บทที่ 4
รู้ความจริง (1)
หนึ่งเดือนผ่านไป
รถยนต์คันหรูที่ถูกออกแบบมาสำหรับการแข่งขันโดยเฉพาะกำลังขับเคลื่อนไปตามทางด้วยความเร็วสูงสุดเนื่องจากเป็นการฝึกซ้อมเพื่อสร้างสถิติความเร็วครั้งใหม่ สายตาหวานแปรเปลี่ยนจนแทบจะเป็นคนละคน ดวงตาคู่นั้นจดจ้องกับเส้นทางตรงหน้าเมื่อใกล้จะถึงจุดหมายนั้นก็คือเส้นชัย
เสียงปรบมือจากคนที่อยู่ข้างสนามดังขึ้นเมื่อรถยนต์ขับผ่านไปด้วยความรวดเร็วก่อนที่คนในรถจะจอดเทียบข้างสนามและลงจากรถด้วยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจในผลงานของตัวเอง
“เก่งมากเจน” เสียงของผู้จัดการสาวเอ่ยก่อนที่เจนนี่จะถอดหมวกกันน็อกของตัวเองออก
“สถิติใหม่” ใบหน้าหวานหันไปมองหน้าจอขนาดใหญ่ที่ขึ้นเวลาในการออกตัวรถซึ่งเป็นไปตามที่เธอคาดไว้อยู่แล้ว
“เจนอยากลงแข่งขันรายสัปดาห์ที่พีเจสปอร์ตไหม พี่ว่าเจนต้องชนะแน่ๆ” ร่างบางนั่งลงและหยิบน้ำขึ้นมาดื่มพรางมองผู้จัดการด้วยสายตาครุ่นคิดเพราะเธอเองก็สนใจที่จะลงแข่งเช่นกัน
แม้ว่าเจนนี่จะอยู่ในสังกัดของไลท์เอาท์สปอร์ตแต่เธอก็สามารถลงแข่งที่สนามอื่นได้ แต่การแข่งขันย่อมแบ่งประเภทอย่างชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งเจนนี่ไม่ค่อยได้ลงสนามเล็กๆสักเท่าไหร่
จากการแข่งขันที่ออสเตรเลียเธอนั้นได้อันดับที่หนึ่งมาครอบครองเลยทำให้ช่วงนี้เธอต้องออกเดินสายโปรโมตบริษัทและให้สัมภาษณ์หลากหลายรายการ แต่ด้วยความที่เธอไม่ชอบความวุ่นวายเลยทำให้เธอเลือกรับแต่บริษัทที่เป็นสปอนเซอร์ให้กับบริษัทในสังกัดของเธอเท่านั้น
เรียกได้ว่าช่วงนี้เป็นช่วงขาขึ้นของเธอเลยก็ว่าได้ ซึ่งมันก็เป็นอาชีพที่เธอชอบและรักมันอย่างมาก เธอแยกจากครอบครัวที่เยอรมันเพื่อเดินทางในอาชีพนี้เพียงลำพังและเธอก็ทำมันได้สำเร็จ เจนนี่อยู่ในวงการนี้มาสิบกว่าปีฝีมือก็พัฒนามากขึ้นทุกครั้งและในตอนนี้เธออยู่ในจุดสูงสุดของนักแข่งรถหญิงที่ใครๆก็อยากมาแทนที่เธอทั้งนั้น
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับเบาๆ
“เจนไปเปลี่ยนชุดเถอะ เราจะไปกลับกัน”
“ค่ะ” คนตัวเล็กลุกขึ้นเพื่อจะเดินไปยังห้องรับรองส่วนตัวของตัวเอง
แต่ทว่า...
วูบ!
เมื่อเธอลุกขึ้นอยู่ๆก็มีอาการหน้ามืดขึ้นมา เจนนี่เซจนเกือบล้มลงกับพื้นแต่โชคดีที่ผู้จัดการของเธอนั้นรีบมาคว้าตัวเอาไว้ได้ก่อน
“เจน! เป็นอะไร”
“อือ...” เจนนี่ถูกประคองมานั่งอยู่ที่เดิมทั้งที่เธอยังคงหลับตาอยู่
“แล้วทำไม่หน้าซีดแบบนี้ล่ะ เมื่อกี้ยังดีอยู่เลย”
“เจนหน้ามืดน่ะค่ะ” ใบหน้าหวานยิ้มออกมาบางๆเพราะไม่อยากทำให้ผู้จัดการส่วนตัวของเธอไม่สบายใจ แม้ว่าเธอเองก็แปลกใจกับอาการของตัวเองเช่นกัน ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้เธอทำงานเดินสายให้สัมภาษณ์อย่างหนักเลยทำให้พักผ่อนได้ไม่เต็มที่
“แต่ช่วงนี้งานเยอะจริงๆ ไหวไหมเจน ไปห้องพยาบาลไหม”
“ไหวค่ะ เจนดีขึ้นแล้ว”
“งั้นไปเปลี่ยนชุดเถอะ จะได้กลับไปพักผ่อน” เจนนี่ลุกขึ้นยืนฝืนทนอาการของตัวเองเอาไว้ ในใจก็คิดว่าถ้าหากพักผ่อนก็คงจะทำให้เธออาการดีขึ้น
ช่วงเย็น
เจนนี่อยู่ในชุดลำลองใส่สบายเธออยู่หน้าร้านสะดวกซื้อซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคอนโดของเธอมากนัก ขาเล็กก้าวฉับๆเพื่อกลับห้องหลังจากที่ออกมาซื้อของทานเล่นในมื้อดึกและเครื่องดื่มสำหรับการเตรียมอ่านสคริปต์สัมภาษณ์ของวันพรุ่งนี้
ในระหว่างที่กำลังเดินไปตามทางฟุตบาทโดยที่เธอสวมหูฟังอยู่นั้นก็มีรถยนต์คัวหรูสีดำจอดเทียบอยู่ฝั่งตรงข้ามและเปิดกระจกเรียกเจนนี่เอาไว้
“เฮ้! เธอ!” สายตาของเจนนี่หันไปมองกลับต้องแปลกใจเมื่อเจ้าของรถคันหรูคันนั้นก็คือภูผานักแข่งรถชื่อดังที่เธอมีความสัมพันธ์ที่เกินเลยกันในค่ำคืนที่ออสเตรเลีย
เจนนี่เม้มปากแน่นและถอดสายหูฟังมองเธอไม่เข้าใจว่าเขาเรียกเธอไว้ทำไม แล้วอีกอย่างก็ไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่ด้วย
“จะไปไหนอะ ขึ้นรถดิเดี๋ยวไปส่ง” ภูผาตะโกนถามก่อนจะลงจากรถข้ามไปหาเจนนี่อีกฝั่ง
“ไม่เป็นไร”
“ทำไมหน้าซีดๆ ทำงานหนักจนไม่มีเวลาพักผ่อนอะดิ” ภูผามองใบหน้าเล็กที่ตอนนี้ซีดเผือกเหมือนกับคนป่วย เขาเดาสถานการณ์เพราะเขาเองก็เข้าใจวงการนี้ดี แล้วยิ่งเจนนี่เพิ่งชนะการแข่งขันที่ออสเตรเลียมาก็ไม่แปลกที่ช่วงนี้เธอจะทำงานหนักแบบนี้
“มั้ง” ใบหน้าหวานพยักหน้ารับเบาๆ
“ไปโรงพยาบาลไหม”
“ไม่อะ”
“แล้วนี่จะเดินไปไหนอะ เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“อะไรของนายเนี่ย ไม่ต้องมายุ่ง!” เจนนี่ตวาดออกไปอย่างนึกหงุดหงิดที่ภูผาเซ้าซี้เธอไม่เลิก
“เอ้า ก็คนหวังดี”
“ก็บอกว่า...”
“จะปฏิเสธให้ได้? เป็นอะไรนักหนาขึ้นรถของฉันมันจะตายรึไง” ภูผากอดอกมองคนตัวเล็กที่เอาแต่รั้น เขาเพียงแค่หวังดีเพราะเมื่อครู่เห็นใบหน้าของเธอไม่สู้ดีก็เลยอาสาอยากจะไปส่งเธอเท่านั้นแต่เจ้าตัวก็ดื้อรั้นปฏิเสธเขาท่าเดียว
“แล้วนายเป็นอะไรนักหนา ก็บอกว่าไม่ต้องไง”
“ที่ไม่ไปเพราะยังคิดถึงลีลาบนเตียงของฉันอยู่อะดิ” ประโยคทำเอาเจนนี่ถึงกับถลึงตาใส่ด้วยความโมโห
“ไอ้บ้า!!”
“แน่ๆเลย มันเด็ดมากจนลืมไม่ลงเลยใช่ไหมเจนนี่”
“นี่!! หยุดพูดจาลามกนะ!”
“ฉันเข้าใจว่าฉันน่ะเด็ดมาก เธอเลย...”
“หยุด! ฉันบอกให้หยุดไง!!”
“หึ โอเคๆ หยุดพูดก็ได้” ภูผายกมือขึ้นยอมแพ้ก่อนจะยกยิ้มร้าย เขาเองก็รู้สึกพอใจที่แกล้งคนตัวเล็กนี่ได้สำเร็จ
“ไอ้บ้า โรคจิต” เจนนี่บ่นพึมพำคนเดียว ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่ดันมาเจอภูผาที่นี่
“ขึ้นรถดิ...” เจนนี่เงยหน้าขึ้นจะเอ่ยปฏิเสธอีกครั้งแต่กลับถูกเสียงเข้มเอ่ยดักทางเอาไว้
“...ถ้าปฏิเสธแปลว่าเธอยังคิดถึงลีลาบนเตียงฉันอยู่นะ” เธอต้องยอมทำตามข้อเสนออย่างเลี่ยงไม่ได้เพราะรู้ดีว่าภูผาคงไม่ยอมง่ายๆแน่
ใบหน้าหวานเงยขึ้นเมื่อรู้สึกร้อนอบอ้าวพรางหันมองข้างๆเนื่องจากช่วงนี้เธอต้องระวังตัวเองเป็นพิเศษเพราะมีสื่อจับตามองเธอเป็นพิเศษ หากเป็นข่าวระหว่างเธอกับภูผามันก็คงจะดูไม่ดีแน่ๆ
อีกทั้งภูผานั้นก็ขึ้นชื่อเรื่องผู้หญิง เธอไม่อยากจะตกเป็นข่าวกับเขา
แต่ทว่า...
ระหว่างที่กำลังเดินข้ามไปยังรถยนต์คันหรูของภูผาที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นอาการหน้ามืดของเธอก็กลับมาอีกครั้ง ร่างบางของเจนนี่ชะงักและหลับตาลงโดยที่ไม่รู้เลยว่าเธอกำลังอยู่กลางถนนที่กำลังมีรถยนต์ขับตรงมาหาเธอ
ปรี๊ด!
เจนนี่ลืมตาขึ้นตามเสียงแตรรถยนต์แม้ว่าสติของเธอจะเริ่มเลือนหายและเธอก็รับรู้ว่าในสถานการณ์ตอนนี้มันอันตรายเป็นอย่างมาก และเธอกำลังจะถูกรถชน!
หมับ!
พรึ่บ!
วงแขนแกร่งคว้าร่างของเจนนี่เอาไว้และดันตัวเธอใกล้กลับมาอยู่ริมฟุตบาทอีกครั้ง
“ทำบ้าอะไรของเธอวะ!!”
“อึก!”
“อยากตายรึไง!!” เจนนี่ค่อยๆฝืนลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเป็นภูผาที่ดึงร่างของเธอเอาไว้และในตอนนี้เธออยู่ในอ้อมกอดของเขา
“ฉัน...”
“เจนนี่! เจนนี่!”
วูบ...
@โรงพยาบาล
ภูผายืนรอเจนนี่อยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินหลังจากที่พาเธอมาที่โรงพยาบาลด้วยความร้อนรน ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาก็ได้โทรผู้จัดการส่วนตัวของเจนนี่เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะจัดการยังไง
“คุณภูผาคะ” เสียงของผู้จัดการสาวเอ่ยขึ้นและรีบเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“คุณคือผู้จัดการของเจนนี่ใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ เจนเป็นอะไรไปคะ ทำไมถึงอยู่ในห้องฉุกเฉิน”
“เธอเป็นลมน่ะครับ ผมเลยรีบพาเธอมาที่โรงพยาบาล ไม่รู้ว่าเป็นลมอย่างเดียวหรือว่ามีอาการแทรกซ้อนอย่างอื่นด้วย หน้าเธอซีดมากเลยนะครับ”
“แล้วคุณเจอเจนได้ยังไงคะ”
“เอ่อ...บังเอิญน่ะครับ เห็นเธอหน้าซีดๆ ทำงานหนักเหรอครับ”
“ก็คงใช่น่ะค่ะ ไม่คิดเลยว่าจะหนักขนาดนี้” ภูผาพยักหน้ารับ แม้ว่าจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นอาการของคนตัวเล็กหนักแบบนี้
“ขอบคุณคุณภูผามากเลยนะคะ”
Rrrrr Rrrrr
เสียงโทรศัพท์ของภูผาดังขึ้นทำให้บทสนทนาหยุดลง มือหนาหยิบมันขึ้นมาก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปรับสาย
“ว่า” เสียงเข้มเอ่ยกับปลายสายเมื่อรู้ว่าคนที่โทรมานั้นคือเพื่อนสนิทอย่างภูริ
(มึงอยู่ไหน)
“ข้างนอก”
(เฮียเรียกประชุม)
“ขี้เกียจ”
(ประชุมด่วน)
ภูผาถอนหายใจออกมาอย่างนึกเบื่อหน่ายซึ่งการประชุมครั้งนี้เขาจะขาดไม่ได้เด็ดขาดเพราะเฮียที่ว่านั้นก็คือประธานบริษัทของพีเจสปอร์ต หากไม่มีเรื่องด่วนจริงๆก็คงไม่เรียกหากะทันหันเช่นนี้
“เออ เดี๋ยวไป” ภูผากดวางสายก่อนจะเดินกลับไปยังหน้าห้องฉุกเฉินดังเดิม
“ผมต้องขอโทษจริงๆนะครับ พอดีผมมีงานด่วนเลยต้องขอตัวกลับก่อน”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ แค่พาเจนมาที่โรงพยาบาลฉันก็ขอบคุณมากๆแล้ว”
“ครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ” ภูผาโค้งศีรษะลงเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากโรงพยาบาลและตรงไปยังรถยนต์คันหรูของตัวเองที่จอดอยู่ลานจอดรถทันที
ใช้เวลาไม่นานภูผาก็ขับมาถึงที่บริษัทพีเจสปอร์ต ร่างสูงเดินเข้าไปด้านในห้องประชุมซึ่งก็พบว่าเพื่อนสนิทอย่างภูริและภาคินกับประธานบริษัทนั้นนั่งรออยู่ในห้องแล้ว
ภูผาส่งยิ้มกว้างไปให้และนั่งลงฝั่งตรงข้ามภาคินโดยมีสายตาของประธานผู้ทรงอิทธิพลนั้นจ้องมองอยู่ไม่วางตา
“มองอะไรเฮีย”
“ติดสาวอีกแล้วใช่ไหมไอ้ผา”
“โห่! นี่เฮียคิดว่าชีวิตผมมีแต่เรื่องผู้หญิงหรือไง”
“ก็เออดิ!”
“ไม่ใช่สักหน่อย! ผมไปทำธุระมาต่างหาก” ภูผาตอบกลับไปทันควัน
“เรื่องผู้หญิงน่ะให้มันเพลาๆบ้าง ฉันขี้เกียจตามแก้ข่าวให้แกแล้วไอ้ผา”
“เฮียอย่านอกเรื่องดิ เข้าประเด็นที่เฮียเรียกประชุมเลยดีกว่า” ภูผาเอ่ยตัดบททำเอาภาคินและภูริที่นั่งฟังอยู่ถึงกับเค้นเสียงขำออกมา
ไม่ว่าจะเจอกับสถานการณ์ไหนภูผาก็สามารถหลบหลีกมันได้ทุกครั้งรวมถึงครั้งนี้ด้วย
“เดือนหน้าฉันจะให้พวกแกลงแข่งที่สนามของ w sport”
“เฮียว่าไงนะ?” ภาคินขมวดคิ้วและถามด้วยความแปลกใจ
“บริษัทคู่แข่งของเฮียไม่ใช่เหรอ” ภูริเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
ตามปกติแล้วทั้งสามคนอย่างภูผา ภาคิน และภูรินั้นจะแทบไม่ได้ลงสนามเล็กๆเลยเนื่องจากเขานั้นเป็นตัวท็อปของบริษัทอีกทั้งยังมีงานสัมภาษณ์และออกรายการมากมายทำให้ไม่ค่อยมีเวลาว่างสักเท่าไหร่
“ไลท์เอาท์ก็คู่แข่งเฮียด้วยนะ ศัตรูเยอะจริงๆ” ภูผาเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
“ก็ยิ่งเป็นคู่แข่งนี่แหละฉันยิ่งอยากให้พวกแกลง”
“ลงทั้งสามคนเลยเหรอเฮีย”
“อืม เฮียอยากให้ชนะ ต้องชนะให้ได้” เสียงของประธานบริษัทดุดันขึ้นพร้อมกับมองทั้งสามคนด้วยแววตาแข็งกร้าว
“หึ แล้วพวกผมจะได้อะไร” ภาคินยกยิ้มที่มุมปากเพราะเขารู้ดีว่าการร้องขอเช่นนี้ต้องได้รับผลตอบแทนที่พึงพอใจเขาถึงจะยอมลงแข่งขัน
“แล้วแต่ ขอแค่ชนะก็พอ”
“ถามจริง!” ภูผาตาโตเมื่อพูดถึงสิ่งตอบแทน
“อืม เฮียให้ได้หมดถ้าพวกแกทั้งสามคนชนะ”
“หึ แปลว่าฝั่งนั้นก็ไม่ธรรมดา” ภูริเค้นเสียงและวิเคราะห์สถานการณ์
“อืม ฝีมือดีใช้ได้ ถ้าพวกแกชนะอยากได้อะไรก็แค่บอก เฮียจัดให้ได้หมด”
“ไม่มีปัญหาครับเฮีย” ภูผาตอบรับเป็นคนแรกเพราะเขาเองฝีมือก็ไม่ได้เป็นสองรองใครอยู่แล้ว
“ตกลงเฮีย เตรียมซื้อตู้เก็บรางวัลใหม่ได้เลย” ภาคินเอ่ยด้วยรอยยิ้มเพราะเขาก็มั่นใจในฝีมือของตัวเองและเพื่อนสนิททั้งสองคนเช่นกัน
“หึ ดี! อย่าทำให้เฮียผิดหวัง”
เมื่อประชุมเสร็จเรียบร้อยทั้งสามคนก็ออกมานั่งที่อัฒจันทร์ข้างสนามแข่งระหว่างที่รอการซ้อมในช่วงค่ำซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันของพวกเขาทุกวันไปเสียแล้ว
ภูผาเปิดกระป๋องน้ำอัดลมส่วนมืออีกข้างก็หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเล่นไปพรางๆ
“ครับ เดี๋ยวพี่รีบกลับนะ...ครับ” สาวตาคมเงยขึ้นมองภาคินที่คุยโทรศัพท์กับแฟนสาวเสียงออดอ้อนก็นึกอดหมั่นไส้ไม่ได้
“รำคาญโว้ย!!” ภูผาตะโกนเสียงดังก่อนที่ภาคินจะวางสาย
“คนไม่มีเมียก็เหงาแบบนี้แหละนะไอ้เพื่อนรัก” ภาคินยักคิ้วเย้ยหยันเพราะในตอนนี้มีเขาคนเดียวที่สละโสดมีแฟนสาวที่น่ารักซึ่งใครๆก็ต่างอิจฉาเนปจูนแฟนสาวของภาคินนั้นน่ารักและดูแลเขาดีจนทำให้เจ้าของฉายาเสือเหี้ยมอย่างภาคินนั้นสิ้นลายถอดเขี้ยวถอดเล็บไปได้
“ไอ้ภูมึงดูดิ ไอ้คินแม่งเย้ยเราว่ะ” ภูผาหันไปหาพวกอย่างภูริแต่ก็ต้องกลอกตาไปมาเมื่อภูริถอนหายใจใส่พรางหยิบเสื้อคลุมมาปิดใบหน้าของตัวเองเอาไว้
“ไอ้เวรนี่ เห็นพวกกูเป็นอากาศรึไงวะ”
“น่ารำคาญ” ภูริเอ่ยเสียงเรียบอย่างนึกรำคาญ
“ไอ้สัส...เย็นชาฉิบ!” ภูผาส่ายหน้าเบาๆเขารู้ว่าภูรินั้นมีนิสัยยังไงแต่เขาก็ไม่เคยชินกับความเย็นชาของภูริสักที
“เห้ยมึงดูข่าวนี่ดิ อย่างกับพล็อตละคร” ภาคินส่งโทรศัพท์ไปให้ภูผาดูซึ่งหน้าจอขึ้นโชว์เป็นข่าวออนไลน์ของต่างประเทศ
“อะไรวะ”
“ก็ผู้หญิงคนนี้อะเขาเป็นนางแบบ หน้าตาโคตรสวย เขามีข่าวว่าตัวเองท้องกับดาราเว้ย แต่ก็มีคนออกมาแฉว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ท้องกับดารา”
“นี่มึงอ่านข่าวแบบนี้ด้วยเหรอวะ”
“ยังไม่จบเว้ย คนนี้อะมีคนออกมาแฉว่าทำที่เป็นเดินไปชนแล้วก็อ่อยให้เหยื่อตายใจ แล้วหน้าสวยๆแบบนี้เหยื่อที่ไหนจะรอดวะ แล้วแม่งจะนอนกับผู้ชายเพื่อที่จะหาพ่อของลูกให้ตัวเองอะดิ...”
“...แต่โดนออกมาแฉก่อน คนอื่นก็เลยรู้ทัน”
“เออแม่ง ร้ายว่ะ”
“ประเด็นคือแม่งจะเจาะถุงยางให้เหยื่อดิ้นไม่หลุดไงมึง น่ากลัวสัส”
“เออ ใครวะเป็นถึงนางแบบไม่น่าทำเรื่องแบบนี้”
“ชื่อลูน่าอะมึง กูไม่รู้จักหรอก แต่สวยจริง”
“...” ภูผาชะงักไปเล็กน้อยเพราะเขารู้สึกคุ้นชื่อเธอคนนี้แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก
“มึงไม่รู้จักหรอก”
“ข่าวนี้...ใช่ข่าวที่ออสเตรเลียรึเปล่าวะ” เสียงเข้มเอ่ยถามเพื่อนสนิทเมื่อเขารู้สึกแปลกๆขึ้นมา
“เออใช่ รู้ได้ไงวะนี่มึงเห็นข่าวนี้แล้วเหรอ”
“ลูน่า...ออสเตรเลีย...” ภูผาเอ่ยพึมพำกับตัวเองพรางนึกคิดเรื่องราวเมื่อเดือนก่อน เขาพอจะจำชื่อเธอคนนี้ได้แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นคนเดียวกับในข่าวรึเปล่า
“...ถุงยาง”
“มีรูปนะเว้ย เนี่ย คนนี้แหละ” ภาคินเปิดรูปผู้หญิงคนหนึ่งให้เพื่อนสนิทดู
“...”
“สวยอะดิ”
“คนนี้เหรอมึง...” ภูผาถามเสียงเบาพรางจดจ้องที่หน้าจอโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกบางอย่าง
เขากำลังประมวลเรื่องราวทั้งหมดในใจก็คิดว่ามันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญที่เขานั้นได้เจอกับเธอที่คลับนั้น
เขาได้แต่ภาวนาขอให้สิ่งที่คิดนั้นไม่เกิดขึ้นจริง...