ตอนที่ : 7 บอลเป็นเหตุ 2

2036 Words
เจ้าของบ้านหนุ่มเลยจำต้องเดินมาส่งหญิงสาวที่หน้าประตูบ้าน แต่คริษฐ์ไม่ได้ทำแค่นั้นยังเดินตามรุ้งพรายไปถึงในบ้านของเจ้าตัวอีกด้วย “พี่อยากเห็นหน้าเด็กนั่น” เขาบอกเหตุผลสั้น ๆ ไม่ใช่เพราะว่าอยากคุยกับเธอสักหน่อย รุ้งพรายพยายามหักห้ามใจไม่ให้คิดมากไปกว่านี้ “น้องฟรังก์ครับนี่คุณน้าคริษฐ์ครับ” หญิงสาวแนะนำให้สองหนุ่มต่างวัยได้รู้จักกัน เด็กน้อยก็ยกมือขึ้นไหว้คริษฐ์ได้อย่างน่ารัก “พี่ไม่เคยรู้ว่าน้าอำไพรับดูแลเด็กด้วย” “ค่ะรุ้งก็เพิ่งรู้ พี่คริษฐ์นั่งก่อนไหมคะ” หญิงสาวชี้ไปยังเก้าอี้สนามหน้าบ้าน “ก็ดีเหมือนกัน” “น้องฟรังก์ครับไปนั่งตรงนั้นกับน้าคริษฐ์ก่อนนะ เดี๋ยวพี่รุ้งจะหาขนมมาให้กิน” “ครับพี่รุ้ง” น้องฟรังก์ก็ว่าง่ายแสนง่ายเดินไปนั่งอยู่ด้านข้างกับคริษฐ์แบบเงียบ ๆ ส่วนเจ้าของบ้านก็รีบเดินเข้าไปในห้องครัว มองเห็นสาคูไส้หมูของมารดาก็รีบยกออกมาให้สองหนุ่มได้กินกัน “สาคูไส้หมูค่ะพี่คริษฐ์แม่เก็บเอาไว้ให้รุ้งกินนี่แหละ แต่มันเยอะกินคนเดียวคงไม่หมด” “อืม” คริษฐ์มองจานขนมตรงหน้าแล้วก็นิ่งเฉยไม่ได้แตะในทันที “ส่วนน้องฟรังก์นี่น้ำแดงกินกับขนมนะ กินเป็นไหมเรา” “เป็นครับ” “เอาลูกบอลวางไว้ก่อน แล้วมากินขนมกันนะครับ” หญิงสาวดึงลูกบอลออกจากมือของเด็กน้อย แล้วหันมามองแขกข้างบ้านอย่างสนใจ “พี่คริษฐ์น้ำเปล่าคงไม่ว่าอะไรนะคะ รุ้งไม่ได้ซื้อพวกน้ำผลไม้ติดตู้เย็นไว้” “ไม่เป็นไรพี่ไม่ได้หิวน้ำ” เขาตอบแบบนี้รุ้งพรายก็จนปัญญาจะพูดต่อ หญิงสาวหันมาสนใจน้องฟรังก์แทน “กินเยอะ ๆ นะครับ เดี๋ยวพ่อกลับมาแล้วจะหาว่าพี่รุ้งดูแลไม่ดี” “ครับ” น้องฟรังก์รีบหยิบส้อมจิ้มขนมสาคูใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย รุ้งพรายจึงจิ้มขนมใส่ปากตัวเองไปด้วย สายตาก็เหลือบไปมองเขาที่นั่งนิ่ง ๆ ไม่พูดอะไร ‘ว่าแต่พี่คริษฐ์มาทำไมถ้าไม่คิดจะพูดอะไรอยู่แบบนี้’ กลายเป็นความอึดอัดใจเข้ามาแทนที่ พี่คริษฐ์ของรุ้งพรายในวันนี้ดูนิ่งขรึมกว่าตอนนั้นหลายขุมนัก ขรึมจนเธอแทบไม่กล้าชวนเขาคุยด้วยซ้ำ “คุณน้าคริษฐ์ไม่กินขนมเหรอครับ อร่อยนะครับ” จู่ ๆ เด็กชายตัวน้อยก็ถามคริษฐ์ขึ้น รุ้งพรายแอบดีใจที่มีคนถามแทนเธอ มุมปากจึงกระตุกยิ้มขึ้นน้อย ๆ อย่างถูกใจในคำถามแสนซื่อของน้องฟรังก์ “งั้นเดี๋ยวน้าลองชิมดูนะครับ” คริษฐ์ไม่อยากทำให้เด็กผิดหวังจึงจับส้อมจิ้มขนมเข้าปากตัวเองหนึ่งชิ้น “อร่อยใช่ไหมครับ” “ครับอร่อยอย่างที่น้องฟรังก์บอกจริง ๆ” คริษฐ์ฉีกยิ้มกว้างให้น้องฟรังก์แต่หันมาทำหน้านิ่งใส่เธอ จะวางมาดใส่เธอไปถึงเมื่อไหร่ แบบนี้เธอจะกล้าเข้าใกล้ได้อีกไหม สักพักใหญ่ ๆ น้องฟรังก์ก็กินขนมจนอิ่ม คริษฐ์เองก็อิ่มแล้วเหมือนกัน ดูเหมือนชายหนุ่มจะชวนน้องฟรังก์คุยกันตามประสาหนุ่ม ๆ เขาไม่คิดแม้แต่จะหันมาชวนเธอคุยด้วย พอขนมย่อยสองหนุ่มก็ชวนกันเตะฟุตบอลต่อ รุ้งพรายก็เก็บจานขนมเข้าไปล้างในห้องครัว เสร็จแล้วก็กลับออกมานั่งมองเขากับน้องฟรังก์เล่นเตะฟุตบอลกันอย่างสนุกสนาน มีบ่อยครั้งที่น้องฟรังก์กระโดดเข้าไปเกาะแข้งเกาะขาของคริษฐ์ แล้วก็ถูกเขาเหวี่ยงตัวไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง เป็นภาพที่เธอแอบจินตนาการไปว่ากำลังนั่งมองสามีกับลูกชายเล่นกันอยู่ นั่งยิ้มอยู่คนเดียวเหมือนคนบ้า จนสายตาของเขามองดุ ๆ กลับคืนมา รอยยิ้มบนใบหน้าจึงค่อย ๆ หุบลง “รุ้ง” สักพักหนึ่งคริษฐ์ก็หันมาเรียกเธอ “คะพี่คริษฐ์” “พี่ว่าน้องฟรังก์ง่วงนอนแล้วล่ะ พาเข้าไปนอนในบ้านเถอะ เตะบอลไปหาวไปหลายรอบแล้ว” “ง่วงนอนเหรอคะ แต่แม่ยังไม่กลับเลย” “ก็รุ้งไงพาเข้านอนทำไมต้องรอแม่” “จริงด้วยค่ะ ไปน้องฟรังก์ไปนอนกัน” หญิงสาวเดินไปจูงมือของคนง่วงนอนเข้าไปภายในบ้าน กระเป๋าของน้องฟรังก์มีขวดนมติดมาด้วย รุ้งพรายนึกสงสัยเล็กน้อยที่น้องฟรังก์อายุห้าขวบแล้วยังติดนมขวดอยู่ “น้องชายพี่รุ้งตอนห้าขวบไม่กินนมขวดแล้วนะน้องฟรังก์”     รุ้งพรายมองขวดนมในมือตัวเองแล้วหรี่ตามองน้องฟรังก์ไปด้วย ยังไม่ยื่นให้ในทันที “ถ้าไม่กินก็นอนไม่หลับครับพี่รุ้ง จะกินนม ๆ” เด็กน้อยกระโดดเหยง ๆ แบมือขอขวดนมไปด้วย “เอา ๆ กินก็กิน” หญิงสาวยื่นขวดนมในมือให้ ดึงที่นอนเด็กในกระเป๋าออกมาปูกลางห้องรับแขก นมเข้าปากไม่ทันไรน้องฟรังก์ก็หลับปุ๋ยลงไปในทันที “เฮ้ย หลับง่ายหลับดายขนาดนี้เลยเหรอน้องฟรังก์” หญิงสาวส่ายหน้าอย่างขำ ๆ ก่อนจะหันไปมองคนที่นั่งอยู่ตามลำพังตรงหน้าบ้าน รุ้งพรายเดินเข้าห้องน้ำเพื่อสำรวจดูตัวเองหน้ากระจก ผมหยักเป็นลอนถูกถักเปียหลวม ๆ เอาไว้ทั้งสองข้าง ไม่ได้ยุ่งเหยิงเหมือนเมื่อวานตอนทำความสะอาด ส่วนชุดที่สวมใส่ก็เป็นผ้าลูกไม้แขนกุดกางเกงยีนขาสั้นน่ามองอยู่ไม่น้อย ‘ใครสอนให้ชมตัวเองยัยรุ้ง’ คิดแล้วพวงแก้มก็แดงเถือกขึ้นทันตาเห็น จินตนาการของเธอไปไกลสุดกู่ ขณะที่เขากลับเมินเฉยใส่ รุ้งพรายเดินคอตกออกจากห้องน้ำแล้วตรงไปหาเขาที่หน้าบ้าน “น้องฟรังก์หลับแล้วค่ะพี่คริษฐ์” “งั้นพี่กลับนะ” “เอ่อ พี่คริษฐ์ไม่อยู่ต่อหน่อยเหรอคะ” “ไม่ล่ะ ไม่ได้มีธุระอะไรที่นี่แล้ว” พูดแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปหน้าตาเฉย “อ้าว” หญิงสาวออกอาการเหวอเล็กน้อย แต่ก็เดินไปส่งเขาตรงประตูหน้าบ้าน คริษฐ์เดินกลับบ้านตัวเองแบบเร็ว ๆ ไม่ได้มีท่าทีอาลัยอาวรณ์เธอแม้แต่น้อย ‘คาดหวังอะไรอยู่รุ้งพราย มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก’ “พี่คริษฐ์” “อะไร” “ว่าง ๆ แวะมากินขนมกับรุ้งได้นะคะ” หญิงสาวหยอดเสียงหวานแต่เขากลับหันหลังแล้วเดินจากไป ไม่คิดแม้จะตอบกลับมาให้เธอได้ชื่นใจแม้แต่คำเดียว “เฮ้อ” รุ้งพรายส่ายหน้าแล้วปิดประตูบ้านตัวเอง เมื่อก่อนยังว่าพอมีโอกาสได้ใกล้ชิดสนิทสนมกัน แต่ตอนนี้ทำไมรู้สึกยิ่งห่างกันไกล ช่วงเย็นมารดาของรุ้งพรายก็กลับจากตลาดมาพร้อมกับวัตถุดิบทำขนมเต็มท้ายรถแท็กซี่ รุ้งพรายรีบวิ่งไปช่วยหิ้วของลงจากรถเข้าบ้าน “เป็นไงรุ้งเลี้ยงน้องฟรังก์สนุกไหมลูก” “สนุกค่ะแม่ น้องฟรังก์เลี้ยงง่ายนะ กินง่ายนอนก็ง่าย” หญิงสาวบอกมารดาระหว่างเดินเข้าห้องครัว “หลับยังไม่ตื่นใช่ไหม ตื่นอีกทีก็เกือบเย็นเลยล่ะ” “ใช่ค่ะแม่ เอ่อแม่ รุ้งมีเรื่องจะบอก” หญิงสาวยิ้มแหย ๆ คนเป็นแม่ก็รีบปิดตู้เย็นแล้วหันมามองลูกสาว “ทำอะไรผิดไว้ใช่ไหมถึงได้ทำหน้าแบบนี้” นางอำไพชี้นิ้วใส่หน้าลูกสาวเหมือนคนจ้องจับผิด รุ้งพรายเลยเดินเข้าไปกอดเอวท่านอย่างเอาอกเอาใจ “แม่รู้ทันตลอดเลย คืองี้นะ รุ้งเล่นเตะบอลกับน้องฟรังก์ตอนกลางวัน แล้วมีจังหวะหนึ่งที่รุ้งเตะแรงไปหน่อย บอลเลยลอยข้ามกำแพงบ้านไปฝั่งบ้านคุณป้าพิมพ์ค่ะแม่” “ซนนักนะเรา แล้วยังไงต่อ” คนถามดันตัวลูกสาวออกแล้วมองหน้าตรง ๆ “รุ้งคิดว่าไม่มีใครอยู่บ้าน เพราะเดินไปดูที่หน้าประตูแล้วไม่เห็นรถจอดอยู่สักคัน เลยกลับมาปีนข้ามกำแพงไปเก็บลูกบอลให้น้องฟรังก์ค่ะ” คนสารภาพผิดบอกไม่เต็มน้ำเสียง “รุ้ง ! ไปปีนกำแพงบ้านคนอื่นได้ยังไงลูก” นางอำไพตกใจในการกระทำของลูกสาวอยู่ไม่น้อย “ก็บอลของน้องฟรังก์นี่แม่ ปีนไปเก็บแล้วปีนกลับคิดว่าน่าจะง่าย ๆ” “แล้วมันเป็นยังไงต่อล่ะ ง่ายสมใจไหม” “แฮ่ ปีนกลับไม่ได้ พี่คริษฐ์เลยต้องมาเปิดประตูบ้านให้” “เห็นไหมถูกเขาจับได้อีก ตายล่ะ นี่คุณพิมพ์จะคิดว่ารุ้งเป็นเด็กแบบไหนเนี่ย เที่ยวไปปีนกำแพงบ้านคนอื่นแบบนี้” นางอำไพเป็นกังวลต่อเรื่องนี้ค่อนข้างมาก ไม่อยากให้คนอื่นมองลูกสาวในแง่ลบ “ไม่ร้ายแรงขนาดนั้นมั้งแม่ พี่คริษฐ์ยังไม่ว่าอะไรเลย” คนทำผิดก็แย้งไม่เต็มเสียง “ไม่ว่าเลยเหรอ” นางอำไพทำหน้าไม่เชื่อเลยสักนิด “ความจริงก็ว่านิดหน่อยค่ะ” หญิงสาวยอมรับแบบอาย ๆ “รุ้งนะรุ้งพรุ่งนี้ไปขอโทษคุณป้าพิมพ์เลยนะ เดี๋ยวแม่จะทำขนมให้เอาไปฝากเขาด้วย” “ต้องขอโทษด้วยเหรอแม่ รุ้งไม่ได้ทำอะไรผิดร้ายแรงสักหน่อย ถ้าพี่คริษฐ์ไม่บอกก็ไม่มีใครรู้หรอกค่ะ” “แค่ปีนบ้านเขาก็ผิดแล้วลูก และอย่าคิดง่าย ๆ ว่าเขาไม่รู้เขาแม่ลูกกันยังไงก็ต้องบอกกันอยู่ดี พรุ่งนี้วันอาทิตย์คุณพิมพ์น่าจะอยู่บ้าน” “แบบนั้นก็ได้ค่ะ ถ้าแม่อยากให้รุ้งขอโทษรุ้งก็จะไปค่ะ” เพื่อความสบายใจของมารดา รุ้งพรายจึงยอมทำตามที่ท่านบอก  เห็นสีหน้าโล่งอกของมารดาแล้วหญิงสาวก็รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิดที่จะไปขอโทษนางพิมพ์พร ห้าโมงเย็นทักษ์ดนัยก็มารับลูกชายกลับบ้าน รุ้งพรายเก็บของใส่กระเป๋าเป้ของน้องฟรังก์เพื่อคืนคนเป็นพ่อ เจอกันตอนเช้าชายหนุ่มดูเสื้อผ้าเรียบร้อยผมเผ้าก็เนียนกริบ พอตกเย็นมาเท่านั้นสภาพเหมือนเขาไปฟัดกับตัวอะไรมาก็ไม่ปาน “คุณรุ้งอย่าตกใจกับสภาพของผมนะครับ พอดีขากลับมีการวิ่งราวกันขึ้นตรงหน้าออฟฟิศ ผมเลยวิ่งไปช่วยเขาจับคนร้ายน่ะครับ”     ทักษ์ดนัยเป็นฝ่ายบอกเสียเองหลังจากหญิงสาวยืนขมวดคิ้วมองเขาอย่างสงสัย “ค่ะ แล้วคุณทักษ์เป็นอะไรมากไหม วิ่งตามคนร้ายแบบนั้นอันตรายนะคะ” หญิงสาวบอกขณะยื่นกระเป๋าเป้คืนเขา “ไม่เป็นไรครับ ผมพอมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง คนร้ายเป็นเด็กติดยามาวิ่งราวกระเป๋าผู้หญิงในบริษัท ตอนนี้ถูกตำรวจคุมตัวไปแล้วครับ” “แหม ฮีโร่เลยนะคะแบบนี้” “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับคุณรุ้ง เอาล่ะน้องฟรังก์ลาพี่รุ้งเขาสิลูก” ทักษ์ดนัยหันไปบอกลูกชาย “ผมไปก่อนนะครับพี่รุ้ง” น้องฟรังก์ยกมือขึ้นไหว้ แล้วตามด้วยโบกมือบ๊ายบายหญิงสาว “วันหลังว่าง ๆ มาเล่นเตะบอลกับพี่รุ้งอีกนะคะ” รุ้งพรายก็โบกมือให้น้องฟรังก์ก่อนจะปิดประตูบ้านแล้วเดินกลับเข้าไปข้างใน ทักษ์ดนัยเห็นทั้งคู่เข้ากันได้ก็รู้สึกดีใจ เขาห่วงมากเรื่องที่จะให้คนอื่นดูแลลูกชายของตัวเอง เคยคิดจะพาไปฝากตามศูนย์รับฝากเด็ก แต่พอเจอข่าวร้าย ๆ ในแต่ละวันก็ทำใจไม่ได้เลยสักที ต้องมาพึ่งพาคนข้างบ้านซึ่งเห็นกันมาหลายปี ทั้งสนิทและไว้วางใจกันอย่างนางอำไพ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD