4 | รู้ความจริง (1)

2801 Words
บทที่ 4 รู้ความจริง (1) หนึ่งเดือนผ่านไป รถยนต์คันหรูที่ถูกออกแบบมาสำหรับการแข่งขันโดยเฉพาะกำลังขับเคลื่อนไปตามทางด้วยความเร็วสูงสุดเนื่องจากเป็นการฝึกซ้อมเพื่อสร้างสถิติความเร็วครั้งใหม่ สายตาหวานแปรเปลี่ยนจนแทบจะเป็นคนละคน ดวงตาคู่นั้นจดจ้องกับเส้นทางตรงหน้าเมื่อใกล้จะถึงจุดหมายนั้นก็คือเส้นชัย เสียงปรบมือจากคนที่อยู่ข้างสนามดังขึ้นเมื่อรถยนต์ขับผ่านไปด้วยความรวดเร็วก่อนที่คนในรถจะจอดเทียบข้างสนามและลงจากรถด้วยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจในผลงานของตัวเอง “เก่งมากเจน” เสียงของผู้จัดการสาวเอ่ยก่อนที่เจนนี่จะถอดหมวกกันน็อกของตัวเองออก “สถิติใหม่” ใบหน้าหวานหันไปมองหน้าจอขนาดใหญ่ที่ขึ้นเวลาในการออกตัวรถซึ่งเป็นไปตามที่เธอคาดไว้อยู่แล้ว “เจนอยากลงแข่งขันรายสัปดาห์ที่พีเจสปอร์ตไหม พี่ว่าเจนต้องชนะแน่ๆ” ร่างบางนั่งลงและหยิบน้ำขึ้นมาดื่มพรางมองผู้จัดการด้วยสายตาครุ่นคิดเพราะเธอเองก็สนใจที่จะลงแข่งเช่นกัน แม้ว่าเจนนี่จะอยู่ในสังกัดของไลท์เอาท์สปอร์ตแต่เธอก็สามารถลงแข่งที่สนามอื่นได้ แต่การแข่งขันย่อมแบ่งประเภทอย่างชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งเจนนี่ไม่ค่อยได้ลงสนามเล็กๆสักเท่าไหร่ จากการแข่งขันที่ออสเตรเลียเธอนั้นได้อันดับที่หนึ่งมาครอบครองเลยทำให้ช่วงนี้เธอต้องออกเดินสายโปรโมตบริษัทและให้สัมภาษณ์หลากหลายรายการ แต่ด้วยความที่เธอไม่ชอบความวุ่นวายเลยทำให้เธอเลือกรับแต่บริษัทที่เป็นสปอนเซอร์ให้กับบริษัทในสังกัดของเธอเท่านั้น เรียกได้ว่าช่วงนี้เป็นช่วงขาขึ้นของเธอเลยก็ว่าได้ ซึ่งมันก็เป็นอาชีพที่เธอชอบและรักมันอย่างมาก เธอแยกจากครอบครัวที่เยอรมันเพื่อเดินทางในอาชีพนี้เพียงลำพังและเธอก็ทำมันได้สำเร็จ เจนนี่อยู่ในวงการนี้มาสิบกว่าปีฝีมือก็พัฒนามากขึ้นทุกครั้งและในตอนนี้เธออยู่ในจุดสูงสุดของนักแข่งรถหญิงที่ใครๆก็อยากมาแทนที่เธอทั้งนั้น “ก็ดีเหมือนกันค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับเบาๆ “เจนไปเปลี่ยนชุดเถอะ เราจะไปกลับกัน” “ค่ะ” คนตัวเล็กลุกขึ้นเพื่อจะเดินไปยังห้องรับรองส่วนตัวของตัวเอง แต่ทว่า... วูบ! เมื่อเธอลุกขึ้นอยู่ๆก็มีอาการหน้ามืดขึ้นมา เจนนี่เซจนเกือบล้มลงกับพื้นแต่โชคดีที่ผู้จัดการของเธอนั้นรีบมาคว้าตัวเอาไว้ได้ก่อน “เจน! เป็นอะไร” “อือ...” เจนนี่ถูกประคองมานั่งอยู่ที่เดิมทั้งที่เธอยังคงหลับตาอยู่ “แล้วทำไม่หน้าซีดแบบนี้ล่ะ เมื่อกี้ยังดีอยู่เลย” “เจนหน้ามืดน่ะค่ะ” ใบหน้าหวานยิ้มออกมาบางๆเพราะไม่อยากทำให้ผู้จัดการส่วนตัวของเธอไม่สบายใจ แม้ว่าเธอเองก็แปลกใจกับอาการของตัวเองเช่นกัน ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้เธอทำงานเดินสายให้สัมภาษณ์อย่างหนักเลยทำให้พักผ่อนได้ไม่เต็มที่ “แต่ช่วงนี้งานเยอะจริงๆ ไหวไหมเจน ไปห้องพยาบาลไหม” “ไหวค่ะ เจนดีขึ้นแล้ว” “งั้นไปเปลี่ยนชุดเถอะ จะได้กลับไปพักผ่อน” เจนนี่ลุกขึ้นยืนฝืนทนอาการของตัวเองเอาไว้ ในใจก็คิดว่าถ้าหากพักผ่อนก็คงจะทำให้เธออาการดีขึ้น ช่วงเย็น เจนนี่อยู่ในชุดลำลองใส่สบายเธออยู่หน้าร้านสะดวกซื้อซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคอนโดของเธอมากนัก ขาเล็กก้าวฉับๆเพื่อกลับห้องหลังจากที่ออกมาซื้อของทานเล่นในมื้อดึกและเครื่องดื่มสำหรับการเตรียมอ่านสคริปต์สัมภาษณ์ของวันพรุ่งนี้ ในระหว่างที่กำลังเดินไปตามทางฟุตบาทโดยที่เธอสวมหูฟังอยู่นั้นก็มีรถยนต์คัวหรูสีดำจอดเทียบอยู่ฝั่งตรงข้ามและเปิดกระจกเรียกเจนนี่เอาไว้ “เฮ้! เธอ!” สายตาของเจนนี่หันไปมองกลับต้องแปลกใจเมื่อเจ้าของรถคันหรูคันนั้นก็คือภูผานักแข่งรถชื่อดังที่เธอมีความสัมพันธ์ที่เกินเลยกันในค่ำคืนที่ออสเตรเลีย เจนนี่เม้มปากแน่นและถอดสายหูฟังมองเธอไม่เข้าใจว่าเขาเรียกเธอไว้ทำไม แล้วอีกอย่างก็ไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่ด้วย “จะไปไหนอะ ขึ้นรถดิเดี๋ยวไปส่ง” ภูผาตะโกนถามก่อนจะลงจากรถข้ามไปหาเจนนี่อีกฝั่ง “ไม่เป็นไร” “ทำไมหน้าซีดๆ ทำงานหนักจนไม่มีเวลาพักผ่อนอะดิ” ภูผามองใบหน้าเล็กที่ตอนนี้ซีดเผือกเหมือนกับคนป่วย เขาเดาสถานการณ์เพราะเขาเองก็เข้าใจวงการนี้ดี แล้วยิ่งเจนนี่เพิ่งชนะการแข่งขันที่ออสเตรเลียมาก็ไม่แปลกที่ช่วงนี้เธอจะทำงานหนักแบบนี้ “มั้ง” ใบหน้าหวานพยักหน้ารับเบาๆ “ไปโรงพยาบาลไหม” “ไม่อะ” “แล้วนี่จะเดินไปไหนอะ เดี๋ยวฉันไปส่ง” “อะไรของนายเนี่ย ไม่ต้องมายุ่ง!” เจนนี่ตวาดออกไปอย่างนึกหงุดหงิดที่ภูผาเซ้าซี้เธอไม่เลิก “เอ้า ก็คนหวังดี” “ก็บอกว่า...” “จะปฏิเสธให้ได้? เป็นอะไรนักหนาขึ้นรถของฉันมันจะตายรึไง” ภูผากอดอกมองคนตัวเล็กที่เอาแต่รั้น เขาเพียงแค่หวังดีเพราะเมื่อครู่เห็นใบหน้าของเธอไม่สู้ดีก็เลยอาสาอยากจะไปส่งเธอเท่านั้นแต่เจ้าตัวก็ดื้อรั้นปฏิเสธเขาท่าเดียว “แล้วนายเป็นอะไรนักหนา ก็บอกว่าไม่ต้องไง” “ที่ไม่ไปเพราะยังคิดถึงลีลาบนเตียงของฉันอยู่อะดิ” ประโยคทำเอาเจนนี่ถึงกับถลึงตาใส่ด้วยความโมโห “ไอ้บ้า!!” “แน่ๆเลย มันเด็ดมากจนลืมไม่ลงเลยใช่ไหมเจนนี่” “นี่!! หยุดพูดจาลามกนะ!” “ฉันเข้าใจว่าฉันน่ะเด็ดมาก เธอเลย...” “หยุด! ฉันบอกให้หยุดไง!!” “หึ โอเคๆ หยุดพูดก็ได้” ภูผายกมือขึ้นยอมแพ้ก่อนจะยกยิ้มร้าย เขาเองก็รู้สึกพอใจที่แกล้งคนตัวเล็กนี่ได้สำเร็จ “ไอ้บ้า โรคจิต” เจนนี่บ่นพึมพำคนเดียว ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่ดันมาเจอภูผาที่นี่ “ขึ้นรถดิ...” เจนนี่เงยหน้าขึ้นจะเอ่ยปฏิเสธอีกครั้งแต่กลับถูกเสียงเข้มเอ่ยดักทางเอาไว้ “...ถ้าปฏิเสธแปลว่าเธอยังคิดถึงลีลาบนเตียงฉันอยู่นะ” เธอต้องยอมทำตามข้อเสนออย่างเลี่ยงไม่ได้เพราะรู้ดีว่าภูผาคงไม่ยอมง่ายๆแน่ ใบหน้าหวานเงยขึ้นเมื่อรู้สึกร้อนอบอ้าวพรางหันมองข้างๆเนื่องจากช่วงนี้เธอต้องระวังตัวเองเป็นพิเศษเพราะมีสื่อจับตามองเธอเป็นพิเศษ หากเป็นข่าวระหว่างเธอกับภูผามันก็คงจะดูไม่ดีแน่ๆ อีกทั้งภูผานั้นก็ขึ้นชื่อเรื่องผู้หญิง เธอไม่อยากจะตกเป็นข่าวกับเขา แต่ทว่า... ระหว่างที่กำลังเดินข้ามไปยังรถยนต์คันหรูของภูผาที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นอาการหน้ามืดของเธอก็กลับมาอีกครั้ง ร่างบางของเจนนี่ชะงักและหลับตาลงโดยที่ไม่รู้เลยว่าเธอกำลังอยู่กลางถนนที่กำลังมีรถยนต์ขับตรงมาหาเธอ ปรี๊ด! เจนนี่ลืมตาขึ้นตามเสียงแตรรถยนต์แม้ว่าสติของเธอจะเริ่มเลือนหายและเธอก็รับรู้ว่าในสถานการณ์ตอนนี้มันอันตรายเป็นอย่างมาก และเธอกำลังจะถูกรถชน! หมับ! พรึ่บ! วงแขนแกร่งคว้าร่างของเจนนี่เอาไว้และดันตัวเธอใกล้กลับมาอยู่ริมฟุตบาทอีกครั้ง “ทำบ้าอะไรของเธอวะ!!” “อึก!” “อยากตายรึไง!!” เจนนี่ค่อยๆฝืนลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเป็นภูผาที่ดึงร่างของเธอเอาไว้และในตอนนี้เธออยู่ในอ้อมกอดของเขา “ฉัน...” “เจนนี่! เจนนี่!” วูบ... @โรงพยาบาล ภูผายืนรอเจนนี่อยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินหลังจากที่พาเธอมาที่โรงพยาบาลด้วยความร้อนรน ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาก็ได้โทรผู้จัดการส่วนตัวของเจนนี่เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะจัดการยังไง “คุณภูผาคะ” เสียงของผู้จัดการสาวเอ่ยขึ้นและรีบเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “คุณคือผู้จัดการของเจนนี่ใช่ไหมครับ” “ใช่ค่ะ เจนเป็นอะไรไปคะ ทำไมถึงอยู่ในห้องฉุกเฉิน” “เธอเป็นลมน่ะครับ ผมเลยรีบพาเธอมาที่โรงพยาบาล ไม่รู้ว่าเป็นลมอย่างเดียวหรือว่ามีอาการแทรกซ้อนอย่างอื่นด้วย หน้าเธอซีดมากเลยนะครับ” “แล้วคุณเจอเจนได้ยังไงคะ” “เอ่อ...บังเอิญน่ะครับ เห็นเธอหน้าซีดๆ ทำงานหนักเหรอครับ” “ก็คงใช่น่ะค่ะ ไม่คิดเลยว่าจะหนักขนาดนี้” ภูผาพยักหน้ารับ แม้ว่าจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นอาการของคนตัวเล็กหนักแบบนี้ “ขอบคุณคุณภูผามากเลยนะคะ” Rrrrr Rrrrr เสียงโทรศัพท์ของภูผาดังขึ้นทำให้บทสนทนาหยุดลง มือหนาหยิบมันขึ้นมาก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปรับสาย “ว่า” เสียงเข้มเอ่ยกับปลายสายเมื่อรู้ว่าคนที่โทรมานั้นคือเพื่อนสนิทอย่างภูริ (มึงอยู่ไหน) “ข้างนอก” (เฮียเรียกประชุม) “ขี้เกียจ” (ประชุมด่วน) ภูผาถอนหายใจออกมาอย่างนึกเบื่อหน่ายซึ่งการประชุมครั้งนี้เขาจะขาดไม่ได้เด็ดขาดเพราะเฮียที่ว่านั้นก็คือประธานบริษัทของพีเจสปอร์ต หากไม่มีเรื่องด่วนจริงๆก็คงไม่เรียกหากะทันหันเช่นนี้ “เออ เดี๋ยวไป” ภูผากดวางสายก่อนจะเดินกลับไปยังหน้าห้องฉุกเฉินดังเดิม “ผมต้องขอโทษจริงๆนะครับ พอดีผมมีงานด่วนเลยต้องขอตัวกลับก่อน” “ไม่เป็นไรเลยค่ะ แค่พาเจนมาที่โรงพยาบาลฉันก็ขอบคุณมากๆแล้ว” “ครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ” ภูผาโค้งศีรษะลงเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากโรงพยาบาลและตรงไปยังรถยนต์คันหรูของตัวเองที่จอดอยู่ลานจอดรถทันที ใช้เวลาไม่นานภูผาก็ขับมาถึงที่บริษัทพีเจสปอร์ต ร่างสูงเดินเข้าไปด้านในห้องประชุมซึ่งก็พบว่าเพื่อนสนิทอย่างภูริและภาคินกับประธานบริษัทนั้นนั่งรออยู่ในห้องแล้ว ภูผาส่งยิ้มกว้างไปให้และนั่งลงฝั่งตรงข้ามภาคินโดยมีสายตาของประธานผู้ทรงอิทธิพลนั้นจ้องมองอยู่ไม่วางตา “มองอะไรเฮีย” “ติดสาวอีกแล้วใช่ไหมไอ้ผา” “โห่! นี่เฮียคิดว่าชีวิตผมมีแต่เรื่องผู้หญิงหรือไง” “ก็เออดิ!” “ไม่ใช่สักหน่อย! ผมไปทำธุระมาต่างหาก” ภูผาตอบกลับไปทันควัน “เรื่องผู้หญิงน่ะให้มันเพลาๆบ้าง ฉันขี้เกียจตามแก้ข่าวให้แกแล้วไอ้ผา” “เฮียอย่านอกเรื่องดิ เข้าประเด็นที่เฮียเรียกประชุมเลยดีกว่า” ภูผาเอ่ยตัดบททำเอาภาคินและภูริที่นั่งฟังอยู่ถึงกับเค้นเสียงขำออกมา ไม่ว่าจะเจอกับสถานการณ์ไหนภูผาก็สามารถหลบหลีกมันได้ทุกครั้งรวมถึงครั้งนี้ด้วย “เดือนหน้าฉันจะให้พวกแกลงแข่งที่สนามของ w sport” “เฮียว่าไงนะ?” ภาคินขมวดคิ้วและถามด้วยความแปลกใจ “บริษัทคู่แข่งของเฮียไม่ใช่เหรอ” ภูริเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ตามปกติแล้วทั้งสามคนอย่างภูผา ภาคิน และภูรินั้นจะแทบไม่ได้ลงสนามเล็กๆเลยเนื่องจากเขานั้นเป็นตัวท็อปของบริษัทอีกทั้งยังมีงานสัมภาษณ์และออกรายการมากมายทำให้ไม่ค่อยมีเวลาว่างสักเท่าไหร่ “ไลท์เอาท์ก็คู่แข่งเฮียด้วยนะ ศัตรูเยอะจริงๆ” ภูผาเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ก็ยิ่งเป็นคู่แข่งนี่แหละฉันยิ่งอยากให้พวกแกลง” “ลงทั้งสามคนเลยเหรอเฮีย” “อืม เฮียอยากให้ชนะ ต้องชนะให้ได้” เสียงของประธานบริษัทดุดันขึ้นพร้อมกับมองทั้งสามคนด้วยแววตาแข็งกร้าว “หึ แล้วพวกผมจะได้อะไร” ภาคินยกยิ้มที่มุมปากเพราะเขารู้ดีว่าการร้องขอเช่นนี้ต้องได้รับผลตอบแทนที่พึงพอใจเขาถึงจะยอมลงแข่งขัน “แล้วแต่ ขอแค่ชนะก็พอ” “ถามจริง!” ภูผาตาโตเมื่อพูดถึงสิ่งตอบแทน “อืม เฮียให้ได้หมดถ้าพวกแกทั้งสามคนชนะ” “หึ แปลว่าฝั่งนั้นก็ไม่ธรรมดา” ภูริเค้นเสียงและวิเคราะห์สถานการณ์ “อืม ฝีมือดีใช้ได้ ถ้าพวกแกชนะอยากได้อะไรก็แค่บอก เฮียจัดให้ได้หมด” “ไม่มีปัญหาครับเฮีย” ภูผาตอบรับเป็นคนแรกเพราะเขาเองฝีมือก็ไม่ได้เป็นสองรองใครอยู่แล้ว “ตกลงเฮีย เตรียมซื้อตู้เก็บรางวัลใหม่ได้เลย” ภาคินเอ่ยด้วยรอยยิ้มเพราะเขาก็มั่นใจในฝีมือของตัวเองและเพื่อนสนิททั้งสองคนเช่นกัน “หึ ดี! อย่าทำให้เฮียผิดหวัง” เมื่อประชุมเสร็จเรียบร้อยทั้งสามคนก็ออกมานั่งที่อัฒจันทร์ข้างสนามแข่งระหว่างที่รอการซ้อมในช่วงค่ำซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันของพวกเขาทุกวันไปเสียแล้ว ภูผาเปิดกระป๋องน้ำอัดลมส่วนมืออีกข้างก็หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเล่นไปพรางๆ “ครับ เดี๋ยวพี่รีบกลับนะ...ครับ” สาวตาคมเงยขึ้นมองภาคินที่คุยโทรศัพท์กับแฟนสาวเสียงออดอ้อนก็นึกอดหมั่นไส้ไม่ได้ “รำคาญโว้ย!!” ภูผาตะโกนเสียงดังก่อนที่ภาคินจะวางสาย “คนไม่มีเมียก็เหงาแบบนี้แหละนะไอ้เพื่อนรัก” ภาคินยักคิ้วเย้ยหยันเพราะในตอนนี้มีเขาคนเดียวที่สละโสดมีแฟนสาวที่น่ารักซึ่งใครๆก็ต่างอิจฉาเนปจูนแฟนสาวของภาคินนั้นน่ารักและดูแลเขาดีจนทำให้เจ้าของฉายาเสือเหี้ยมอย่างภาคินนั้นสิ้นลายถอดเขี้ยวถอดเล็บไปได้ “ไอ้ภูมึงดูดิ ไอ้คินแม่งเย้ยเราว่ะ” ภูผาหันไปหาพวกอย่างภูริแต่ก็ต้องกลอกตาไปมาเมื่อภูริถอนหายใจใส่พรางหยิบเสื้อคลุมมาปิดใบหน้าของตัวเองเอาไว้ “ไอ้เวรนี่ เห็นพวกกูเป็นอากาศรึไงวะ” “น่ารำคาญ” ภูริเอ่ยเสียงเรียบอย่างนึกรำคาญ “ไอ้สัส...เย็นชาฉิบ!” ภูผาส่ายหน้าเบาๆเขารู้ว่าภูรินั้นมีนิสัยยังไงแต่เขาก็ไม่เคยชินกับความเย็นชาของภูริสักที “เห้ยมึงดูข่าวนี่ดิ อย่างกับพล็อตละคร” ภาคินส่งโทรศัพท์ไปให้ภูผาดูซึ่งหน้าจอขึ้นโชว์เป็นข่าวออนไลน์ของต่างประเทศ “อะไรวะ” “ก็ผู้หญิงคนนี้อะเขาเป็นนางแบบ หน้าตาโคตรสวย เขามีข่าวว่าตัวเองท้องกับดาราเว้ย แต่ก็มีคนออกมาแฉว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ท้องกับดารา” “นี่มึงอ่านข่าวแบบนี้ด้วยเหรอวะ” “ยังไม่จบเว้ย คนนี้อะมีคนออกมาแฉว่าทำที่เป็นเดินไปชนแล้วก็อ่อยให้เหยื่อตายใจ แล้วหน้าสวยๆแบบนี้เหยื่อที่ไหนจะรอดวะ แล้วแม่งจะนอนกับผู้ชายเพื่อที่จะหาพ่อของลูกให้ตัวเองอะดิ...” “...แต่โดนออกมาแฉก่อน คนอื่นก็เลยรู้ทัน” “เออแม่ง ร้ายว่ะ” “ประเด็นคือแม่งจะเจาะถุงยางให้เหยื่อดิ้นไม่หลุดไงมึง น่ากลัวสัส” “เออ ใครวะเป็นถึงนางแบบไม่น่าทำเรื่องแบบนี้” “ชื่อลูน่าอะมึง กูไม่รู้จักหรอก แต่สวยจริง” “...” ภูผาชะงักไปเล็กน้อยเพราะเขารู้สึกคุ้นชื่อเธอคนนี้แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก “มึงไม่รู้จักหรอก” “ข่าวนี้...ใช่ข่าวที่ออสเตรเลียรึเปล่าวะ” เสียงเข้มเอ่ยถามเพื่อนสนิทเมื่อเขารู้สึกแปลกๆขึ้นมา “เออใช่ รู้ได้ไงวะนี่มึงเห็นข่าวนี้แล้วเหรอ” “ลูน่า...ออสเตรเลีย...” ภูผาเอ่ยพึมพำกับตัวเองพรางนึกคิดเรื่องราวเมื่อเดือนก่อน เขาพอจะจำชื่อเธอคนนี้ได้แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นคนเดียวกับในข่าวรึเปล่า “...ถุงยาง” “มีรูปนะเว้ย เนี่ย คนนี้แหละ” ภาคินเปิดรูปผู้หญิงคนหนึ่งให้เพื่อนสนิทดู “...” “สวยอะดิ” “คนนี้เหรอมึง...” ภูผาถามเสียงเบาพรางจดจ้องที่หน้าจอโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกบางอย่าง เขากำลังประมวลเรื่องราวทั้งหมดในใจก็คิดว่ามันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญที่เขานั้นได้เจอกับเธอที่คลับนั้น เขาได้แต่ภาวนาขอให้สิ่งที่คิดนั้นไม่เกิดขึ้นจริง...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD