Chapter 10 สุราราคะ
ตึก! ตึก! ตึก!
เสียงนี้!
คือเสียงหัวใจของข้างั้นหรือ!
ภาพเบื้องหน้าราวกับเห็นเทพธิดางดงามกำลังร่ายรำท่ามกลางแสงจันทราและหิมะโปรยปราย หากว่านางมิใช่บุตรสาวสกุล ‘หู’ เขาคงตกหลุมรักนางหมดทั้งตัวและหัวใจ
ใบหน้านิ่งอึ้งราวกับหนุ่มน้อยที่ริตกหลุมรักค่อยๆ แปรเปลี่ยน หนังหน้าซีกซ้ายกระตุกเกร็งด้วยความกรุ่นโกรธ เมื่อคิดถึงสภาพศพของบิดาที่บวมช้ำจากยาพิษ ภาพเหล่านั้นยังคงตามติดกลายเป็นฝันร้ายที่ทำให้เขาสะดุ้งตื่นกลางดึกทุกคืน
นั่นเพราะดวงวิญญาณของบิดายังไม่ได้รับความยุติธรรม ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะตกหลุมรักบุตรสาวของศัตรู
ไม่มีวัน!
เขาก้าวเท้ายาวๆ ไปหาหญิงสาว แต่กลับเดินเซน้อยๆ ด้วยฤทธิ์สุรา
ติดพันงานที่ค่ายทหารจนไม่อาจกลับจวนงั้นหรือ! ช่างน่าขบขัน งานอะไรกันเล่าสามวันสามคืนเขาเอาแต่นั่งดื่มสุราเพื่อให้ลืมรสจูบของนังผู้หญิงแพศยา แต่ทันทีที่ก้าวเท้ากลับมาที่จวนเขาก็ถูกนางล่อหลอกด้วยท่าทางราวกับเทพเซียนที่แสนบริสุทธิ์ผุดผ่อง
แล้วทำไมเขาถึงต้องทนทรมานตัวเอง เพื่อที่จะไม่กอดจูบนางด้วย ในเมื่อเขามีสิทธิ์ทุกอย่างบนร่างกายของนาง เขาจะทำอะไรกับผู้หญิงจากสกุลหูผู้นี้ก็ย่อมได้
คิดเพียงเท่านั้นเท้ายาวก็สาวเข้าประชิดร่างบาง ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะทันตั้งตัว นางก็ถูกวงแขนแข็งแกร่งเกี่ยวกระหวัดรอบเอวแล้วกอดรัดแนบแน่นด้วยสัมผัสอ่อนโยน
“ทะ...ท่าน อื้อ...”
เอื้อนเอ่ยวาจาได้เพียงเท่านั้นริมฝีปากอวบอิ่มก็ถูกปิดสนิทบดขยี้รุนแรงจนเรียวปากเห่อบวม บดจูบหนักหน่วงแทรกปลายลิ้นร้อนเข้าไปดูดกลืนความหอมหวานจากโพรงปากสีกุหลาบ
ยิ่งจูบก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงลมหายใจของทั้งสองที่เต้นระรัวไปในจังหวะเดียวกัน
กลิ่นสุรา!
ขม!
“อื้อ”
หัวใจเจ้ากรรมกระตุกหวาม รสจูบและอ้อมกอดที่แสนโหยหาของแม่ทัพถางทำให้นางตื่นตระหนักและซ่านกระสันไปในเวลาเดียวกัน
“เพราะเจ้าคนเดียวจึงทำให้ข้าเป็นเช่นนี้”
ทันทีที่เขาถอนเรียวปากออกจากริมฝีปากอวบอิ่ม เขาก็ต่อว่าในสิ่งที่หญิงสาวไม่เข้าใจ ก่อนจะก้มลงจูบจ้วงริมฝีปากอิ่มแรงๆ ใช้ฟันขบลงบนริมฝีปากล่างสลับกับริมฝีปากบน บดจูบเรียวปากซ้ำแล้วซ้ำเล่าในขณะดวงตาของทั้งคู่ต่างพริ้มหลับลงด้วยความสิเน่หาที่โอบรัด
นางถูกผลักให้ถอยหลัง ก้าวถอยช้าๆ ไปพร้อมกับรสจูบที่แสนรัญจวน ลิ้นร้อนควานเข้าไปเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็ก ก่อนจะปล่อยริมฝีปากอิ่มให้เป็นอิสระแล้วโน้มลงจูบอีกครั้งและอีกครั้ง
นางกำลังมัวเมาในจูบ จูบที่มีกลิ่นสุรารุนแรงคละคลุ้ง จูบที่ราวกับจะปล้นปลิดสติสัมปชัญญะของนางไปจนหมดสิ้น
“อื้อ...”
คนตัวเล็กครางเสียงแผ่วเมื่อนางถูกผลักให้ถอยหลังจนแผ่นหลังชนเข้ากับต้นหลิวข้างสะพานไม้ข้ามลำคลองเล็กๆ ภายในสวนกว้าง
“ข้าต้องการเจ้าหูเส่าหลิง”
คนเมาดูเหมือนจะขาดสติไปชั่วขณะ จึงได้เผลอเอื้อนเอ่ยความในใจออกมา ในขณะที่มือหนาโลมไล้ไปตามเรือนกายแล้วเลิกกระโปรงของนางขึ้นสูง ก่อนจะปลดกางเกงตัวในออกแล้วกอบกุมโหนกนูนอุ่นชื้นเอาไว้ด้วยมือหนาสากกระด้าง
“อาห์...”
เมื่อริมฝีปากถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระนางก็ถึงกับครางเสียงหลง เขาซุกไซ้เรียวปากหยักได้รูปและจมูกโด่งไปตามลำคอ ในขณะที่อุ้งมือบีบเฟ้นโหนกนูนของนาง บีบขยำแล้วแทรกนิ้วกลางผ่านเข้าไประหว่างกลีบอวบอูม ก่อนจะใช้ปลายนิ้วค่อยๆ สัมผัสเมล็ดสวาทแผ่วเบา ยังผลให้จังหวะการหายใจของเส่าหลิงถึงกับขาดห้วง
นางผวาจนห่อตัวคู้ สองมือโอบกอดรัดรอบแผ่นหลังของชายหนุ่มเอาไว้แนบแน่น
“ทะ...ท่าน มะ...แม่ทัพ ยะ...อย่าเจ้าค่ะ”
หึ!
คนตัวโตหัวเราะในลำคอ ก่อนจะดึงมือออกมาจากโหนกนูนหฤหรรษ์เพื่อโชว์ว่าทั้งนิ้วและอุ้งมือของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเมือกขาวใสแห่งความซ่านเสียวของนาง
“เจ้าห้ามข้า ทั้งที่เจ้ากำลังอยากถูกข้าเอาจนเปียกแฉะนะหรือ”
หูเส่าหลิงอายจนใบหน้าแดงก่ำ ไม่อาจปฏิเสธเลยว่านางกำลังอยากให้เขาเอาจนแทบจะขาดใจ ทว่าสถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะสม นี่คือสวนกลางจวนที่ไม่ว่าใครก็สามารถเดินผ่านไปมาได้โดยง่าย แม้ว่าจะดึกมากแล้ว แต่ก็ยังมีทหารเวรยามคอยเดินตรวจตราไม่ขาดสาย
แน่นอนว่าเส่าหลิงไม่ได้อยู่ในจุดที่สามารถขัดขืนหรือออกความคิดเห็น หากเขาจะเอากระทั่งร้านขายยาเขาก็เอาโดยไม่เกรงใจใครทั้งสิ้น
สาบคอเสื้อสีขาวถูกแหวกออกเผยให้เห็นเต้าอวบอิ่มชูสล้าง เขาก้มลงแล้วใช้ปลายลิ้นเลียตวัดปลายถัน ดุนดันจนมันชูชันก่อนจะอ้าปากครอบครองเอาไว้เต็มคำแล้วดูดดุนด้วยปลายลิ้นราวกับกำลังหิวกระหาย
“อะ...อะ...อื้อ ทะ...ท่านแม่ทัพ อื้อ...”
นางแอ่นอกเข้าหาใบหน้าและริมฝีปากของเขาด้วยความเผลอไผล ยิ่งเขาห่อลิ้นร้อนจนแข็งแล้วบี้บดลงบนหัวนมสีชมพู นางก็ยิ่งบิดกายเร่าด้วยความซ่านเสียว แกนกลางกายเปียกชุ่มไหลเยิ้มด้วยความอยากจนแทบทนไม่ไหว
“อืม...”
คนตัวโตส่งเสียงในลำคอด้วยความพอใจ มือหนาทั้งสองข้างฟอนเฟ้นสองเต้าในขณะที่ปากสลับดูดทีละเต้าอย่างเมามันก่อนจะทำในสิ่งที่นางไม่คาดฝัน
เขาทรุดกายลงนั่ง ยกขาข้างหนึ่งของนางให้พาดบ่าแข็งแกร่งของเขาเอาไว้ ก่อนจะซุกใบหน้าลงไปที่แกนกลางกายจนหญิงสาวถึงกับเบิกตาโพลง
“ซะ...ซี๊ด....อะ...อื้อ”
หญิงสาวห่อริมฝีปากครวญครางเมื่อปลายจมูกของเขาซุกลงระหว่างกลีบบุปผา จากนั้นลิ้นร้อนก็ค่อยๆ ละเลงเลียเมล็ดสวาทอย่างช้าๆ เลียขึ้น ตวัดดุนดัน แล้วเลียขึ้น ตวัดแหย่เข้าไปในรู สลับไปมาเช่นนี้ราวกับนางถูกจับเขย่าให้ตีลังกาหัวหมุน