5 | รู้ความจริง (2)

1753 Words
บทที่ 5 รู้ความจริง (2) ** คำเตือน! เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเพียงสถานการณ์ที่ผู้เขียนได้จินตนาการขึ้นในเรื่องกระบวนการให้คำปรึกษาจากทางแพทย์และเรื่องการตั้งครรภ์ มิได้มีเจตนาจะบิดเบือนความจริงเพียงอยากแสดงอีกหนึ่งมุมมองเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้” พี่นุชผู้จัดการส่วนตัวของฉันเอ่ยขึ้นหลังจากที่กลับมาจากโรงพยาบาลมันเป็นน้ำเสียงที่ราบเรียงและเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย ฉันรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาลหลังจากที่ภูผาเป็นคนมาส่งฉันและในตอนนี้ฉันก็อยู่ที่คอนโดของตัวเองเพื่อทบทวนเรื่องราวทั้งหมดหลังจากที่หมอได้บอกรายละเอียดอาการหน้ามืดของฉัน ‘ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ คุณตั้งครรภ์ได้หกสัปดาห์แล้วครับ’ เสียงของหมอวัยกลางคนเอ่ยพร้อมด้วยรอยยิ้มยินดียังคงตราตรึงอยู่ในหัวของฉัน ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ได้มีอะไรผิดพลาด มันคือเรื่องจริง! ฉันกำลังท้อง! หากจะมีอะไรผิดพลาดมันก็คือตัวฉันเองที่ไม่รอบคอบและมักง่ายจนเกินไป... “เจนไม่รู้...” “ทำไมเจนนี่...ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร” ฉันส่ายหน้าแทนคำตอบก่อนจะก้มหน้าลงเมื่อหยาดน้ำตากำลังเอ่อคลอรอบดวงตา คนๆนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากภูผา...หลังจากคืนนั้นที่ออสเตรเลียฉันกับภูผาก็มีความสัมพันธ์ที่เกินเลยกันอย่างตั้งใจ และแน่นอนฉันไม่ได้ทานยาคุมป้องกันไว้เพราะคิดว่าเขานั้นได้ป้องกันด้วยการใส่ถุงยางอนามัยแล้ว นั้นแหละ...ฉันไม่รอบคอบเอง แต่ความผิดพลาดครั้งนี้ฉันไม่อยากจะโทษเขาเลย มันเป็นความผิดของฉันเองแล้วอีกอย่างถ้าฉันบอกเรื่องนี้ไปก็คงไม่มีใครเชื่อ ใครบ้างล่ะจะกล้ามั่นใจคนที่ใจง่ายมีความสัมพันธ์ที่เกินเลยเพียงแค่ไม่กี่นาที ในคืนนั้นฉันอยากรู้อยากลองและได้พูดคุยกับภูผาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง...และท้ายที่สุดมันก็จบลงบนเตียง ไม่มีใครที่ไหนจะเชื่อคำพูดของคนที่ใจง่ายนอนกับผู้ชายเพียงแค่คืนเดียวหรอกนะ และที่สำคัญฉันก็ไม่อยากให้เขาต้องมารับผิดชอบชีวิตฉันด้วย เรื่องทั้งหมดเกิดจากความผิดพลาดฉันไม่อยากให้ใครต้องมาเดือดร้อนเพราะฉัน! “ฮึก...” ฉันยกมือขึ้นปิดใบหน้าเมื่อไม่สามารถสกัดกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ ในตอนนี้ทุกอย่างมันตันมันมืดไปหมด เหมือนกับว่าฉันกำลังเดินอยู่ในเขาวงกตที่หาทางออกไม่เจอ “บอกพี่ได้ไหมว่าเขาเป็นใคร” “ฮึก...เจนไม่อยากให้เขารู้ฮึก...มันเป็นความผิดพลาด แล้วเจนก็ใจง่ายเอง” ฉันส่ายหน้าพัลวันฉันตั้งใจจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครและไม่อยากให้ใครต้องมารับผิดชอบชีวิตฉันด้วย “แล้วจะเอายังไงต่อ เรื่องงานทางบริษัทคงไม่ยอมแน่” “เจนเลี้ยงเขาได้สบายนะพี่นุช แต่เจนก็รักในอาชีพของเจน อาชีพนักแข่งเป็นสิ่งที่เจนรัก เจนไม่อยากทิ้งมันเพียงเพราะเจนท้อง!” “เจนก็รู้ว่าสังคมตอนนี้มันเป็นยังไง เจนต้องพักงานยาวเป็นปีแน่ๆ ถ้าบอสรู้เรื่องพี่รับรองได้เลยว่าจบเห่!” “...” ฉันเม้มปากแน่นเมื่อคิดหนทางที่ดีที่สุดออก และมันคงเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น “พี่เข้าใจว่าเจนรู้สึกยังไง แต่การแข่งขันเขาไม่ให้คนท้องลงแข่งแน่นอน แล้วบอสก็โคตรจะดุเลยถ้ารู้ว่าเจนท้องบอสต้องฉีกสัญญาทิ้งแน่ๆ” “...” “พี่ไม่ทิ้งเราหรอกนะเจนไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ พี่จะพยายามไปช่วยพูดให้แน่นอน พี่ว่า...” “เจนจะเอาเด็กออก*” ฉันเอ่ยแทรกด้วยน้ำเสียงเรียบพร้อมกับเงยหน้าขึ้น “ไม่ได้!!” “...” “เจน! จะบ้าไปแล้วเหรอ นี่มันชีวิตคนๆหนึ่งเลยนะ” “แล้วชีวิตเจนล่ะคะ เจนก็ไม่อยากให้เขาต้องเกิดมารับรู้ว่าเขาไม่ได้เกิดมาจากความรัก พ่อก็ไม่มี เจนไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น!” จริงอยู่ที่ว่าในท้องของฉันก็เป็นชีวิตของคนๆหนึ่ง แต่ฉันเองก็มีชีวิตและจิตใจเช่นกัน ในเมื่อเขาไม่ได้เกิดจากความตั้งใจฉันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องเก็บเขาไว้! “เจน ฟังพี่นะ ฟังพี่ก่อน” “เจนคิดไม่ออกแล้วพี่นุช” “เอางี้นะ พรุ่งนี้เราไปฝากครรภ์ก่อน จะได้ปรึกษาหมอด้วย เจนใจเย็นๆก่อน ทุกอย่างมีทางแก้” “...” “เชื่อพี่นะ แล้วเราค่อยมาจัดการปัญหาอื่นๆกันต่อ พี่อยู่ข้างๆ พี่อยู่ตรงนี้” พี่นุชดึงฉันเข้าไปกอดพรางลูบที่เรือนผมของฉันเบาๆ ในตอนนี้สมองของฉันมันตื้อมันตันไปหมด แต่สิ่งเดียวที่ฉันมั่นใจเลยก็คือฉันจะไม่บอกเรื่องนี้ให้ภูผารับรู้เด็ดขาด วันถัดไป @โรงพยาบาล ฉันเดินออกมาจากห้องตรวจหลังจากที่คุยกับคุณหมอในเรื่องความไม่พร้อมในการตั้งครรภ์และแน่นอนว่าคุณหมอก็เข้าใจและมีแนวทางแก้ไขให้ฉันเยอะมาก ตามกระบวนการแล้วคุณหมอจะให้ฝากครรภ์เพื่อให้เด็กในท้องอยู่ในการดูแลกับแพทย์ก่อนและก็จะมีจิตแพทย์ให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ ซึ่งคุณหมอก็ให้ฉันกลับไปคิดทบทวนก่อนแล้วค่อยให้คำตอบในภายหลังได้ ฉันเองก็เบาใจไปได้บ้าง แค่นี้ฉันก็เครียดจนไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรแล้ว ตุ้บ! “อ๊ะ!!” ไม่ทันระวังร่างของฉันก็ล้มลงกับพื้นเมื่อเดินชนกับผู้ชายคนหนึ่งเขาอย่างแรง “เธอมาทำอะไรที่นี่” เสียงเข้มอันคุ้นหูเอ่ยขึ้นทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองแต่ก็ต้องตกใจสุดขีดเพราะคนๆนั้นคือ...ภูผา! “นะ...นาย” ฉันเอ่ยเสียงสั่นพรางขยับตัวให้ลุกขึ้น “มาทำอะไรที่นี่?” เขาถามฉันอีกครั้งด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แต่ผิดกับฉันที่สั่นกลัวไปทั้งตัว! ภูผายังไม่รู้เรื่องที่ฉันท้องและแน่นอนฉันจะไม่บอกเขา เพราะฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะเอาเด็กออก! “เปล่า ละ...แล้วนายล่ะมาทำอะไรที่นี่” ฉันถามด้วยพรางปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ “มาเข้าห้องน้ำ” “แผนกสูติฯ เนี่ยนะ” “ก็ตึกอื่นมันเต็ม” เขาตอบและยังคงจดจ้องมาที่ฉันด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา “อ่อ...เอ่อ...ฉะ ฉันขอตัวก่อนนะ” หมับ! แต่ไม่ทันที่ฉันจะเดินออกไปได้ถึงสองก้าวมือหนาก็คว้าที่แขนของฉันเอาไว้จนทำให้ฉันต้องกลับหันไปประจันหน้ากับเขาอีกครั้ง “อะไรของนาย ปล่อยฉัน” “เดี๋ยวไปส่ง” ฉันพยายามแกะมือเหนียวของเขาออกแต่ก็ไม่เป็นผล อยู่ๆเขาก็มาจับที่ข้อมือของฉันเอาไว้พร้อมกับออกแรงให้ฉันเดินตามเขาไปอีก แม้ว่าฉันจะสวมแมสก์และหมวกสีดำเพื่ออำพรางใบหน้าไว้แล้วแต่ฉันก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี หากมีภาพหลุดออกไปทำให้ฉันต้องเป็นข่าวกับภูผามันคงไม่ดีแน่ๆ แล้วถ้าข่าวสืบไปเรื่อยๆแล้วรู้ว่าฉันตั้งครรภ์ชีวิตของฉันต้องจบเห่! ฉันเดินตามภูผาออกมาจนถึงลานจอดรถของโรงพยาบาลซึ่งระหว่างทางไม่ได้มีบทสนทนาหรือคำพูดใดๆออกมาจากปากของเขาสักคำจนมันทำให้ฉันรู้สึกกลัวเขาอย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งในวันนี้ฉันต้องมาคนเดียวเพราะพี่นุชผู้จัดการส่วนตัวของฉันนั้นต้องเข้าบริษัทเพราะมีประชุมด่วน ถ้ารู้ว่ามาแล้วจะบังเอิญเจอเขาที่นี่รู้แบบนี้ฉันมาวันพรุ่งนี้ดีกว่า! “ขึ้นรถดิ” สายตาคมมองมาที่ฉันพร้อมกับเลยหน้าไปที่รถยนต์คันหรูของเขาที่จอดอยู่ตรงหน้า “ไม่เป็นไร ฉันเอารถมา” “ขึ้นรถ” เสียงเข้มทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นพร้อมสายตาที่แข็งกร้าวไปจากเดิมทำให้เผลอกลืนน้ำลายลงคอและขยับถอยหลังไปหนึ่งก้าว “ก็บอกว่าไม่ต้องไง ฉันเอารถมา” “เจนนี่ ขึ้นรถ” “อึก!” แม้ว่าเขาจะไม่ได้ขึ้นเสียงแต่ฉันก็รับรู้ได้เลยว่าน้ำเสียงที่เขาเอ่ยออกมานั้นดุดันมากแค่ไหน ฉันยอมทำตามที่เขาสั่งเดินไปขึ้นรถของเขาก่อนที่ภูผาจะตามขึ้นมานั่งที่ฝั่งคนขับ เขาสตาร์ทรถก่อนจะหันมามองหน้าฉันราวกับมีอะไรบางอย่างอยากจะถามแต่เขากลับเงียบและหันออกไปมองนอกกระจกรถดังเดิม หรือว่าเขาจะรู้เรื่องแล้ว... “นะ...นายมีอะไร” “เธอมาทำอะไรที่นี่” ฉันเงยหน้าขึ้นและขมวดคิ้วยุ่งเมื่อได้ยินคำถามเดิมจากเขา “ก็...เปล่า” “คิดว่าเชื่อ?” “ฉันไม่สบาย ก็เลยมาโรงพยาบาลแปลกตรงไหน” ฉันตอบกลับไปด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เป็นปกติ “แผนกสตูิ?” ใบหน้าหล่อเหลาเลิกคิ้วสงสัยและมองฉันอย่างต้องการคำตอบ “ก็...” กึก! มือหนากระชากเกีียร์รถยนต์ก่อนที่เขาจะขับออกจากโรงพยาบาลด้วยความรวดเร็วทำให้ฉันถึงกับต้องเกาะที่เบาะหนังราคาแพงไว้แน่น “นะ...นาย! จะพาฉันไปไหน” “...” “นี่! ฉันถามได้ยินไหม!!” “...” “ภูผา นายบ้าไปแล้วเหรอ นายจะทำอะไรกันแน่” ไม่ว่าพูดอะไรออกไปฉันก็ได้รับคำตอบเป็นความเงียบจากคนข้างกาย สายตาคมยังคงจดจ้องไปกับหนทางด้านหน้าและยังขับรถไปที่ๆหนึ่งซึ่งฉันไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่ามันคือที่ไหน เขากำลังทำให้ฉันกลัว... “อึก...ขับช้าๆหน่อยได้ไหมฉันกลัว” “ฉันไม่พาเธอไปฆ่าหรอก นั่งนิ่งๆแล้วก็เงียบไป” ฉันเม้มปากเป็นเส้นตรงเมื่อได้ยินเช่นนั้น น้ำเสียงที่ราบเรียบแต่มันเต็มไปด้วยความดุดันและแข็งกร้าวราวกับว่าเขากำลังจะพรากชีวิตของฉันไปด้วยสายตาคมของเขา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD