ปฐมบท
ภายในงานแต่งงานที่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในไร่ทองตะวัน ไร่ทานตะวันขนาดใหญ่ที่พื้นที่รอบๆ ไร่นั้นกว้างใหญ่ไพศาลบ่งบอกถึงความมีอันจะกินของเจ้าของเป็นอย่างดี แขกนับร้อยชีวิตต่างถูกเชื้อเชิญมาร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวที่ต่างก็มีสีหน้าเรียบเฉยไร้ซึ่งความสุขใดๆ ไม่ต่างกัน เพราะงานในวันนี้ไม่ได้เกิดมาจากความรักของทั้งคู่เลยสักนิด
“ยิ้มหน่อยสิคะคุณหนู วันนี้เป็นวันดีของคุณหนูนะคะ ยิ้มหน่อยเถอะค่ะ” นมบุษผู้ซึ่งรับหน้าที่เป็นญาติของฝั่งเจ้าสาวเอ่ยขึ้น แม้จะรู้ดีถึงต้นสายปลายเหตุ ถึงอย่างนั้นนี่ก็เป็นงานมงคล ทุกคนควรมีความสุขโดยเฉพาะเจ้าสาวที่ใครๆ ต่างพากันอิจฉาที่ได้แต่งงานกับทายาทพันล้านเพียงหนึ่งเดียวของไร่ แม้งานแต่งงานในครั้งนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความรักก็ตามที ถึงอย่างไรนางก็ยังอยากให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปอย่างสมบูรณ์
“จะให้ยิ้มยังไงไหวคะนม! นมดูหน้าเจ้าบ่าวของทรายสิคะ หน้างออย่างกับไม้หักศอก!” เอื้องทรายตอบกลับแม่นมของตัวเองก่อนจะชี้ให้อีกฝ่ายหันมองเจ้าบ่าวของเธอ เขาเองยังยิ้มไม่ออก นับประสาอะไรกับเธอ
“เดี๋ยวเถอะไอ้ทราย! คิดว่าฉันอยากแต่งงานกับแกนักรึไง!” ธเนศอดไม่ได้ที่จะโต้ตอบเจ้าสาวของตัวเองกลับไปก่อนจะจ้องอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง ทุกๆ คนในงานล้วนเห็นภาพเหล่านี้จนเกิดเป็นความเคยชิน เพราะถึงทั้งสองคนจะทะเลาะกันรุนแรงสักแค่ไหน ก็เป็นแบบนั้นได้ไม่เคยข้ามวัน
เอื้องทรายคือเพื่อนรักเขา
คือผู้หญิงคนแรกและคนเดียวที่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขามากที่สุด ย่าของเขากับเธอเป็นเพื่อนรักกัน เลยทำให้เขากับยัยนี่มีโอกาสได้เจอกันบ่อยๆ ที่บ้านสวนของย่าประไพที่ตอนนี้เสียชีวิตไปแล้ว จนกระทั่งเมื่อเติบโตขึ้นถึงได้รู้ว่าสองย่าที่ตอนนี้แอบหนีไปเที่ยวเล่นบนสวรรค์ทิ้งจดหมายฉบับหนึ่งเอาไว้ให้ดูต่างหน้า โดยเนื้อความในนั้นระบุไว้อย่างชัดเจนถึงทุกๆ คำสั่งว่าให้เขากับยัยนี่แต่งงานกันทันทีที่เธออายุครบยี่สิบห้าปีเต็ม มันคือสิ่งที่ทำให้ตกใจเพราะพวกย่าๆ ไม่เคยพูดถึงมันเลยสักครั้ง
แน่นอนว่าที่ครอบครัวของเขามีกินมีใช้ถึงทุกวันนี้ได้ทั้งหมดก็เพราะย่า มันทำให้เขาไม่อาจปฏิเสธคำขอร้องที่ดูยังไงก็ไม่ต่างจากคำสั่งของท่านได้ จำต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่เขามองเธอเป็นเพื่อนมาโดยตลอดคนนี้ ส่วนเรื่องอื่นคงต้องรอให้พ้นวันบ้าๆ นี่ไปก่อนแล้วค่อยคุยกันให้เข้าใจก็ยังไม่สาย เขาเชื่อว่าเอื้องทรายเองคงกำลังมองหาทางออกอยู่เหมือนกัน
เขาไม่รักเธอ ส่วนตัวของเธอเองก็คงไม่ได้รักเขาในแบบคนรัก คนสองคนที่ไม่ได้รักกันจะให้มาอยู่ด้วยกันได้ยังไง เขาคนหนึ่งล่ะทำไม่ได้แน่
“งั้นก็หย่ากัน! แต่งวันนี้พรุ่งนี้หย่าเลยเป็นไง!” เสียงตวาดกลับของเจ้าสาวที่วันนี้ดูสวยงามอ่อนหวานกว่าวันไหนๆ เรียกสติให้กลับคืนมา แต่ยังไม่ทันจะได้ตอบกลับเสียงห้ามทัพของมารดาฝ่ายชายก็ดังขึ้นขัดซะก่อน
“หยุดเลยทั้งคู่ ทะเลาะกันตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ เราเองก็ด้วยตาวิน ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยสิ อยากให้คุณย่าเสียใจรึไง หนูทรายก็ด้วยนะลูก วันนี้เป็นวันดีของหนู ควรยิ้มให้มากๆ คุณย่าประไพจะได้ตายตาหลับ นะจ๊ะ ถือว่าป้า…ไม่สิ ต้องถือว่าแม่ขอร้อง ได้ไหมลูก” คุณวันดีเอ่ยขึ้นห้ามทัพก่อนจะหันไปมองเพื่อนสนิทของบุตรชายที่บัดนี้ได้กลายมาเป็นสะใภ้ของนางเต็มตัว
แม้จะไม่ชินแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเอื้องทรายเป็นผู้หญิงที่น่ารักน่าเอ็นดูคนหนึ่ง และทุกคนที่นี่ก็รักเธอ แม้เด็กสาวจะเป็นคนโผงผาง ดื้อเงียบ คิดอะไรก็มักจะแสดงออกมาตรงๆ แต่ก็ถือว่าเป็นคนดีคนหนึ่งที่ใครๆ ต่างก็พากันบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเหมาะสมกับลูกชายของนางมากกว่าใคร “หนูจะพยายามค่ะ คุณแม่”
เอื้องทรายเอ่ยขึ้นอย่างยอมจำนน เธอหันไปค้อนใส่สามีชั่วครู่ก่อนจะหันกลับมาส่งยิ้มหวานให้แม่สามีตามคำขอ
งานเลี้ยงยังคงเดินหน้าต่อไปจนกระทั่งถึงเวลาเข้าหอซึ่งมีเพียงญาติฝั่งเจ้าบ่าว และฝั่งเจ้าสาวเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้ามาส่งตัวทั้งคู่ถึงห้องหอ
ฝ่ายเจ้าสาวเป็นนมบุษที่อวยพรให้ทั้งสองมีความสุขกับชีวิต ส่วนทางฝ่ายเจ้าบ่าวเป็นคุณวันดีที่เอ่ยอวยพรคล้ายๆ กันก่อนทั้งหมดจะพากันออกไปดูแลแขกภายในงานเลี้ยง ที่จะยังคงดำเนินกันต่อไปตลอดทั้งค่ำคืน
“โอ้ย! เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว จบซะทีนะ!”เป็นเอื้องทรายที่ร้องลั่นห้อง ก่อนทิ้งตัวบนเตียงขนาดใหญ่ที่ถูกโรยเอาไว้ด้วยกลีบกุหลาบหลากสี
“ฉันนี่ปวดขาจะแย่ ลุกขึ้นมานวดให้หน่อยสิครับคุณภรรยาคนสวย” ธเนศเอ่ยสมทบก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงเคียงข้างภรรยาป้ายแดง
“เรื่องอะไร ขาแกแกก็นวดเองสิ”
“แต่แกเป็นเมียฉันนะ ไม่รู้รึไงว่าหน้าที่ภรรยาที่ดีควรปรนนิบัติสามี มามะทูนหัว สุดที่รัก แม่ยอดดวงใจลุกขึ้นมาบีบขาให้ผัวเสียดีๆ” ธเนศแสร้งแหย่อีกคนเล่น ด้วยรู้ว่าการทำให้เธอหงุดหงิดคืองานถนัดของตัวเอง
“รู้แต่ไม่ทำโว้ยมีอะไรไหม! แกพูดเหมือนไม่รู้ว่าเราสองคนแต่งงานกันเพราะอะไร!” คำตอบที่ได้กลับมาทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงัน
ต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าหากไม่ใช่เพราะคำสั่งเสียของสองย่างานแต่งงานในวันนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น มันคือความจริงที่ไม่อาจหลบเลี่ยงหลีกหนี
“แกคิดว่ายังไงทราย ถ้าเราสองคนจะหย่ากันทันทีที่ครบสามเดือนเพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย” ธเนศเอ่ยขึ้นหลังจากคิดดีแล้วว่าไม่ว่ายังไงชีวิตคู่ของเขากับเอื้องทรายก็ต้องจบลง เขากับเธอเป็นเพื่อนกัน เขาเองก็มีคนที่รักอยู่แล้ว แต่หากจะให้หย่ากันทันทีที่แต่งก็เกรงว่าเพื่อนรักจะเสียหาย จึงอยากปล่อยเวลาให้ผ่านไปสักพัก ก่อนที่จะหย่ากันด้วยเหตุผลล้านแปด