3
อริวัยเยาว์
นางพิมพ์พรกลับบ้านมาในตอนเย็น และซื้อกับข้าวเข้ามาฝากลูกชายทั้งสองคนด้วย หญิงสูงวัยเพิ่งรู้ว่าคริษฐ์หยุดงานในวันนี้ ส่วนเตชัสลูกชายคนเล็กก็เพิ่งได้ฤกษ์กลับมานอนบ้านวันนี้เช่นกัน หลังจากไปซุกตัวอยู่กับสาวสวยคนไหนสักคนเมื่อหลายวันที่ผ่านมา
“คริษฐ์อยู่บ้านเมื่อเช้าถ้างั้นก็ต้องเห็นน้องแล้วใช่ไหม” คนเป็นแม่ทำสีหน้าตื่นเต้นแทนลูกชาย
“น้อง ? ใครครับแม่” เตชัสตักข้าวเข้าปากระหว่างถามมารดาไปด้วย
“รุ้งพรายไงเตจำน้องได้ไหม ลูกสาวอำไพบ้านข้าง ๆ นี่ไง หนูรุ้งกลับมาอยู่กับแม่แล้วนะ แม่ก็เพิ่งรู้จากอำไพว่าพ่อของหนูรุ้งเสียแล้ว หนูรุ้งก็ยกบ้านและที่ดินให้เมียใหม่ของพ่อไป ตัวหนูรุ้งก็ตั้งใจกลับมาอยู่กับแม่ที่นี่” ได้ยินคำบอกเล่าจากมารดา หนุ่มหล่ออย่างเตชัสก็นึกสนุกขึ้นมาในทันที รีบหันไปมองหน้าพี่ชายตัวเอง
“งานเข้าพี่คริษฐ์แน่ ๆ ยัยตัวแสบกลับมาแบบนี้ บ้านอันแสนสงบของเราได้พังพินาศแน่นอน”
“ตาเตไปว่าน้องแบบนั้นได้ยังไง หนูรุ้งเขาโตแล้วนะเตไม่ใช่เด็ก ๆ ที่จะมาวิ่งตามตื๊อพี่ชายเราเหมือนเมื่อก่อน”
“แม่ครับ ยัยรุ้งนั่นปีศาจชัด ๆ ต่อหน้าแม่ก็สุภาพเรียบร้อย น่ารักน่าเอ็นดู ถ้าได้เห็นธาตุแท้แม่จะสยองผมนี่เจอมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน จริงไหมพี่คริษฐ์” เตชัสหันไปยักคิ้วให้พี่ชาย
“ไม่รู้สิ ต้องดูไปนาน ๆ” คริษฐ์ยอมรับว่ายังดูหญิงสาวไม่ออกในเวลานี้ ห่างกันไปตั้งเจ็ดปีอะไร ๆ มันก็เปลี่ยนไปตามเวลา
“แหมพี่คริษฐ์พูดเหมือนไม่รู้จักยัยนั่น ระวังเหอะอย่าให้เข้าห้องนอนพี่คริษฐ์ได้ก็พอ ไม่งั้นปวดหัวแน่”
“ตาเต นี่เห็นน้องเป็นคนยังไงนะลูกไม่เอาแล้วกินข้าว ๆ” นางพิมพ์พรอดดุลูกชายไม่ได้ รีบตัดบทให้ทั้งคู่สนใจกับอาหารตรงหน้าแทนการนินทาลูกสาวเพื่อนบ้าน
“แม่นะแม่ไม่เคยทันเหลี่ยมยัยรุ้งนั่นสักที” เตชัสหันไปบ่นเบา ๆ กับพี่ชาย คนเป็นแม่เลยค้อนแล้วค้อนอีก
“แม่รู้แม่เห็นหมดแหละเต หนูรุ้งออกจะน่ารักไม่ได้ร้ายอย่างที่เราเข้าใจสักหน่อย”
“นั่นปะไร แม่ไม่ทันเกมยัยรุ้งจริง ๆ”
“พอแล้วเต เลิกพูดถึงคนอื่นสักทีกินเข้าไปข้าวน่ะ” คริษฐ์ปรามน้องชายช่วยมารดาบ้าง เขาเข้าใจความรู้สึกของน้องชายได้เป็นอย่างดี แต่ก็เห็นใจมารดาที่ถูกมารยาของรุ้งพรายลวงตาไว้
หลังกินข้าวมื้อค่ำกันเสร็จแล้วเตชัสก็เป่ายิ้งฉุบแพ้พี่ชาย หน้าที่ล้างจานจึงต้องตกเป็นของคนแพ้ เพราะคริษฐ์ไม่ยอมให้มารดาต้องมาล้างจานให้เขากับน้องชาย ระหว่างนี้เขาจึงมีเวลาว่างได้คุยกับท่าน
“คริษฐ์แม่ขอได้ไหมลูก”
“อะไรครับแม่จู่ ๆ ก็มาบอกว่าขอได้ไหม” คริษฐ์หันไปมองมารดาแล้วขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“ก็เรื่องหนูรุ้งไง”
“ทำไมครับแม่” ไม่ทันไรรุ้งพรายก็นำความกลัดกลุ้มมาให้มารดาของเขาแล้วเหรอ
“มันผ่านมาหลายปีแล้วนะลูก อะไรที่น้องทำไม่ดีก็ลืม ๆ ไปบ้างเถอะ แม่ว่าตอนนี้หนูรุ้งคงจะโตพอรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรได้แล้ว”
“แล้วแม่จะขออะไรผมครับ”
“ก็ขอให้คริษฐ์เอ็นดูน้องเหมือนตอนเด็ก ๆ จะได้ไหม ไม่ต้องไปตั้งแง่รังเกียจรังงอนน้องแบบเมื่อก่อนได้ไหมลูกสงสารน้องเพิ่งเสียพ่อมา”
“ไม่รู้สิครับแม่ ถ้ารุ้งยังเป็นเหมือนเดิมผมก็ไม่รู้จะเอ็นดูได้ไหม” คริษฐ์เองก็แบ่งรับแบ่งสู้ไว้ก่อน
“เปิดตาเปิดใจมองน้องใหม่นะลูก”
“ผมจะพยายามครับแม่” เขายิ้มให้มารดาแต่ไม่รับปากท่านในทันทีว่าจะเอ็นดูน้องน้อยคนเดิมได้ไหม ความโกรธเกลียดยังคงฝังลึกลงในใจ อดีตนั้นรุ้งพรายทำตัวน่าเอือมระอาจนเขาหน่ายใจที่จะต้องคอยปราม
เตชัสหนุ่มวัยยี่สิบแปดปี หลังเรียนจบก็เข้าทำงานกับพี่ชายในบริษัทซึ่งทำธุรกิจจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับการออกกำลังกาย เตชัสได้เป็นนายแบบของบริษัทเพราะรูปลักษณ์ค่อนข้างเหมาะกับผลิตภัณฑ์ ชายหนุ่มจึงเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากกว่าพี่ชาย ซึ่งมักจะซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังการทำงานเสียส่วนใหญ่ ในอดีตนั้นเตชัสมักจะอิจฉาพี่ชายเรื่องรุ้งพราย เพราะเขาชอบความน่ารักของหญิงสาว ทว่าถูกเจ้าตัวเมินเฉยใส่บ่อยครั้ง จากความชอบได้แปรเปลี่ยนเป็นไม่ชอบเข้ามาแทนที่ ขัดขวาง ก้างขวางคอ หรืออะไรที่ทำให้รุ้งพรายเจ็บใจเขาก็จะสนใจทำเป็นพิเศษ เพราะทำแล้วรู้สึกสนุกและสะใจนั่นเอง
เรื่องราวของรุ้งพรายได้ห่างหายไปจากชีวิตถึงเจ็ดปีเต็ม กลับมาคราวนี้เตชัสก็นึกสนุกอยากจะแกล้งยัยเด็กแก่แดดนั่นให้รู้สำนึก จะว่าไปตัวเขาก็ดึงดูดสตรีเพศอยู่ไม่น้อย จะหว่านเสน่ห์แล้วเขี่ยทิ้งแบบไม่ไยดีบ้างคงจะสนุกอยู่ไม่น้อย
‘เมื่อก่อนมองพี่เป็นมดเป็นปลวกดีนัก อยากรู้ตอนนี้จะทำหน้ายังไงเวลาเห็นพี่’
คนมั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเองคิดอย่างผยอง เริ่มต้นวางแผนร้าย ๆ ด้วยการเข้าไปกดกริ่งประตูบ้านของนางอำไพวันรุ่งขึ้น
“สวัสดีครับน้าอำไพ”
“เตมีอะไรกับน้าหรือเปล่าลูกมาแต่เช้าเชียว” นางอำไพแปลกใจเป็นอย่างมาก ปกติแล้วเตชัสแทบไม่เคยกดกริ่งหน้าบ้านของตน นับจากลูกสาวคนสวยได้ย้ายไปอยู่กับบิดา
“ได้ข่าวว่ารุ้งกลับมาอยู่ที่นี่แล้ว เลยกะจะมาเยี่ยมครับน้าอำไพ อีกอย่างแม่วานให้เอาเงินค่าทำความสะอาดมาให้ด้วย” จริงแล้วมารดาของเตชัสไม่ได้วาน แต่เป็นเขาเองที่เข้าไปเสนอหน้าว่าจะเอาเงินมาให้
“ขอบใจจ้ะ เข้ามาก่อนสิ รุ้งยังไม่ตื่นนอนเลยเต เมื่อวานทำความสะอาดคนเดียวคงเพลียหนักนี่น้าว่าจะแบ่งเงินค่าจ้างให้รุ้งด้วยนะ”
“ดีครับ” เตชัสมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่เห็นหน้าของรุ้งพราย แต่ก็อดแปลก ๆ ไม่ได้กับการที่หญิงสาวทำงานบ้านเป็น รุ้งพรายในความทรงจำของเตชัสคือยัยเด็กจอมเซี้ยว เอาแต่ใจตัวเอง งานบ้านไม่แตะ ความเป็นกุลสตรีคือศูนย์ ชักอยากเห็นตอนจับไม้กวาดกวาดบ้านเสียแล้วสิ
“เข้าบ้านก่อนไหมเต น้าทำขนมให้ลูกค้าพอดี รองท้องก่อนไหมลูก”
“เอ่อ ไม่ดีกว่าครับน้าอำไพ ผมมีธุระไปทำข้างนอกพอดีเอาไว้วันหลังผมมาขอขนมน้าอำไพกินนะครับ”
“เอาสิ มาได้ทุกเมื่อเหมือนตอนเด็ก ๆ ก็ได้น้ายินดีต้อนรับจ้ะ”
“ขอบคุณครับ ผมกลับก่อนนะครับ” เตชัสยกมือขึ้นไหว้แล้วเดินกลับไปทางประตูหน้าบ้านเหมือนเดิม
นางอำไพยิ้มอ่อน ๆ บนใบหน้า นานมากแล้วที่สองบ้านไม่ได้ไปมาหาสู่กันเช่นในอดีต อาจเป็นเพราะฐานะที่แตกต่างกันมากขึ้นหรือว่าความสัมพันธ์ของลูก ๆ ไม่เหมือนเดิม ต่างคนต่างโตความสัมพันธ์ก็ยิ่งห่างกันไป วันนี้นางอำไพเริ่มมองเห็นสายใยของสองครอบครัวกำลังจะถักทอขึ้นมาใหม่ จากการกลับมาของลูกสาวของตนนั่นเอง
เตชัสเดินกลับเข้าบ้านด้วยสีหน้าผิดหวัง เพราะไม่ได้เห็นหน้า รุ้งพรายอย่างที่ตั้งใจ เขาเห็นพี่ชายกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่นจึงเข้าไปชวนคุยด้วย
“พี่คริษฐ์แม่ไปไหนแล้วล่ะ ไม่เห็นรถตั้งแต่เช้า”
“วันหยุดแม่ก็ไปสมาคมกับเพื่อน ๆ ของแม่นั่นแหละ เห็นว่าวันนี้มีกิจกรรมไปทำบุญกับเด็กยากไร้” คริษฐ์ตอบน้องชายสายตาก็จ้องรายการสารคดีชื่อดังไปด้วย
“วันหยุดไม่มีอะไรทำน่าเบื่อ”
“วันนี้มาแปลก อยู่บ้านได้ด้วยปกติมีนัดกับสาว ๆ ไม่เว้นแต่ละวัน”
“สาว ๆ ช่วงนี้ไม่เร้าใจเลยพี่คริษฐ์”
“เบื่อแล้วว่างั้น”
“งั้นมั้งเจอแต่แบบเดิม ๆ มันก็เซ็งน้า วิ่งเข้าหาผมเหมือนพวกปลิงดูดเลือดก็ไม่ปาน”
“เมื่อก่อนเห็นชอบนักชอบหนา ตอนนี้ทำมาบ่นว่าเขาเป็นปลิง ก็ปลิงพวกนี้ไม่ใช่เหรอที่ทำให้แกมีความสุขในแต่ละวัน” คริษฐ์หันมาส่ายหน้าใส่น้องชาย เขาเข้าใจในความสัมพันธ์ของเหล่าผีเสื้อแสนสวยกับน้องชายของตนเป็นอย่างดี รักสนุกแบบไม่คิดผูกพัน
“อันนั้นยอมรับแต่นานวันเข้ามันก็เบื่อนะพี่คริษฐ์ นี่ผมเข้าใจความรู้สึกพี่คริษฐ์ตอนถูกยัยรุ้งตามเกาะเป็นเงาเลยนะเนี่ย” เตชัสอดที่จะพาดพิงหญิงสาวบ้านข้างเคียงไม่ได้ คนเป็นพี่ชายชะงักเล็กน้อยหลังได้ยินชื่อของรุ้งพราย
“ทำไมดูเตสนใจรุ้งขึ้นมาเป็นพิเศษ”
“ไม่ได้สนใจเป็นพิเศษสักหน่อยพี่คริษฐ์ก็พูดไป” กระทั่งตอนนี้สีหน้าของเตชัสก็ดูยิ้ม ๆ แบบที่คนเป็นพี่เห็นแล้วก็ต้องแปลกใจ
“เมื่อกี้ไปไหนมาพี่เห็นเดินเข้ามาจากประตูหน้าบ้าน” คริษฐ์ตั้งคำถามใหม่
“ไปหารุ้งพรายมาพี่คริษฐ์” คริษฐ์ถึงกับต้องหันหน้ามาทางน้องชายตรง ๆ
“ไหนว่าไม่ได้สนใจ”
“ก็อยากเห็นยัยเด็กนั่น ไม่ได้เจอกันตั้งนานป่านนี้คง” เตชัสนับนิ้วไปด้วยระหว่างคิด
“ยี่สิบหกแล้วมั้ง”
“ยี่สิบห้า” คนเป็นพี่แก้แทนให้ เตชัสนิ่งไปเล็กน้อยเพราะคนที่จำอายุของรุ้งพรายได้แม่นที่สุดกลับเป็นพี่ชายของเขานั่นเอง
“พี่คริษฐ์จำแม่นนะเนี่ย ยี่สิบห้าจริง ๆ ด้วย” เตชัสคิดใหม่ก็จริงอย่างที่พี่ชายพูดทุกอย่าง เขาเอนหลังพิงพนักโซฟาสายตาก็มองเพดานเหมือนคนมีเรื่องราวให้ขบคิดอยู่ในใจ
“แล้วเจอไหม” นานพอสมควรกว่าที่คริษฐ์จะถามออกมา เพราะรอแล้วรอเล่าน้องชายก็ยังไม่ยอมพูดออกมาสักที
“เจอแต่น้าอำไพพี่คริษฐ์ แกบอกว่ารุ้งนอนอยู่เห็นว่าเหนื่อยจากการทำงานเมื่อวาน คนแบบนั้นทำความสะอาดเป็นด้วย นี่ผมว่าโกหกหรือเปล่าไม่ใช่น้าอำไพทำคนเดียวนะ”
“รุ้งทำจริง ๆ” คนเป็นพี่ก็ยืนยันอีกเสียง
“อ้อ พี่คริษฐ์อยู่บ้านด้วยนี่นา ว่าแต่ยัยนั่นเหมือนเดิมไหมพี่ คริษฐ์ ยังคอยเกาะแข้งเกาะขาพี่คริษฐ์อยู่อีกหรือเปล่า” ดูเตชัสจะสนใจอริยามเยาว์ของตนเป็นพิเศษ มีแววอาฆาตเล็ก ๆ ในดวงตาของเขา
‘ทำไมรุ้งจะต้องรอไปไปว่ายน้ำกับพี่คริษฐ์คนเดียว ไปกับพี่ก็ได้นี่พี่คริษฐ์ไม่ว่าง วันนี้พี่ว่างพอดี’
‘รุ้งไม่อยากไปกับพี่เต จะไปกับพี่คริษฐ์คนเดียว’
กี่ครั้งที่เตชัสต้องเสียหน้าเพราะรุ้งพราย และกี่ครั้งที่ความหวังดีของเขากลายเป็นเรื่องขบขันสำหรับหญิงสาว ความอยากเอาชนะทำให้ชีวิตของเตชัสมีสีสันขึ้นมาทันที
“เจอแค่ไม่กี่นาทีพี่คงบอกไม่ได้หรอกว่ารุ้งเป็นยังไง ต้องดูกันไปนาน ๆ”
“ผมว่าอีกไม่นานหรอกยัยรุ้งคงเผยตัวตนออกมาอีก ตอนนี้อาจจะยังรักษาฟอร์มเอาไว้ก่อน คนเคยเป็นยังไงมันเปลี่ยนไม่ได้หรอกพี่คริษฐ์ พี่คริษฐ์ก็อย่าใจอ่อนซะล่ะ ผมไม่อยากได้พี่สะใภ้เป็นยัยเด็กแก่แดดนั่น”
“ไม่มีวันนั้นหรอกเต” คริษฐ์ค่อนข้างมั่นใจในเรื่องนี้ นั่นก็เข้าทางคนเป็นน้องชายพอดี
“ดีครับ ดีมาก” เตชัสขยิบตาให้พี่ชายก่อนจะเดินผิวปากขึ้นบ้านไปอย่างคนอารมณ์ดี
ฝั่งคนตื่นนอนสายอย่างรุ้งพรายก็กำลังบิดตัวไล่ความขบเมื่อยอยู่บนเตียง ครั้นก้มลงมองตัวเองก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อย เพราะคอเสื้อยืดร่นต่ำจนเห็นอกอวบอิ่มทั้งสองข้าง จำได้ว่าตอนขึ้นมานอนนั้นอยู่ในสภาพงัวเงียเต็มที่ รุ้งพรายนอนไม่เคยหลับหากมีเสื้อชั้นในติดตัว จึงได้ถอดออกก่อนนอนทุกครั้ง แต่เพราะสภาพเสื้อยืดตัวยาวที่เธอชอบสวมตอนนอนเป็นประจำ ทำให้คอย้วยจนเห็นไปถึงตับไตไส้พุงเสียหมด แต่กระนั้นหญิงสาวก็ยังชื่นชอบเสื้อนอนตัวนี้เป็นพิเศษ ความเก่าความยุ่ยของมันทำให้เธอหลับสบายกว่าชุดนอนตัวใหม่หลายเท่าตัว
หญิงสาวลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วเปิดหน้าต่างออกกว้าง ชอบมองไปยังสนามหญ้าบ้านข้าง ๆ มีต้นไม้น้อยใหญ่เขียวชอุ่มไปหมด เผลอเงยหน้าขึ้นมองชั้นสองของบ้าน เธอรู้ว่าห้องตรงนั้นที่ปิดหน้าต่างสนิทม่านไม่เคยขยับเปิดเป็นห้องของเขา ถ้าคริษฐ์เปิดหน้าต่างแล้วชะโงกหน้าออกมาก็คงได้มองสบสายตากับเธอ
‘คิดบ้า ๆ น่ารุ้งพี่คริษฐ์ไม่ว่างมาเล่นสบตากันเหมือนตอนเด็ก ๆ หรอก’
เพราะเมื่อก่อนบ้านสูงระดับเดียวกัน ไม่ได้สูงต่ำชัดเจนแบบนี้ บ่อยครั้งที่คริษฐ์เปิดหน้าต่างออกมาแล้วจะเห็นเธอทำหน้าแป้นแล้นรออยู่ตรงหน้าต่างของตัวเอง คิดแล้วก็ยกมือขึ้นสางเส้นผมที่หยักเป็นลอนใหญ่ของตัวเองให้เข้าที่ และกว่าแม่บ้านของนางพิมพ์พรจะกลับมาเธอกับมารดาต้องไปทำความสะอาดที่บ้านโน้นอีกสองครั้ง รีบอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อลงไปดูมารดาด้านล่าง
“ลงมาแล้วเหรอรุ้งแม่มีขนมไว้ให้ลูกรองท้องด้วยนะ” นางอำไพเตรียมโต๊ะอาหารเช้าและของหวานไว้สำหรับลูกสาว
“รุ้งว่าจะมาช่วยแม่สักหน่อย แต่ตื่นไม่ทันเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกรุ้งแม่ทำจนชินแล้ววันนี้ออเดอร์ขนมน้อย แม่ทำแป๊บเดียวก็เสร็จ มากินข้าวกัน”
“ค่ะแม่ เดี๋ยวรุ้งช่วยตักข้าวนะแม่” หญิงสาวกุลีกุจอไปตักข้าวใส่จานให้มารดา เผลอมองขนมตะโก้ของท่านไปด้วย
“แม่ทำตะโก้สองวันติดเลยเหรอคะ”
“จ้ะ พอดีออเดอร์มามีแต่ตะโก้ แม่ก็เลยทำแต่ตะโก้นี่แหละ เปลี่ยนไส้ใหม่เอา”
“นี่ค่ะข้าวแม่” รุ้งพรายยกจานข้าวไปตรงหน้าของมารดา มองกับข้าวฝีมือท่านอย่างตื่นตาตื่นใจก่อนจะหลับตาลงแล้วสูดกลิ่นอาหารเข้าปอดลึก ๆ
“ทำเป็นไม่เคยกินข้าวฝีมือแม่นะรุ้ง ดูทำหน้าเข้า” คำพูดของมารดาทำให้รุ้งพรายรู้สึกผิดขึ้นมา
“นานมากแล้วที่รุ้งไม่ได้มาหาแม่ แม่โกรธรุ้งไหมคะ”
“ไม่โกรธหรอก ยังไงเราก็เห็นหน้ากันเกือบทุกวันอยู่แล้วนี่” นางอำไพกับลูกสาวติดต่อกันผ่านทางวิดีโอคอลเป็นประจำ นาน ๆ ทีนางถึงจะลงไปเยี่ยมลูกสาวที่โน่น แต่ก็ไม่ได้พักที่บ้านของอดีตสามี เป็นการไปพักในโรงแรมแล้วให้ลูกสาวพาเที่ยวแทน เพราะไม่อยากสร้างความลำบากใจให้ครอบครัวใหม่ของอดีตสามีนั่นเอง
“อ้อ เมื่อกี้นี้พี่เตเขามาหารุ้งด้วยนะ”
“พี่เต พี่เตชัสนั่นเหรอแม่” รุ้งพรายหรี่ตาแบบสงสัย ปกติเธอกับเขาก็ไม่ค่อยจะกินเส้นกันเท่าไหร่ ทำไมวันนี้ถึงอยากเจอเธอ
“ใช่ บอกว่าอยากเจอรุ้งแต่แม่บอกรุ้งยังไม่ตื่นเลยขอตัวกลับก่อน”
“จะมาหาเรื่องรุ้งหรือเปล่าก็ไม่รู้” หญิงสาวบ่นอุบ
“จากกันไปตั้งเจ็ดปียังจะหาเรื่องกันอยู่อีกเหรอรุ้ง แม่ว่าไม่ใช่มั้ง”
“แม่ไม่รู้อะไร พี่เตอ่ะเกลียดรุ้งจะตายไป ถ้ามาหานี่คงตั้งใจมาหาเรื่องชัวร์” รุ้งพรายค่อนข้างมั่นใจในความคิดเชิงลบของตัวเอง
“ไม่หรอกอย่าไปคิดแบบนั้นสิ พี่เตเขาอาจมาดีก็ได้ลูก แม่ยังชวนให้กินขนมด้วยกันอยู่เลยนะแต่คงไม่ว่างเห็นว่ามีธุระไรงี้แหละ”
“ดีแล้วรุ้งก็ไม่ได้อยากเจอเท่าไหร่หรอก”
“เอา ๆ ไม่อยากเจอก็ไม่เจอกินข้าวต่อเถอะรุ้ง”
“ค่ะแม่”
มื้อเช้าของวันนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่นของสองแม่ลูก นานเท่าไหร่แล้วนะที่รุ้งพรายไม่ได้ยิ้มออกมาจากใจจริงเหมือนในวันนี้ เธอเลือกแล้วว่าชีวิตที่เหลือต่อจากนี้จะใช้เพื่อดูแลมารดาของเธอเอง จะรักษาความสุขนี้เอาไว้ไปนาน ๆ