Chapter 8 อดใจไม่ไหวต้องเอา

1155 Words
Chapter 8 อดใจไม่ไหวต้องเอา “อ๊ะ...อื้อ ทะ...ท่านแม่ทัพ” เจ้าของร่างเล็กครางเสียงแหบพร่าเมื่อเขากดแช่ลำเอ็นอยู่ในรูสวาทเนิ่นนานโดยไม่ขยับ ยังผลให้หัวใจดวงน้อยเผลอเฝ้าคอยบทสวาทรุนแรงจากเขาโดยไม่รู้ตัว “ให้ตายเถอะ เจ้ามันนังแพศยา!” เขาสบถออกมาอย่างหัวเสีย ขยับกระแทกเอวสอบจนนางอ้าปากครวญเสียงหวาน และนั่นทำให้สติของเขาขาดผึ่งเผลอก้มลงบดจูบเรียวปากของนางเข้าเสียแล้ว “อื้อ...” หัวใจเจ้ากรรมกระตุกวูบ รับรู้ได้ถึงกลิ่นกายคล้ายกลิ่นลมในฤดูใบไม้ผลิผสานไปกับกลิ่นยอดอ่อนของใบไผ่ อีกทั้งลมหายใจอุ่นร้อนของแม่ทัพหนุ่มที่รินรดมาบนใบหน้ายิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยกระตุกหวามไหว ริมฝีปากร้อนนุ่มแนบชิดบดเบียดเรียวปากของนางอย่างเว้าวอนอ่อนหวาน “อื้อ...” นี่เป็นจูบแรกของนาง จูบที่นางไม่คิดว่าจะได้รับจากเขา หัวใจดวงน้อยลอยละล่องไปกับจูบที่แสนรัญจวน เขาค่อยๆ ใช้ลิ้นดุนดันกลีบปากให้เผยอออก แล้วสอดแทรกลิ้นร้อนเข้าไปควานหาความหอมหวานปานหยาดน้ำผึ้งในฤดูฝน “ให้ตายเถอะ หญิงร่านเช่นเจ้านี่มัน...” เขาดึงเรียวปากออกก่อนจะสบถหยาบคายออกมาราวกับว่าการทำเช่นนั้นจะช่วยทำให้เขาไม่อยากจูบนาง ทว่าไม่เลย ยิ่งเรียวปากของนางแดงก่ำจากการบดจูบ ดวงตาปรือต่ำฉ่ำหวาน เขาก็ยิ่งรู้สึกอยากราวกับจะคลั่ง! เขาต้องคลั่งตายแน่ๆ หากไม่ได้จูบนางในตอนนี้และเดี๋ยวนี้ “อื้อ...” เส่าหลิงครางแผ่วในลำคอเมื่อเขาแนบชิดบดเบียดใบหน้าลงมาตามแก้มนวล ก่อนจะครอบครองเรียวปากของนางเอาไว้อีกครั้ง เกี่ยวกระหวัดปลายลิ้นของนางเอาไว้ แล้วบดบี้เรียวปากราวกับจะปล้นปลิดทุกลมหายใจ หญิงสาวไม่อาจปฏิเสธเลยว่านางรู้สึกดีมากเพียงใด ยามเมื่อเขาใจร้ายนั้นเขาช่างดูน่ากลัวไม่ต่างจากพญายม แต่ยามเมื่อเขาอ่อนหวานก็ทำให้นางหวิวไหวราวกับเทพเซียนจากสรวงสวรรค์เก้าชั้นฟ้า “อะ...อื้อ” ตับ! ตับ! ตับ! บดจูบไปพร้อมกับเอวสอบที่กระแทกกระทั้นรุนแรง เสียดสีรูแคบชื้นจนหยาดน้ำใสไหลเยิ้มออกมาเป็นสาย เส่าหลิงอ้าขาทั้งสองข้างออกกว้าง รับทุกแรงกระแทกของเอ็นอุ่นอย่างไม่คิดขัดขืน “ซี๊ด...” เสียงครางกระสันด้วยความเสียวดังไปทั่วร้านขายยาสมุนไพร สองมือเล็กโอบรัดรอบแผ่นหลังชายหนุ่มก่อนจะเผลอจิกปลายเล็บลงไปด้วยความซ่านหฤหรรษ์ ทั้งกระเด้าแรง ทั้งงัดลำเอ็นให้ครูดไปกับปากทางสวรรค์ ส่งผลให้หญิงสาวรู้สึกราวกับจะขาดใจตายเสียให้ได้ ตับ! ตับ! ตับ! หูเส่าหลิงเผลอตวัดลิ้นจูบตอบเขา และนั่นทำให้แม่ทัพถางเล่อถงได้สติกลับคืน เขาผละออกจากนางทันที ชักเอ็นอุ่นออกทั้งที่ยังไม่เสร็จสมแล้วรีบใส่กางเกงอย่างหัวเสีย “ให้ตายเถอะ! มารยาหญิงแพศยา!” ราวกับร่วงหล่นจากปุยเมฆด่ำดิ่งลงไปในโคลนตม หญิงสาวผุดลุกขึ้นนั่งอย่างทำอะไรไม่ถูก รีบรวบเสื้อผ้าให้เข้าที่แล้วใส่กางเกงก่อนจะหยัดยืนได้ไม่ดีนักเพราะขาทั้งสองข้างสั่นเทิ้มจากการถูกอัดกระแทกรัวแรง แม่ทัพถางเล่อถงไม่พูดอะไรแม้เพียงครึ่งคำ ไม่แม้แต่จะมองมายังนาง เขาพลุนพลันเดินออกจากร้านยาไปทันที ‘ข้าก็แค่หลงใหลในความใหม่ของนาง เดี๋ยวเอาไปสักพักก็เบื่อ ไอ้อาการอยากจูบอยากกอดก็คงแค่อยาก แค่สัญชาตญาณในการผสมพันธุ์ไม่ต่างจากสัตว์ตัวหนึ่ง อีกไม่นานก็คงแหนงหน่ายไปเอง’ เล่อถงปลุกปลอบตัวเองก่อนจะกระโดดขึ้นม้าควบหายไป ทหารพากันยืนเหวอรีบตามเจ้านายไปอย่างไม่เข้าใจนัก ในขณะที่หูเส่าหลิงยืนรอจนแน่ใจว่าฝีเท้าของม้าควบไปไกลแล้วนางจึงเดินออกมาจากร้านขายยา โชคดีที่หลงจู้มีมารยาทพอที่จะไม่เดินเข้ามา เขารอจนนางเดินออกไปแล้วจึงกลับเข้ามาในร้านอย่างไม่ค่อยเข้าใจความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่เท่าใดนัก อย่าร้องไห้... นางพยายามบอกตัวเอง กระนั้นหยาดน้ำตากลับไหลอาบแก้มอิ่ม นางเดินผ่านตลาด ผ่านผู้คนมากมาย เดินอย่างสิ้นไร้เรี่ยวแรงแต่ก็ยังต้องฝืนใจเดินกลับไปยังสกุลถาง นางต้องกลับไปที่นั่น เพราะนางไม่เหลือที่ให้กลับอีกแล้ว สกุลหูไม่มีวันต้อนรับนางกลับไป นางไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน ไม่มีสหาย ไม่มีคนรู้จักพอจะพึ่งพาอาศัย อย่างน้อยๆ จวนสกุลถางก็มีข้าวให้นางกินอิ่มสามมื้อ มีฟูกนุ่มๆ มีผ้าห่มอุ่นๆ ให้นางซุกตัวคลายหนาว แม้จะมีคนใจร้ายมากมายรังเกียจนาง แต่แล้วอย่างไรเล่า ที่ไหนๆ ก็ล้วนมีแต่คนรังเกียจนางไม่ต่างกัน แม่ทัพหนุ่มกลับมาที่ค่ายทหารด้วยหัวใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ออกอาการหงุดหงิดงุ่นง่านจนไม่มีทหารคนไหนกล้าเข้าใกล้ โครม! แท่นทับกระดาษทำจากหินอ่อนถูกโยนลงบนพื้นเพื่อระบายโทสะ ใบหน้าหวานอาบไล้ไปด้วยน้ำตายังคงวนเวียนอยู่ในความทรงจำไม่อาจสลัดออกไป รสจูบแสนหวานยังกรุ่นติดอยู่ที่ปลายลิ้นจนเขานึกชิงชังตัวเองที่เผลอไผลไปกับนางมารผู้นั้น “เอาสุรามาให้ข้า!” “ขอรับท่านแม่ทัพ” ทหารรีบกุลีกุจอนำสุรามาให้เจ้านายหนุ่ม ก่อนจะถอยกรูดออกไปรอด้านนอกอย่างรู้งาน สุราจอกแล้วจอกเล่าถูกกรอกเข้าปากแล้วไหลลงคอไปอย่างรวดเร็ว ทว่าสุรารสขมกลับไม่อาจกลบความหอมหวานจากรสจูบที่ยังกรุ่นกำจายอยู่ได้เลย “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! เรื่องบ้าอะไรกัน!” ชายหนุ่มโวยวายคลุ้มคลั่ง เช่นนี้เองหรอกหรือที่จ้าวเจี้ยนโปต้องจบชีวิตลง เพราะลุ่มหลงในความหอมหวานของนางสินะ แม้ไม่ได้ครอบครองพรหมจรรย์ แต่จ้าวเจี้ยนโปก็คงได้กอดนาง ได้จูบนาง ได้โลมไล้ไปตามนวลเนื้อนุ่มนิ่มประดุจแพรไหมของนาง เมื่อถูกสะบั้นรักจึงได้ผิดหวังจนฆ่าตัวตาย ยิ่งคิดยิ่งโกรธ พาลหึงหวงว่าหญิงแพศยาเส่าหลิงให้บุรุษอื่นกอดจูบมาแล้วกี่คน กัดฟันกรอดยกสุราทั้งไหขึ้นกรอกปากราวกับดื่มน้ำเปล่าก็ไม่ปาน “เอาสุรามาให้ข้าอีก!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD