากสัมผัสอุ่นซ่านซึมลึก หากแต่ก็ไม่กล้าแสดงมันออกมา กับความรู้สึกส่วนลึกที่ซ่อนเอาไว้ในใจ
"ไปแต่งตัวสิครับ เดี๋ยวอาจะลงไปบอกคุณย่าว่าครีมไม่สบาย"
"ต้องไปหาหมอจริงๆ เหรอคะ บางทีแค่กินยา..."
"ไปนั่นแหละดีแล้ว เดี๋ยววันจันทร์ไปทำงานไม่ได้นะครับ อย่าลืมว่าช่วงนี้เราน่ะกำลังอยู่ในช่วงเรียนรู้งาน ขาดงานบ่อยๆ จะไม่ดี อาเตเขาก็ไม่ได้ว่างมาคอยสอนงานเราได้ทุกวันนะ"
ชายหนุ่มออกคำสั่งแล้วมัดมือชกด้วยการดึงบานประตูให้ปิดเพื่อให้หล่อนแต่งตัว ส่วนเขาจะเดินไปปลุกมทนาลัยแล้วลงไปบอกมารดาเรื่องที่จะพามุกตาภาไปโรงพยาบาล
เสียงเคาะประตูห้องพร้อมเสียงเรียกคุ้นหูทำให้เจ้าของห้อง
อมยิ้มกับตัวเอง...มทนาลัยกัดริมฝีปากเมื่อนึกอะไรสนุกๆ ขึ้นมาได้ ขณะเดียวกันนั้นหล่อนรีบคว้าผ้าขนหนูมาพันร่างกายที่อยู่ในสภาพชุดชั้นในสองชิ้นไร้ซึ่งอาภรณ์ปกปิด เดินไปเปิดประตูห้องแล้วรีบผลุบร่างไปยืนแอบอยู่ข้างมุมประตู...ภายในห้องที่ว่างเปล่าทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากันพร้อมสอดส่ายสายตามองหาด้วยความงุนงง
"เค้ก...อยู่ไหน อาไม่มีเวลามาเล่นซ่อนแอบกับเธอนะ"
ตรัยคุณขยับเท้าเข้าไปในห้อง มองหาคนขี้แกล้งพลางผ่อนลมหายใจหนักๆ ให้กับความดื้อของเจ้าหล่อน แต่แล้วเขาต้องสะดุ้งตกใจเมื่อมีร่างหนึ่งโถมเข้าหาจากด้านหลังแล้วกอดเอวเขาเอาไว้จนแน่น
"จ๊ะเอ๋ อยู่นี่ค่ะ"
".....!"
ความนุ่มหยุ่นที่บดเบียดอยู่กับแผ่นหลังกว้างทำให้สองมือแกร่งพยายามแกะท่อนแขนเรียวออกจากเอว ความร้อนรุ่มมาเยือนราวถูกไฟลนจนลมหายใจร้อนผ่าว ในขณะที่มทนาลัยเอาแต่หัวเราะขบขันให้กับท่าทีนั้นพลางแนบใบหน้าเข้าซุกซบแผ่นหลังกว้าง สองแขนเรียวเกี่ยวกระชับไม่ยอมให้เขาแกะออกอย่างง่ายดาย
"เมื่อคืนฝันถึงอาตุลย์ด้วยค่ะ ฝันว่าเรา..."
"เค้ก! ปล่อยอาก่อน เดี๋ยวคุณพ่อกับคุณย่ามาเห็น"
"เห็นก็ดีเลย เค้กจะได้บอกพวกท่านว่าเราสองคนมีอะไรกัน แล้วท่านก็จะจับเราสองคนแต่งงานกัน"
"เค้ก! จะบ้าหรือไง พูดอะไรออกมา"
"อาตุลย์ใจร้าย รู้ว่าเค้กรัก..."
"หยุดเลยนะ พูดบ้าอะไร!"
เสียงดุๆ แทรกขึ้นไม่รอให้หล่อนพูดจบ ทำเอาเจ้าตัวหน้าม่อยขึ้นมาทันที
"คุณย่าให้อามาตามลงไปทานข้าว ปล่อยได้แล้ว"
"เค้กเพิ่งอาบน้ำเสร็จ กำลังจะแต่งตัวแต่อาตุลย์ก็มาเรียกพอดีไงคะ"
หล่อนยอมคลายอ้อมกอดออกแล้วเดินอ้อมมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า...ร่างขาวโพลนที่อยู่ในสภาพผ้าขนหนูผืนน้อยพันกายอยู่หมิ่นเหม่ชนิดที่เขาสะกิดปมครั้งเดียวก็หลุดออกไปกองอยู่บนพื้น ทำให้คนมองอยากจะวิ่งไปคว้าผ้าเช็ดหน้ามาซับเลือดกำเดาที่ใกล้จะพุ่งออกมาตามเลือดในกายที่สูบฉีดวิ่งพล่าน...แววตาไม่รักดีไล่มองไปทั่วร่างกลมกลึงอย่างไม่อาจห้าม เรียกรอยยิ้มเล็กๆ ของเจ้าหล่อนให้ผุดพราว
"อุ๊ย!" มทนาลัยก้มลงมองผ้าเช็ดตัวที่หลุดเลื่อนออกจากร่างไปกองอยู่ปลายเท้า...สภาพที่มีเพียงบราห่อหุ้มของเจ้าหล่อนทำให้คนมองสติกระเจิดกระเจิงไปไกล แววตาสองคู่สบประสานอย่างค้นหาความรู้สึกที่แท้จริงภายใต้ก้นบึ้งของหัวใจ
"เค้ก! ระ รีบแต่งตัวเดี๋ยวนี้"
ชายหนุ่มก้มลงหยิบผ้าผืนนุ่มขึ้นมาด้วยมือที่สั่นตามหัวใจที่เต้นแรง รีบนำมาพันกายสาวเอาไว้ก่อนเขาจะควบคุมตัวเองไม่ได้
ขึ้นมาจริงๆ
"ทำอะไรระวังตัวหน่อยสิครับ ทำไมไม่แต่งตัวให้มันเรียบร้อยฮึ!"
"ก็กำลังจะแต่งตัวแต่อาตุลย์มาเรียกก่อนไงคะ แล้ว...เค้กก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้มัน...หลุด..."
"ทีหลังถ้ามีผู้ชายมาเคาะห้องเรียก ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ก็ควรจะแต่งตัวให้มันเรียบร้อยกว่านี้ก่อนเปิดประตู เข้าใจมั้ยฮึ!"
เสียงดุๆ กลบเกลื่อนใจที่เต้นระรัวเมื่อความสาวสวยสดอวดสายตาให้ได้โลมเลียหากคิดจะทำ แต่ความผูกพันที่มีมาอย่างยาวนานทำให้เขาคิดเกินเลยกับหลานรักนอกไส้ในแบบชู้สาวไม่ได้ พยายามเตือนตัวเองวันละหลายหน ห้ามคิดอะไรมากไปกว่ามองหล่อนเป็นหลานแท้ๆ ที่เลี้ยงดูกันมา อย่าให้ความต้องการมาอยู่เหนือจิตใจเพราะเขาไม่อาจเลือกคนใดคนหนึ่งได้ ถ้าเลือกรักคนใดคนหนึ่งในแบบชายหนุ่มหญิงสาว แน่นอนว่าจะต้องมีคนใดคนหนึ่งเสียใจ ชายหนุ่มเชื่อเช่นนั้น