หนึ่งชั่วโมงต่อมา...
ทั้งสองเดินทางมาถึงโรคาซานเดอร์ คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป ลอนดอน บริษัทใหญ่ที่แพททริกสันคุมบังเ**ยนต่อจากบิดา
ทันทีที่ทั้งสองก้าวเข้ามายังล็อบบีของบริษัท พนักงานต่างหยุดชะงักและยืนเงียบไปทันใด ที่เห็นบอสใหญ่พาคนรักมาเปิดตัวถึงที่ทำงาน หลังจากประกาศออกสื่อไปได้เพียงสองวัน
“สวัสดีครับทุกๆ คน นี่คุณพิมพลอย ว่าที่เจ้าสาวของผม ผมขอให้ทุกคนปฏิบัติกับเธอเหมือนที่ปฏิบัติกับผมทุกประการ และขอเชิญร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีแต่งงานที่กำลังจะมีขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้านี้ด้วยครับ” ชายหนุ่มเอ่ยแนะนำสาวเจ้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
สิ้นเสียงประกาศของบอสใหญ่ ก็มีเสียงปรบมือของเหล่าพนักงานดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
พิมพลอยก้มหัวนิดๆ ให้กับทุกคนอย่างรู้สึกเขินอาย กับคำแนะนำเมื่อครู่ที่ทำเอาหัวใจของเธอสั่นรัว! จนแทบจะกระเด็นออกมานอกอกเสียให้ได้
แพททริกสันพยักหน้ารับก่อนจะเอ่ยขอตัวพาหญิงสาวไปขึ้นลิฟต์ ท่ามกลางสายตาชื่นชมแกมอิจฉาในความสมบูรณ์แบบของทั้งคู่
หลังจากที่ทั้งสองขึ้นลิฟต์ไปไม่ถึงห้านาที ข่าวบอสใหญ่พาคนรักมาเปิดตัวให้ได้ยลโฉมที่บริษัทก็แพร่ไปทั้งตึก 40 ชั้นอย่างรวดเร็ว ด้วยการบอกต่อๆ กันไปของคนที่อยู่ในเหตุการณ์
ทันทีที่ขึ้นมาถึงชั้น 40 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของบริษัทที่มีแค่ห้องประชุมลับกับห้องทำงานของประธานใหญ่ ก็เจอกับคนสนิททั้งสามออกมายืนรอรับอยู่ที่หน้าลิฟต์
‘จอแดน’ เลขาฯ หนุ่มใหญ่วัย 40 ปี ทำหน้าเดินสายเจรจากับหน่วยงานของบริษัทต่างๆ ในเครือของโรคาซานเดอร์กับบริษัทิคู่ค้า อีกทั้งยังช่วยวางแผนงานและดูแลเรื่องกฎหมายควบคู่ไปพร้อมกัน
‘นีรยา’ เลขาฯ ที่ประจำสำนักงานใหญ่วัย 38 ปี คอยดูแลเอกสารสำคัญและคอยคัดกรองเอกสารก่อนจะส่งผ่านไปให้แพททริกสันตรวจสอบและเซ็นอนุมัติงบต่างๆ ส่วน ‘จิมมี่เจมส์’ คือมือขวาคนสนิท ที่แพททริกสันแทบจะไม่ต้องพูดอะไรออกมา อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะรู้ใจไปหมดเสียทุกอย่าง
“สวัสดีครับทุกคน นี่พิมพลอย อัครเหมษ์ เธอคือว่าที่ภรรยาของผมน้องพิมคะ นี่คุณจอแดนกับคุณนีรยา เลขาฯ ใหญ่ที่คอยช่วยดูแลงานทุกอย่างในเครือของโรคาซานเดอร์จ้ะ ส่วนคนนี้น้องพิมรู้จักแล้ว เจเจ คนสนิทของพี่”
“สวัสดีค่ะคุณจอแดน คุณนีรยา คุณเจเจ” พิมพลอยกล่าวพร้อมกับยกมือไหว้ทั้งสามอย่างอ่อนน้อมแบบไทยๆ
“สวัสดีครับคุณพิม /สวัสดีค่ะคุณพิม” ทั้งสามยกมือรับไหว้แทบไม่ทัน ก่อนจะเอ่ยทักทายสาวน้อยตรงหน้า
นีรยาเห็นพิมพลอยครั้งแรกถึงกับยืนนิ่งอยู่นาน ‘อืม! แบบนี้สินะ ทั้งสวยทั้งอ่อนหวานและมีเสน่ห์ แถมกิริยามารยาทก็น่ารักน่าเอ็นดู ถึงว่า...ทำเอาบอสถึงกับเพ้อมานาน ได้มาเห็นกับตาแบบนี้เธอชักจะหลงเสน่ห์อีกคนแล้วสิเนี่ย’ เลขาฯ สาวส่งยิ้มหวานให้สาวเจ้าอย่างชื่นชม
จอแดนถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย ปกติได้ยินเจเจพูดว่าสวยอย่างนั้นสวยอย่างนี้ เขาถึงกับแอบหัวเราะในใจ จะสวยแบบไหนวะ ปกติแพททริกสันก็ควงแต่สวยๆ ทั้งนั้น แต่พอมาเจอตัวจริงในวันนี้ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายตาถึงสุดๆ แค่รอยยิ้มของเธอเพียงยิ้มเดียว ก็สามารถกระตุกหัวใจได้ไม่ยาก สวยสมคำร่ำลือจริงๆ
“ผมรบกวนคุณนีรยาช่วยจัดหาเครื่องดื่มและของว่างให้น้องพิมด้วยนะครับ” แพททริกสันบอกยิ้มๆ
“อะ...เอ่อ ค่ะ เดี๋ยวนีจัดการให้ค่ะบอส!” นีรยาตอบ
“น้องพิมนั่งรอพี่ที่ห้องทำงานนะคะ พี่คุยงานที่ห้องประชุมใหญ่สักครู่ เดี๋ยวตามไปค่ะ” ชายหนุ่มกระซิบบอก
“พี่แพทไม่ต้องรีบนะคะ น้องพิมรอได้ค่ะ” พิมพลอยบอกก่อนจะเดินตามนีรยาไป หลังจากที่อีกฝ่ายพยักหน้าชวน
แพททริกสันมองตามแผ่นหลังบางที่เดินเข้าไปในห้องทำงานของตนจนกระทั่งประตูห้องทำงานปิดลง จึงเดินตามจิมมี่เจมส์กับจอแดนไปยังห้องประชุมใหญ่ เพื่อวางแผนงานให้รัดกุมขึ้นกว่าเดิม
ห้องทำงานของท่านประธาน...
“ว้าว! ห้องทำงานของพี่แพทสวยและดูหรูหราจังเลยนะคะ คุณนีรยา” หญิงสาวเอ่ยด้วยท่าทางตื่นเต้น
“คุณแพททริกเป็นคนที่มีสไตล์น่ะค่ะ มีห้องนอนและห้องน้ำด้วยนะคะ ตรงประตูด้านโน้น แต่ต้องใส่รหัสเข้าไปค่ะ คุณพิมจะเข้าไปดูก็ได้นะคะสวยมากเลยค่ะ รหัสคือ Pimploy ค่ะ รหัสนี้ทราบกันไม่กี่คน เอ่อ...ยังไงนีขอตัวก่อนค่ะ ต้องเตรียมเอกสารให้ที่ประชุม เดี๋ยวให้ผู้ช่วยของณีจะยกเครื่องดื่มกับของว่างมาให้ เชิญคุณพิมตามสบายเลยนะคะ ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมก็กดหนึ่ง ที่โทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของบอส เรียกใช้ผู้ช่วยของนีได้เลยค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” พิมพลอยขอบคุณอีกฝ่ายเบาๆ
“ถ้างั้นนีขอตัวก่อนนะคะ” นีรยาเอ่ยขอตัวยิ้มๆ แล้วรีบเดินออกไป
พิมพลอยเดินสำรวจห้องทำงาน และชมวิวด้านนอกที่สามารถมองเห็นได้ไกลจนสุดลูกหูลูกตา เพราะเป็นกระจกใสจึงทำให้เวลามองออกไปแล้วรู้สึกโล่งปลอดโปร่ง ก่อนจะหันมาดูโต๊ะทำงานขนาดใหญ่อย่างทึ่งๆ พลางคิดไปถึงสิ่งที่นีรยาบอกเมื่อครู่ ว่ามีห้องนอนที่ต้องใส่รหัสถึงจะเข้าไปได้ เธอแอบยิ้มจนหน้าแดงที่อีกฝ่ายตั้งรหัสเป็นชื่อของเธอ จึงคิดว่าจะลองเข้าไปสำรวจด้านในดู
แกร๊ก! เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น ทำให้คนที่กำลังจะกดรหัสหยุดชะงักไปทันใด!
“ไม่ทราบว่าคุณแพททริกอนุญาตให้คุณเข้าไปข้างในห้องนั้นแล้วเหรอคะ? คุณถึงจะเข้าไป!”
ผู้ช่วยเลขาฯ สาววัย 31 ปี เอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นสาวตรงหน้ากำลังจะเข้าไปในเขตหวงห้าม ที่เธอเองยังไม่เคยได้เข้าไปหรือเห็นมันเลยสักครั้ง
มิเชลหลงรักแพททริกสันมานาน ตามติดข่าวคราวของอีกฝ่ายมาตลอด และพยายามตะเกียกตะกายในการทำงาน จนได้ขึ้นมาเป็นผู้ช่วยของนีรยาที่ประจำการอยู่ชั้นบนสุดหน้าห้องของประธานใหญ่
สองวันมานี้เธอแทบไม่มีสมาธิทำงาน เพราะเห็นข่าวที่แพททริกสันประกาศเปิดตัวแฟนสาว และกำลังจะแต่งงานในอีกสามเดือนข้างหน้า มันเจ็บเหมือนโดนใบมีดกรีดลงที่หัวใจยังไงยังงั้น และเมื่อครู่ตอนที่ลงไปเอาเอกสารที่ชั้นล่าง เธอได้ยินพวกพนักงานคุยกันว่าบอสพาแฟนสาวมาที่ทำงาน มีแต่คนเพ้อว่าสวยนักสวยหนา สวยกว่าที่เห็นในหนังสือพิมพ์
เธอจึงรีบกดลิฟต์ตามขึ้นมาดูเพราะอยากจะเห็นกับตา...ประจวบกับที่นีรยาให้เอาเครื่องดื่มกับของว่างเข้ามาให้ เธอเลยได้โอกาสที่จะทำความรู้จักเป็นการส่วนตัว หึ! ก็ไม่เห็นจะสวยเท่าไหร่เลย! ท่าทางหัวอ่อนจืดชืดแบบนี้เนี่ยนะ จะเอาคุณแพททริกอยู่’
“อ๋อ คุณสินะ ว่าที่...คู่หมั้นของบอส ก็ไม่เห็นจะสวยกว่าคนก่อนๆ ตรงไหนเลย!” มิเชลมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหยียดๆ ก่อนจะวางถาดที่มีขนมเค้กกับน้ำส้มลงที่โต๊ะรับแขก
“ขอบคุณสำหรับของว่างนะคะ ใช่ค่ะ! ฉันเป็นคนรักของพี่แพท ส่วนที่คุณบอกว่าฉันไม่ได้สวยไปกว่าคู่ควงคนก่อนหน้านี้ เรื่องนั้นฉันไม่สามารถให้ความเห็นได้ แต่ที่ฉันสามารถบอกคุณได้อย่างมั่นใจ...ฉันคือผู้หญิงที่พี่แพทรักและจะแต่งงานด้วยค่ะ คุณ...ผู้ช่วยเลขาฯ มิเชล!” พิมพลอยตอกกลับและสังเกตป้ายชื่อของอีกฝ่าย‘คงจะหลงรักพี่แพทสินะ! ถึงได้แสดงกิริยาแจ่มชัดว่าไม่ชอบเธอแบบนี้ต้องระวังตัวแล้วสิ!’
“อะไรๆ ก็ยังไม่แน่เสมอไปหรอกค่ะ อย่าเพิ่งมั่นใจนักเลยคุณว่าที่!” มิเชลบอกเสร็จก็สะบัดหน้าหันหลังเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
‘หึ! พี่แพทงั้นเหรอ ที่ทำงานส่วนใหญ่ทุกคนจะเรียกบอส มีไม่กี่คนที่เรียกคุณแพททริก แต่นังนั่นเรียกว่า พี่แพท หึ! ทานของว่างให้อร่อยแล้วกัน นังว่าที่!’
จากตอนแรกพิมพลอยคิดว่าจะไปสำรวจดูในห้องนอนของแพททริกสัน ว่าจะสวยอย่างที่นีรยาบอกหรือเปล่า แต่พอได้ยินมิเชลพูดกระแทกใส่เมื่อครู่ ทำให้เธอเลือกที่จะนั่งโซฟารับรองแขก แล้วหยิบนิตยสารกอสซิปดาราขึ้นมาอ่านแทน
พิมพลอยเปิดหนังสือออกดู ก็เห็นข่าวของเธอกับแพททริกสันในงานวันเกิดของคุณมะลิฉัตรคืนก่อน มีข่าวของลูเซียน่าที่หน้าแตกกลางงาน ‘จริงสิ! ป่านนี้ลูเซียน่าจะเป็นไงบ้าง ไม่รู้ว่าคุณพ่อจะกำลังเคลียร์กับคุณลุง ลูเซียสหรือยัง’
เธอนั่งอ่านไปใจก็พลอยเป็นกังวลห่วงความสัมพันธ์ของเลโอนาดท์กับเพื่อนรัก ก่อนจะหันมามองเค้กที่มิเชลเอามาเสิร์ฟ เป็นเค้กมะพร้าวหน้าตา น่าทาน เลยหยิบช้อนขึ้นมาตักทานไปคำหนึ่ง ก็รู้สึกถึง...รสเค็มที่เด่นชัดขึ้นมาทันทีทันใด เลยรีบยกแก้วน้ำส้มขึ้นมาดื่มเพื่อจะล้างคอ แต่ก็ดันถูกคนที่เดินเข้ามาเงียบๆ แย่งแก้วน้ำส้มไปดื่มซะก่อน
“แค่กๆๆ” แพททริกสันสำลักพร้อมกับเข้าใจในคำว่า...เค็มมาถึงหู ก็วันนี้!
“พี่แพทเป็นอะไรคะ” พิมพลอยถามอย่างห่วงใย พลางหยิบกระดาษทิชชูส่งให้อีกฝ่าย
“นี่มันน้ำส้ม หรือน้ำทะเลคะน้องพิม!” เขาถามอย่างมึนงง
“ก็ต้องน้ำส้มสิคะ ว่าแต่...มันเค็มจริงๆ หรือคะ?” พิมพลอยถามย้ำอีกครั้งเพื่อเช็กความมั่นใจ ‘นี่เล่นกันแบบนี้เลยเหรอ ให้ตายสิ! ร้ายไม่เบานะเนี่ย’
“ดีนะที่น้องพิมยังไม่ทันได้ดื่ม ใครเป็นคนยกน้ำส้มมาให้น้องพิมคะ?” ชายหนุ่มถามเสียงเข้ม
“เอ่อ...” หญิงสาวลังเลที่จะบอกเพราะกลัวอารมณ์ของคนตรงหน้าที่แสดงออกชัดเจนว่ากำลังโกรธมาก!
แพททริกสันไม่รอคำตอบ เดินตรงไปกดโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะทำงานของตัวเอง แล้วเรียกนีรยาให้เข้ามาในห้องแทน
พิมพลอยตกใจกับท่าทางเอาเรื่องของชายหนุ่ม ไม่คิดว่าแค่น้ำส้มเค็มจะทำให้เขาโกรธได้ขนาดนี้
นาทีต่อมา...นีรยาวิ่งเข้ามาในห้องทำงานด้วยสีหน้าตื่นๆ เพราะรับรู้ถึงน้ำเสียงที่ไม่ปกติของท่านประธานใหญ่
“บอสมีอะไรคะ” นีรยาถามในขณะที่ยังหอบนิดๆ
“คุณนีให้ใครเอาน้ำส้มมาให้น้องพิมเหรอครับ!” เขาถามเสียงเย็น
“มะ...มีอะไรหรือคะบอส” นีรยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
“ลองดื่มดูสิครับ” แพททริกสันยื่นแก้วน้ำส้มให้กับเลขาฯ ใหญ่ที่ตนฝากให้ดูแลคนรักเมื่อครึ่งชั่วโมงด้วยสีหน้าตึงๆ
“แค่กๆ นี่มันน้ำเกลือนี่คะ เค็มมากเลยค่ะ” นีรยาสำลักและไอเสียงดัง
“ใครเป็นคนยกมาครับ นี่ดีนะที่น้องพิมยังไม่ได้ดื่ม เพราะโดนผมแย่งเอามาดื่มซะก่อนถึงได้รู้ว่าเค็มมากขนาดนี้” แพททริกสันถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“เอ่อ...นี...นีให้มิเชลยกเครื่องดื่มกับขนมเค้กเข้ามาให้คุณพิมค่ะ” นีรยารีบตอบเสียงสั่นๆ เพราะสีหน้าแววตาของผู้เป็นนายตอนนี้ ดุดันและ น่ากลัวจนเธอรู้สึกหวั่นใจแทนผู้ช่วย!
“งั้นไปเรียกมิเชลมาพบผมหน่อย!” ชายหนุ่มบอกเสียงเย็น
“ดะ...ได้ค่ะ นีจะไปตามให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ” นีรยาตอบก่อนจะหมุนตัวเตรียมออกจากห้อง
“ไม่ต้องตามแล้วค่ะคุณนี พี่แพทอย่าทำให้เป็นเรื่องเลยนะคะ คงจะเป็นอุบัติเหตุมากกว่าน้องพิมคิดว่า...”
“ไม่ได้ค่ะน้องพิม เค็มขนาดนี้ มันจงใจมากกว่า ไปตามมาเดี๋ยวนี้ครับคุณนี!” แพททริกสันย้ำชัดเจนว่าจะต้องเอาเรื่องอีกฝ่ายให้ได้
“ค่ะ” นีรยารับคำสั้นๆ ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไป
มิเชลที่ไปเข้าห้องน้ำมา ไม่ทันเห็นแพททริกสันเดินกลับเข้าไปในห้องทำงาน จึงยังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง แต่กลับคิดว่าพิมพลอยคงจะดื่มและทานของว่างที่เธอยกไปให้แล้วเป็นแน่!
หญิงสาวนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ได้เพียงครู่ ก็เห็นนีรยาวิ่งหน้าตื่นออกมาจากห้องทำงานใหญ่ ‘หึ! คงจะมาหาน้ำเปล่าให้นังว่าที่แน่ๆ’
“มีอะไรหรือคะคุณนี” มิเชลแสร้งเอ่ยถาม
“อ๋อ! มีแน่ย่ะ บอสเรียกให้หล่อนเข้าไปพบในห้องน่ะ ตามมาตอนนี้เลยนะ” นีรยาบอกเสร็จก็หมุนตัวกลับทันที มิเชลอึ้งไปชั่วครู่! ก่อนจะตั้งสติแล้วเดินตามเข้าไปในห้องประธานใหญ่อย่างรู้สึกหวั่นๆ
ทันทีที่เข้ามาในห้อง มิเชลก็ต้องตกใจที่เห็นสีหน้าบึ้งตึงของบอสใหญ่ที่เธอแอบหลงรักมานาน หันมามองเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“เธอเป็นคนยกน้ำส้มมาให้คนรักของฉันใช่ไหม!” แพททริกสันเอ่ยถาม
“เอ่อ...ชะ...ใช่ค่ะ” มิเชลตอบเสียงสั่นๆ เพราะปกติเคยเจอชายหนุ่มแต่ในโหมดเย็นชาและเงียบขรึมซะมากกว่าจะเห็นในมุมที่อารมณ์ร้อนแบบนี้
“เธอใส่อะไรลงไปในน้ำส้ม?” แพททริกสันถามเข้าเรื่องอย่างไม่รีรอ
“เอ่อ...เอ่อมิเชลไม่ได้ใส่อะไรลงไปเลยค่ะคุณแพท” มิเชลรู้สึกกลัว ลนลานจนเผลอเรียกประธานใหญ่ว่า คุณแพท ออกไปอย่างไม่ทันได้คิด
ชายหนุ่มหลับตาลงช้าๆ เพื่อข่มอารมณ์เดือดดาล แต่ก็ไม่ได้ผลอยู่ดี! เพราะตอนนี้เขารู้สึกเดือดจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว!
“ใครใช้ให้เธอเรียกฉันว่าแพท! ผู้หญิงที่เรียกฉันว่าแพทได้มีอยู่สองคนเท่านั้นคือ แม่กับเมีย ซึ่งเธอไม่ใช่ทั้งสองอย่าง!!” คนที่ไม่ชอบให้ใครมาล้ำเส้นความสนิทสนมตะโกนด่าออกไปทันที
ผู้หญิงสามคนที่อยู่ในห้องต่างอึ้งไปคนละแบบ พิมพลอยยอมรับว่าชายหนุ่มโมโหร้ายใช่เล่น! แต่ลึกๆ เธอก็แอบดีใจในความชัดเจนของเขา
‘ว้าว! คนที่เรียกฉันว่าแพทได้ มีแค่ ‘แม่กับเมีย’ เธอแทบจะจุดพลุฉลองเลยให้ตายสิ! พี่แพทนี่น่ารักเป็นบ้า’
นีรยาอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก หลังจากที่ได้ยินคำว่า คุณแพท หลุดออกจากปากของมิเชล! ‘ทำไมถึงได้กล้าขนาดนี้นะ ขนาดเธอที่ว่าสนิทกับเจ้านายมากกว่าทุกคนในบริษัท ยังไม่เคยคิดจะเรียกแบบนั้น!’
“ขะ...ขอโทษค่ะบอส มิเชลขอโทษค่ะ” มิเชลเอ่ยพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก เธอไม่เคยเห็นเขาในมุมนี้มาก่อน เธอรู้สึกเจ็บไปหมด ทำไมนะ! ผู้หญิงคนนั้นถึงสำคัญต่อเขาถึงขนาดนี้ เธอเกลียดนังนี่ที่สุด เกลียดจนอยากจะเข้าไปตบสักสองสามที! ให้สาสมกับสายตารังเกียจที่เขามองมายังเธอตอนนี้
“เธอใส่อะไรลงไป ตอบมา!!” แพททริกสันถามเสียงดังจนทำให้ สามสาวสะดุ้งไปตามๆ กัน
“มะ...ไม่ได้ใส่ค่ะบอส มิเชลไม่ได้ใส่อะไรจริงๆ ค่ะ” มิเชลกลัวจับใจ
“ได้! ถ้าเธอยืนยันว่าไม่ได้ใส่อะไรลงไป ก็ดื่มให้หมดแก้ว เดี๋ยวนี้!!” แพททริกสันยื่นแก้วที่มีน้ำส้มอยู่เกือบเต็มให้กับหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาที่ดุดันราวกับพญามัจจุราชที่กำลังจะหยิบยื่นความตายให้กับเหยื่อ
มิเชลกัดปากตัวเองอย่างเจ็บแค้นใจ พลางยื่นมือไปรับแก้วน้ำส้มมาด้วยมือสั่นๆ และกลั้นใจดื่มน้ำส้มที่ตัวเองใส่เกลือลงไปจนหมดแก้วก่อนจะทรุดลงกับพื้นห้องอย่างหมดแรง
“จัดการไล่แม่นี่ออกด้วยนะ คุณนี!” แพททริกสันสั่งการเสียงเด็ดขาด
“ได้ค่ะบอส นีจะจัดการให้ค่ะ” นีรยาพยักหน้ารับ! ‘โดยส่วนตัวเธอพอจะรู้ว่ามิเชลแอบชอบแพททริกสันมานาน แต่ไม่คิดว่ามิเชลจะไม่รู้จักเจียมตัวและยังทำเรื่องโง่ๆ ได้ถึงขนาดนี้ เธอคงเอาไว้ไม่ได้เหมือนกัน’
“ไม่นะคะบอส อย่าไล่มิเชลออกเลย ได้โปรดเถอะค่ะ ฮือๆๆ” มิเชลอ้อนวอน หล่อนต้องพยายามหนักขนาดไหนถึงจะมาอยู่จุดนี้ได้ ไม่มีทางที่หล่อนจะยอมแพ้ง่ายๆ หรอก
“พี่แพทคะ อย่าให้ถึงขั้นไล่ออกเลยค่ะ น้องพิมคิดว่ามันคงเป็นอุบัติเหตุมากกว่า อีกอย่างเธอก็ยืนยันว่าไม่ได้ทำแถมยังดื่มจนหมดแก้ว แค่นี้ก็น่าจะหายกันแล้ว อย่าไล่ออกเลยนะคะ” พิมพลอยพยายามช่วยพูด ตอนแรก...เธอก็แอบสะใจอยู่หรอก แต่พอเห็นมิเชลในสภาพนี้ บอกตรงๆ เธอรู้สึกสงสารอีกฝ่ายอย่างบอกไม่ถูก แค่นี้ก็คงทำให้มิเชลเจียมตัวขึ้นมาบ้าง
“ไม่ได้ค่ะน้องพิม” แพททริกสันปฏิเสธทันที
“นะคะพี่แพท” หญิงสาวรีบเขย่งปลายเท้าขึ้นหอมที่แก้มของชายหนุ่มพร้อมกับทำท่าทางออดอ้อน
คนที่กำลังเดือดๆ เจอลูกอ้อนของสาวเจ้าเข้าถึงกับไปไม่ถูกจากที่อารมณ์ร้ายๆ อยู่กลับเย็นลงแทบทันทีที่ริมฝีปากสวยๆ แตะลงที่แก้ม
“โอเคๆ แต่ถ้ามีคราวหน้าไล่ออกสถานเดียว!” แพททริกสันเอ่ยเสียงเข้มกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่างในใจ ‘อ้อนแบบนี้เดี๋ยวพ่อก็พาไปดูห้องนอนซะหรอก!’
“พี่แพทน่ารักที่สุดเลยค่ะ แล้วนี่ทำงานเสร็จหรือยังคะ” พิมพลอยเอ่ยชมอีกฝ่ายก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เสร็จแล้วค่ะ น้องพิมอยากไปเที่ยวที่ไหน วันนี้พี่แพทจะตามใจน้องพิมทั้งวันเลย” คนโดนสาวชมว่าน่ารักเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี ผิดกับก่อนหน้านี้ลิบลับ
“งั้นเราไปร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่ใกล้ๆ แถวนี้ดีไหมคะ น้องพิมไม่ได้ไปมานานแล้ว เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นแบบปิ้งย่าง เอ่อ...คุณนีไปทานด้วยกันนะคะ เดี๋ยวชวนคุณจอแดนกับคุณเจเจไปด้วยค่ะ” พิมพลอยเอ่ยชวนเลขาฯ ใหญ่
“เอ่อ... แต่ว่านี”
“เดี๋ยวคุณนีสั่งงานที่นี่ให้เสร็จ แล้วตามผมกับน้องพิมไปทีหลังพร้อม คุณจอแดนและเจเจละกัน เอาเป็นว่าวันนี้ไม่ต้องกลับเข้ามาทำงานแล้วไปดื่มฉลองด้วยกันนะครับ ถือว่าให้เกียรติว่าที่คุณนายโรคาซานเดอร์”
“ได้ค่ะ เป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะว่าที่คุณนายโรคาซานเดอร์ เดี๋ยวนีจะรีบตามไปนะคะ” นีรยาเห็นผู้เป็นนายอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง จึงรีบเออออเพื่อทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัด
“หึๆ” แพททริกสันหัวเราะชอบใจเมื่อสาวเจ้าหน้าแดง
“งั้นเดี๋ยวเจอกันเจอที่ร้านนะคะ ไปกันเถอะค่ะพี่แพท!” พิมพลอยแกล้งหันมาเร่งชายหนุ่มเพื่อกลบเกลื่อนความอาย
“ครับๆ” แพททริกสันยิ้มก่อนจะโอบไหล่ของสาวเจ้าพาเดินออกห้องไปอย่างอารมณ์ดี
ทันทีที่บอสใหญ่พาคนรักออกจากห้องไปแล้ว นีรยาก็รีบเดินไปที่โต๊ะรับแขกที่พิมพลอยนั่งอยู่ก่อนหน้า แล้วหยิบช้อนขึ้นมาตักขนมเค้กที่มีรอยตักไปคำหนึ่งขึ้นมาชิม จากนั้นก็เดินกลับมาหามิเชลที่ยังคงมองตามหลังแพททริกสันกับพิมพลอยไปอย่างไม่รู้สึกตัว
เพียะ! ฝ่ามือหนักของนีรยาฟาดบนหน้าของมิเชลอย่างรวดเร็วทำให้คนที่ถูกตบหน้าหันไปทันใด
“เลวจริงๆ การกระทำของเธอมันช่างต่ำอะไรอย่างนี้ฮะ! นี่เธอใส่เกลือในน้ำส้มยังไม่พอ ยังโรยเกลือลงไปบนขนมเค้กอีกเหรอ?” นีรยาต่อว่าอย่างทนไม่ไหว
“คะ...คุณนี” มิเชลที่ไม่ทันมองว่านีรยาไปตักขนมเค้กชิมถึงกับอึ้ง นึกว่าจะรอดเรื่องนี้ไปแล้ว
“เธอรู้ไหม? ว่าใครเป็นคนดื่มน้ำส้มที่เธอใส่เกลือลงไป”
“เอ่อ...เอ่อ...”
“บอสแกล้งแย่งน้ำส้มจากมือของคุณพิมมาดื่ม”
“คุณนีคะมิเชล...” มิเชลพยายามจะแก้ตัว
“หยุด! ไม่ต้องพูด! ส่วนเรื่องเค้กที่เธอแอบโรยเกลือลงไปมีรอยตักชิมไปคำหนึ่ง! เธอเดาออกไหมว่าใครเป็นคนทาน หึ! ก็คุณพิมไงล่ะ แต่เธอไม่ได้เอ่ยขึ้นมาเลยสักคำเรื่องที่มันเค็ม นี่ถ้าบอสตักเค้กคำนั้นชิมด้วยละก็ ไม่ต้องบอกนะว่าเธอจะต้องเจอกับอะไร เชื่อเถอะว่าเธอคงไม่อยากเห็นด้านมืดของผู้ชายตระกูลโรคาซานเดอร์หรอก ฉันน่าจะให้บอสไล่เธอออกไปซะ จะได้ไม่ต้องทนเห็นหน้าคนที่คิดร้ายต่อแฟนเจ้านาย พรุ่งนี้เธอกลับลงไปทำงานที่แผนกเดิมของเธอนะ เพราะฉันไม่ต้องการทำงานกับคนที่ไม่รู้จักอะไรควร อะไรไม่ควรแบบเธอ!” นีรยาเอ่ยจบก็เดินออกไป พร้อมกับสั่งงานทุกอย่างให้ผู้ช่วยอีกสองคนที่อยู่หน้าห้องทราบ และไม่ลืมสั่งปลดมิเชลออกจากการเป็นผู้ช่วยเลขาฯ
หลังจากที่สั่งงานเสร็จ นีรยาก็เดินมาเจอจอแดนกับจิมมี่เจมส์ รออยู่ที่หน้าลิฟต์พอดี จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องทำงานให้ทั้งสองฟังจอแดนกับจิมมี่เจมส์ถึงกับอึ้งที่ได้รับรู้การกระทำของมิเชล
“นี่ถ้าบอสรู้ว่าที่เค้กก็โรยเกลือเอาไว้ แถมคุณพิมพลอยตักกินไปแล้วคำหนึ่งละก็ ยัยมิเชลนี่ได้หายไปแบบหาศพไม่เจอแน่ๆ” นีรยาบอกพลางส่ายหน้าเบาๆ อย่างรู้สึกเอือมระอา
“ยัยนี่ช่างโง่หาเรื่องตายจริงๆ ไม่รู้หรือไงนะว่าบอสทั้งรักทั้งหวง คุณพิมอย่างกับอะไร น่าจะไล่ๆ ออกไปซะ คุณพิมไม่น่าไปขอร้องเอาไว้เลย” จิมมี่เจมส์เอ่ยสมทบ
นีรยายิ้มก่อนจะเล่าเรื่องที่แพททริกสันเปลี่ยนแปลงอารมณ์อย่างรวดเร็ว เพียงแค่ถูกสาวเจ้าหอมแก้มไป แถมยังพูดคะพูดค่ะแล้วก็เรียกแทนตัวเองว่าพี่แพทอย่างนั้น พี่แพทอย่างนี้ ทำเอาเธอทำหน้าแทบไม่ถูก!
“ฮ่าๆๆๆ” จอแดนถึงขั้นหัวเราะก๊ากอย่างเก็บไม่อยู่ เพราะเขาทำงานกับแพททริกสันมาตั้งนานยังไม่เคยเห็นมุมนี้ของอีกฝ่ายเลย
“มีเรื่องเหลือเชื่อกว่านี้อีกเยอะครับ บอกแล้ว...ว่าเล่าไปก็ไม่มีใครเชื่อ เป็นไงล่ะครับ ตอนนี้เชื่อกันหรือยัง!” จิมมี่เจมส์ถามยิ้มๆ
แพททริกสันกับพิมพลอยมาถึงร้านปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น ที่เจ้าของร้านเป็นคนไทยจึงมีน้ำจิ้มแบบสามรสให้ ในกรณีที่ลูกค้าคนไทยมาทานที่ร้าน สามารถขอหรือระบุได้ว่าจะรับน้ำจิ้มแบบไหน จึงทำให้มีคนไทยที่อยู่ต่างแดนแวะเวียนมาทานที่ร้านอาหารแห่งนี้อยู่ตลอด
ทั้งสองช่วยกันสั่งของรอคนที่กำลังจะตามมาสมทบ มีทั้งยำแซลมอนสไตล์ไทยๆ ส่วนของปิ้งย่างก็มีเนื้อวากิว โคขุน คุโรบูตะ และเนื้อนำเข้าของออสเตรเลีย หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ กุ้งแม่น้ำตัวโตและอีกหลากหลายเมนู นับไม่ถ้วน แต่ที่เด็ดที่สุดคือหอยตลับต้มสาเกที่เป็นเมนูเด่นของร้าน
แพททริกสันสั่ง Blue Lable พร้อมมิกเซอร์ ส่วนพิมพลอยสั่งเหล้าบ๊วยญี่ปุ่นที่เทเหล้าใส่น้ำแข็งก็พร้อมดื่มได้เลย (เหล้าบ๊วยมีรสชาติหอมหวาน ไม่เหมือนดื่มเหล้า เหมือนดื่มน้ำรสบ๊วยมากกว่า แต่มีทีเด็ดคือถ้ากินลูกบ๊วยที่อยู่ในเหล้าเมื่อไหร่ จะเมาสุดๆ ถึงขั้นเซนิดๆ และอาจเสียการทรงตัว)
ยี่สิบนาทีต่อมา...นีรยา จอแดนและจิมมี่เจมส์ก็มาถึง สองหนุ่มดื่ม Blue Lable ตามแพททริกสัน ส่วนนีรยาดื่มเหล้าบ๊วยกับพิมพลอยตามสไตล์ผู้หญิงที่ชอบเครื่องดื่มที่ดื่มง่าย
พนักงานต่างทยอยเสิร์ฟของที่สั่งไปอย่างไม่ขาดสาย ขณะที่ทุกคนดื่มกิน และพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แพททริกสันก็เสนอให้เล่าเรื่องตลกๆ ที่แต่ละคนไปเจอมา พร้อมกับวางเดิมพันกันไว้ว่าถ้าเรื่องของใครเด็ดสุดจะได้เงินเดิมพัน!
แล้วเรื่องเด็ดสุดที่ทุกคนต่างลงคะแนนให้ก็คือเรื่องของนีรยา ที่เจ้าตัวเล่าว่า...สมัยตอนเป็นเด็กฟันหน้าเธอหลอสามซี่ เป็นเวลาสองปีกว่า ฟันใหม่ก็ยังไม่ยอมขึ้น เวลาพูดหรือยิ้มก็จะมีแต่คนหัวเราะเพราะเธอมีแต่ฟันล่างไม่มีฟันบน ตอนงานลอยกระทงนีรยาได้เป็นนางนพมาศ ผู้ใหญ่บ้านสั่งกำชับไม่ให้เธอพูดหรือยิ้มแบบเห็นฟันอย่างเด็ดขาด ให้ทำได้แค่อมยิ้มเท่านั้น
ปีนั้นกระทงของหมู่บ้านได้ที่หนึ่ง กรรมการถามว่าวันลอยกระทงมีความสำคัญอย่างไร นีรยาไม่ยอมตอบ เอาแต่อมยิ้มตามที่ผู้ใหญ่บ้านและเมียผู้ใหญ่บ้านสั่ง จึงทำให้ตกรอบไป ทำเอาผู้เฒ่าผู้แก่เสียใจกันทั้งหมู่บ้าน จนมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วเกี่ยวกับรอยยิ้มที่สยอง
หมู่บ้านของนีรยาอยู่ในถิ่นชนบท มีลุงคนหนึ่งชื่อตามีแกเลี้ยงควายประมาณสิบกว่าตัว เย็นวันนั้นนีรยาปั่นจักรยานเก่าๆ กลับจากโรงเรียน พอมาถึงทุ่งนาที่ข้าวกำลังมีน้ำนมก็เห็นควายของตามีมาแต่ไกล ด้วยความกลัวและทางที่คับแคบแบบชนบท ทำให้เธอต้องลงจากจักรยานแล้วมายืนหลบข้างทาง เพื่อรอให้ฝูงควายเดินผ่านไป
นีรยาเล่าว่าเธอกลัวมากจนแทบจะหยุดหายใจ! ขณะที่ตามีเจ้าของควายไปอยู่ที่ไหนไม่รู้ พอมันเข้ามาใกล้ขึ้น ประมาณสองเมตร นีรยาไม่รู้จะทำยังไงจึงฉีกยิ้มให้ควายไป แฮ่! แฮ่เดียวจริงๆ สาบานได้ ควายวิ่งลงทุ่งนาที่ปลูกข้าวไว้แบบป่าราบ พอตัวที่เป็นจ่าฝูงมันตกใจวิ่ง สิบกว่าตัวที่เหลือก็วิ่งตามกันไป เหลือแต่นีรยาที่ยืนมองตามฝูงควายอย่างมึนงง ไม่เข้าใจว่าควายสิบกว่าตัววิ่งหนีอะไร!
ตามีที่มัวเกี่ยวหญ้าอยู่ข้างทางเงยหน้าขึ้นมา ทันได้เห็นฉากนั้น...ฉากที่นีรยายิ้มแฮ่! โชว์ฟันหลอๆ ให้ควาย แล้วควายก็ตกใจวิ่งหนีป่าราบ ตามีถือเคียวกับหญ้าที่กำไว้ในมือวิ่งตามควายไปพร้อมทั้งตระโกนโวกเวกให้คนช่วย
กว่าควายจะหายตกใจและหยุดวิ่ง นาข้าวของชาวบ้านหลายคนก็เสียหายเป็นทางยาว จนสุดท้ายตามีต้องขายควายไปถึงสี่ตัวเพื่อชดใช้ค่าเสียหายให้ชาวบ้าน พร้อมกับมาด่าพ่อและแม่ของนีรยาที่บ้าน ว่านีรยาเป็นเด็กอัปรีย์ มีเด็กที่ไหนบ้างที่ฟันหลุดแล้วไม่ยอมขึ้นตั้งสองปี แถมด่ามาอีกสารพัดมากมายจนพ่อแม่ของเด็กในหมู่บ้านไม่มีใครให้มาเล่นกับเธอ แต่ก็แปลกมากเหมือนกันที่พอนีรยาตื่นมาอีกวัน ฟันหน้าสามซี่ที่หลอมานานก็มีฟันโผล่ขึ้นมานิดๆ ทั้งสามซี่
ปัจจุบันเธอกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดปีละครั้ง เจอตามีทีไรแกก็ยังมองเธอด้วยสายตาเกลียดชังและเรียกเธอว่าอีเด็กอัปรีย์ตลอด ทุกคนฟังแล้วก็ขำจนน้ำตาเล็ด การเล่าเรื่องครั้งนี้ทุกคนต้องวางเงินกองกลาง ซึ่งรวมกันแล้วได้ถึงหนึ่งพันปอนด์ เรื่องของใครเด็ดสุดก็รับเงินไป แพททริกสันจ่ายเพิ่มอีกหนึ่งหมื่นปอนด์ให้นีรยาเอาไปซื้อควายคืนตามี พิมพลอยขำจนแทบปวดท้อง เพราะตอนที่เล่านีรยาทำท่าทางประกอบ จนทุกคนเห็นภาพได้อย่างชัดเจน และโหวตให้นีรยารับเงินไปอย่างเป็นเอกฉันท์
ทั้งห้าดื่มต่อกันจนทุ่มครึ่งก็เปลี่ยนร้าน โดยตกลงกันว่าจะไปต่อที่ไนต์คลับของออร์แลนโด้ ที่มีห้อง VIP เอาไว้ร้องคาราโอเกะที่มีเพลงไทยและเพลงสากลเยอะแยะมากมาย