2
สุริยกาลร้าย
สถานที่แห่งนี้เป็นดินแดนที่อยู่นอกการปกครองของหน่วยงานราชการ หรือให้พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปดูแลไม่ทั่วถึง ที่ราบลุ่มที่มียอดเขาสามยอดติดตะเข็บชายแดนทางทิศตะวันตกของประเทศ เป็นสถานที่อยู่อาศัยของสองตระกูลใหญ่อย่างอิงตะวันและม่านภูผา อิงตะวันทำธุรกิจท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติมีรีสอร์ตให้พัก และเน้นการล่องแพขี่ช้างเป็นหลัก ขณะที่ม่านภูผามีกิจการโรงแรมขนาดเล็กไปจนถึงใหญ่อยู่ในตัวเมืองหลายสิบแห่ง แต่ดูเหมือนเจ้าของกิจการจะชอบการใช้วิถีชีวิตธรรมชาติในป่า นานๆ ครั้งศิงขรถึงจะออกมาให้คนอื่นได้พบเห็นหน้าตา
สุริยกาลชายหนุ่มในวัยสามสิบห้าปีได้กลายเป็นคนที่ไร้หัวใจจากการกระทำของมารดา ผู้หญิงที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขาจึงเป็นได้เพียงเครื่องบำบัดความใคร่ หากใครคาดหวังให้เขารับผิดชอบด้วยการแต่งงาน นั่นเป็นการกระทำที่ผิดอย่างมหันต์ เพราะว่าเขาได้ตกลงเอาไว้ตั้งแต่ก่อนขึ้นเตียงแล้วว่า เป็นแค่การแลกเปลี่ยนความสุขแก่กัน
“เสียงอะไรลุงดิษฐ์” เจ้าของร่างสูงถามหัวหน้างานของตัวเอง
“คนงานของเราขโมยเครื่องยนต์ครับคุณกาล ตอนนี้จับตัวคนทำได้แล้ว” อดิษฐ์หมายความถึงเครื่องยนต์หลายๆ ประเภทไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ เครื่องปั่นไฟ หรือเครื่องยนต์ของเครื่องจักรหนักต่างๆ ที่ระยะหลังหายไปจากอิงตะวันบ่อยครั้ง
“ขโมยเครื่องยนต์?”
“ครับตอนนี้กำลังทำโทษกันอยู่”
“อืม” สุริยกาลรับรู้ในลำคอก่อนจะเดินตามหลังอดิษฐ์ไป
ภาพที่เจ้าของอิงตะวันคนปัจจุบันเห็นก็คือหญิงสาวคนหนึ่งกำลังยกมือไหว้คนงานของเขา ปากก็พร่ำขอร้องให้ทุกคนอย่าทำร้ายพ่อของตัวเอง ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นทำให้สุริยกาลเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความแปลกใจ
“ใครครับลุงดิษฐ์”
“รวงผึ้งลูกสาวของนายแบะครับคุณกาล”
“ลูกสาว?”
หญิงสาวที่หน้าตาสะสวยคนนี้เป็นลูกคนงานของเขา ทำไมเจ้านายอย่างเขาถึงไม่เคยเห็นผ่านตามาก่อน คิดแล้วก็ปรายตาไปยังคนที่นั่งคุกเข่าใจกลางวงล้อมด้วยความสนใจ
“อย่าทำอะไรพ่อเลยนะคะ นิ่มจะชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดให้เอง” หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้อย่างน่าสงสาร มองคนโน้นทีคนนี้ทีอย่างน่าเวทนา
“ไอ้แบะมันขโมยเครื่องยนต์ไปขายเล่นการพนันในเมืองตั้งหลายหน เป็นเงินก็หลายบาท เอ็งมีเงินมาใช้คืนเหรอนิ่ม” คนงานอาวุโสตะโกนปาวๆ ต่อหน้าผู้คน
“เอ่อ นิ่มจะทำงานใช้หนี้แทนนะคะลุงแทน อย่าทำอะไรพ่ออีกเลยนะ”
“นิ่ม เอ็งทำงานทั้งชาติก็ใช้หนี้ไม่หมดหรอก เอ็งรู้ไหมว่าเครื่องยนต์ของเราราคาหลายแสน แล้วไอ้แบะมันก็เอาไปสี่ห้าเครื่องแล้ว เป็นล้านแล้วนะ”
“พ่อ...”
หญิงสาวหันไปมองคนที่ถูกทำร้ายจนร่างกายสะบักสะบอมด้วยความสงสาร แววตาตัดพ้อคนติดพนันเสียจนต้องทำเรื่องโง่ๆ ลงไป รวงผึ้งน้ำตาหยดแหมะ เธอต้องออกจากมหาวิทยาลัยทั้งที่เพิ่งเรียนได้ปีสอง ก็เพราะว่าพ่อไม่มีเงินส่งเสีย หญิงสาวต้องมาทำงานในอิงตะวันก็เพื่อเก็บเงินจะเรียนต่อให้จบ แต่ไม่คิดว่าพ่อของเธอจะทำเรื่องแบบนี้ลงไปได้
“ฉันมีงานให้เธอทำ มันขึ้นอยู่ว่าเธอจะทำหรือเปล่า” เสียงทุ้มลึกของสุริยกาล ทำให้ทุกคนหลีกทางให้เขาได้เดินเข้าไปอยู่ใจกลางวงล้อม
“คุณกาล” รวงผึ้งมองเจ้านายหนุ่มด้วยแววตาเศร้าสร้อย หญิงสาวไม่เคยได้พูดคุยกับเขาซึ่งๆ หน้าแม้แต่ครั้งเดียว หรืออีกนัยหนึ่งรวงผึ้งไม่เคยอยู่ในรัศมีสายตาของเขา แต่สุริยกาลกลับเด่นชัดในสายตาของเธอทุกครั้งที่เขาเดินผ่าน
“มาคุยกับฉันที่ห้องทำงาน”
สุริยกาลเดินนำหน้าหญิงสาวไปท่ามกลางความสงสัยของทุกคน โดยเฉพาะนายแบะเขาเห็นสีหน้าและแววตาของเจ้านายแล้วรู้สึกเป็นห่วงลูกสาวขึ้นมาครามครัน
“ท่าทางนิ่มมันจะไม่รอดว่ะไอ้แบะ เอ็งนี่ดวงฆ่าลูกสาวชัดๆ” นายแทนมองเห็นสายตาเสือร้ายล่าเหยื่อของเจ้านายแล้วก็รู้สึกเสียวสันหลังแทนรวงผึ้ง
“หมายความว่าไงไอ้แทน” เพราะว่าอายุเท่ากันนายแบะจึงเรียกอีกคนแบบนี้
“ไม่รู้โว้ย”
อีกคนเดินหนีไปด้วยไม่อยากตอบอะไรทั้งนั้น ปล่อยให้คนเป็นพ่อนั่งวิตกกังวลอยู่ตรงพื้น นายแบะจะหนีไปไหนก็ไม่ได้เพราะว่ามีคนคอยเฝ้าอยู่ สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือรอ รอว่าสุริยกาลจะตัดสินอย่างไรต่อเรื่องนี้
รวงผึ้งกำลังเดินตัวลีบตามหลังเจ้านายหนุ่มเข้าไปในห้องทำงานของเขา หญิงสาวไม่กล้าคาดคิดว่าเขาจะลงโทษพ่อของตัวเองอย่างไร แต่ที่รู้ก็คือเธอยินยอมพร้อมทำทุกอย่างขอเพียงช่วยพ่อของตัวเองได้ รวงผึ้งมองคนที่ยืนหันหลังนิ่งอยู่กลางห้องด้วยความสงสัย
“ช่วงนี้ฉันเบื่อๆ” สิ่งที่เขาเอ่ยมาช่างเป็นคนละเรื่องกับที่เธอคิดอยู่
“คุณกาลอย่าจับพ่อนิ่มส่งตำรวจเลยนะคะ”
“ตำรวจ เฮอะ คนอย่างฉันนี่นะจะพึ่งตำรวจ”
เขาแค่นหัวเราะเบาๆ สุริยกาลตัดสินโทษคนทำผิดเองทุกครั้ง น้อยครั้งที่เขาจะมอบคนร้ายให้ตำรวจจัดการ ชายหนุ่มหันหลังกลับมา แล้วเดินไปใกล้ๆ คนที่อยู่ในชุดเสื้อยืดตัวเก่ากับกางเกงห้าส่วนมอซอ
“ทำไมฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน”
คำถามของเขาทำเอาคนฟังอดน้อยใจขึ้นมาไม่ได้ รวงผึ้งมาอยู่ที่นี่ได้หกเดือนแล้ว แต่เขากลับบอกว่าไม่เคยเห็นหน้า
“นิ่มเพิ่งมาทำงานที่นี่ครึ่งปีก่อนค่ะ คุณกาลคงไม่ทันได้สังเกตเห็น” คำว่าครึ่งปีทำคนถามต้องเลิกคิ้วขึ้นสูงก่อนจะถามต่อ
“แล้วพักอยู่ที่ไหน”
“นิ่มอยู่บ้านพักคนงานค่ะ” เสียงตอบช่างเบาหวิวจนอีกคนต้องหรี่หางตาด้วยความสงสัย
“แล้วทำไมไม่อยู่บ้านตัวเองล่ะ” สุริยกาลซักต่อเพราะคนงานส่วนใหญ่ของเขาจะพักอยู่ที่บ้านของตัวเองแทบทั้งหมด
“เอ่อ ถูกเจ้าหนี้ยึดไปแล้วค่ะ” เจ้าของเสียงเศร้าตอบ หญิงสาวเสียดายบ้านหลังนั้นเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ยอมให้ยึด พ่อของเธอก็จะถูกตามฆ่าล้างหนี้อย่างแน่นอน นั่นจึงเป็นที่มาของการเข้ามาอยู่ในอิงตะวันในฐานะคนงานคนหนึ่งเพื่อที่จะได้มีที่ซุกหัวนอน
“คิดสั้นจริงๆ”
คนฟังอดสมเพชไม่ได้ สุริยกาลรู้สึกเกลียดคนที่อยากรวยทางลัด จุดจบจึงเป็นอย่างที่เห็นอยู่ในตอนนี้ แต่ว่าอะไรที่ทำให้เขาสนใจในเรื่องนี้ สายตามองไปยังคนที่ยืนนิ่งทำตัวลีบเล็กอยู่มุมห้อง เขาเดินไปหย่อนสะโพกลงบนเก้าอี้ทำงาน โดยที่สายตายังจ้องร่างของรวงผึ้งอย่างไม่วางตา
“นั่งก่อนสิ ชื่อนิ่มสินะ”
“ค่ะ” หญิงสาวเลื่อนเก้าอี้ออกแล้วลงนั่ง แววตาของเขาทำให้หญิงสาวไม่กล้ามองสบสายตาด้วย ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกลวนลามทางร่างกายแบบแปลกๆ
“อยากช่วยพ่อไหม”
“อยากสิคะ” คำตอบช่างรวดเร็ว แววตามีประกายความหวังขึ้นมา
“มาเป็นผู้หญิงของฉันสิ”
เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจรวงผึ้งจนชาวูบไปทั้งร่าง หญิงสาวค่อยๆ ก้มหน้าลงพร้อมกับคิดทบทวนในสิ่งที่เจ้านายหนุ่มเอ่ยออกมา ผู้หญิงของสุริยกาลที่ผ่านมามีใครอยู่อย่างมีความสุขบ้าง ล่าสุดที่รวงผึ้งเห็นก็คือเลขาฯ สาวแสนสวยที่ถูกไล่ออกอย่างกะทันหัน โทษฐานเจ้านายเบื่อแล้ว หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคออย่างช้าๆ
“นิ่มอยากทำงานค่ะคุณกาล”
ปัง! เสียงตบโต๊ะดังขึ้น
“งั้นก็เชิญไปเยี่ยมพ่อในคุกก็แล้วกัน!” เป็นครั้งแรกที่เขาถูกปฏิเสธ คนตกใจกลัวรีบเงยหน้าขึ้นมองเขา รวงผึ้งกำมือทั้งสองข้างเอาไว้แน่น มองคนที่ทำตัวเหมือนไม่เดือดเนื้อร้อนใจ แถมยังเมินหน้าหนีไปด้านอื่นด้วยหัวใจสั่นไหว
“คุณกาล”
“ออกไปจากห้องของฉัน” เขาเน้นย้ำทุกคำโดยที่ไม่หันมามองรวงผึ้งด้วยซ้ำ ความเย็นชาของเขาทำเธอน้ำตาคลอเบ้าขึ้นมา
“คุณกาล...” รวงผึ้งแข็งใจเรียกเขาอีกรอบ แต่ว่าอีกคนก็ยังไม่คิดหันมามอง รวงผึ้งทำท่าจะก้าวเท้าออกจากห้อง แต่เสียงคุยโทรศัพท์ของเขาทำให้หญิงสาวต้องชะงักฝีเท้าเอาไว้ก่อน
“ลุงดิษฐ์เรียกตำรวจมาจัดการเรื่องนี้” รวงผึ้งถึงกับตาโตด้วยความตกใจ เธอรีบหันหลังกลับพร้อมกับเอ่ยคำอ้อนวอนต่อเขา
“นิ่มยอมแล้วค่ะ คุณกาลอยากให้นิ่มทำอะไรก็ได้ ขอแค่อย่าส่งพ่อให้ตำรวจนะคะ” คำพูดนี้เรียกรอยยิ้มให้ผุดขึ้นใบหน้าของเสือร้าย สุริยกาลหันกลับมามองคนที่น้ำตาหล่นแหมะด้วยความรู้สึกขัดเคืองใจ
“ไม่ต้องแล้วลุงดิษฐ์” เขากรอกเสียงลงในโทรศัพท์มือถือโดยที่สายตาจดจ้องอยู่กับหญิงสาวที่หน้าซีดตรงหน้า “ฉันเบื่อง่าย ใช้เวลาไม่นานหรอกนิ่ม”
คนฟังถึงกับตัวสั่นเทารู้สึกเหมือนรอบกายอุณหภูมิต่ำลงอย่างฉับพลัน เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นตรงหน้าผากอย่างไม่รู้ตัว
“ค่ะ” เสียงตอบรับเบาหวิวทำให้สุริยกาลลอบยิ้ม
“ใหม่ๆ ก็แบบนี้แหละ อีกหน่อยก็จะชินไปเอง” สุริยกาลบอกแล้วมองสำรวจรูปร่างของอีกฝ่ายอีกครั้งอย่างพึงพอใจ “ออกไปแล้ว เรียกลุงดิษฐ์เข้ามาหาฉันด้วย”
“ค่ะ”
หญิงสาวเดินตัวแข็งทื่อออกจากห้องไป เพียงแค่ประตูห้องถูกปิดลง น้ำตาก็ทะลักออกมาราวทำนบพัง ศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงถูกคนข้างในเหยียบย่ำจนไม่เหลือชิ้นดี ยกมือขึ้นหมายจะเคาะประตูเพื่อขอร้องให้เขาเปลี่ยนใจ แต่มือข้างนั้นกลับสั่นระริกราวกับรู้ว่าเปล่าประโยชน์ รวงผึ้งลดมือลงข้างตัวตัดใจเดินออกจากหน้าห้องทำงานของสุริยกาลไปทั้งน้ำตานองหน้า