Chapter 10 สุราราคะ

1108 Words
Chapter 10 สุราราคะ ตึก! ตึก! ตึก! เสียงนี้! คือเสียงหัวใจของข้างั้นหรือ! ภาพเบื้องหน้าราวกับเห็นเทพธิดางดงามกำลังร่ายรำท่ามกลางแสงจันทราและหิมะโปรยปราย หากว่านางมิใช่บุตรสาวสกุล ‘หู’ เขาคงตกหลุมรักนางหมดทั้งตัวและหัวใจ ใบหน้านิ่งอึ้งราวกับหนุ่มน้อยที่ริตกหลุมรักค่อยๆ แปรเปลี่ยน หนังหน้าซีกซ้ายกระตุกเกร็งด้วยความกรุ่นโกรธ เมื่อคิดถึงสภาพศพของบิดาที่บวมช้ำจากยาพิษ ภาพเหล่านั้นยังคงตามติดกลายเป็นฝันร้ายที่ทำให้เขาสะดุ้งตื่นกลางดึกทุกคืน นั่นเพราะดวงวิญญาณของบิดายังไม่ได้รับความยุติธรรม ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะตกหลุมรักบุตรสาวของศัตรู ไม่มีวัน! เขาก้าวเท้ายาวๆ ไปหาหญิงสาว แต่กลับเดินเซน้อยๆ ด้วยฤทธิ์สุรา ติดพันงานที่ค่ายทหารจนไม่อาจกลับจวนงั้นหรือ! ช่างน่าขบขัน งานอะไรกันเล่าสามวันสามคืนเขาเอาแต่นั่งดื่มสุราเพื่อให้ลืมรสจูบของนังผู้หญิงแพศยา แต่ทันทีที่ก้าวเท้ากลับมาที่จวนเขาก็ถูกนางล่อหลอกด้วยท่าทางราวกับเทพเซียนที่แสนบริสุทธิ์ผุดผ่อง แล้วทำไมเขาถึงต้องทนทรมานตัวเอง เพื่อที่จะไม่กอดจูบนางด้วย ในเมื่อเขามีสิทธิ์ทุกอย่างบนร่างกายของนาง เขาจะทำอะไรกับผู้หญิงจากสกุลหูผู้นี้ก็ย่อมได้ คิดเพียงเท่านั้นเท้ายาวก็สาวเข้าประชิดร่างบาง ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะทันตั้งตัว นางก็ถูกวงแขนแข็งแกร่งเกี่ยวกระหวัดรอบเอวแล้วกอดรัดแนบแน่นด้วยสัมผัสอ่อนโยน “ทะ...ท่าน อื้อ...” เอื้อนเอ่ยวาจาได้เพียงเท่านั้นริมฝีปากอวบอิ่มก็ถูกปิดสนิทบดขยี้รุนแรงจนเรียวปากเห่อบวม บดจูบหนักหน่วงแทรกปลายลิ้นร้อนเข้าไปดูดกลืนความหอมหวานจากโพรงปากสีกุหลาบ ยิ่งจูบก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงลมหายใจของทั้งสองที่เต้นระรัวไปในจังหวะเดียวกัน กลิ่นสุรา! ขม! “อื้อ” หัวใจเจ้ากรรมกระตุกหวาม รสจูบและอ้อมกอดที่แสนโหยหาของแม่ทัพถางทำให้นางตื่นตระหนักและซ่านกระสันไปในเวลาเดียวกัน “เพราะเจ้าคนเดียวจึงทำให้ข้าเป็นเช่นนี้” ทันทีที่เขาถอนเรียวปากออกจากริมฝีปากอวบอิ่ม เขาก็ต่อว่าในสิ่งที่หญิงสาวไม่เข้าใจ ก่อนจะก้มลงจูบจ้วงริมฝีปากอิ่มแรงๆ ใช้ฟันขบลงบนริมฝีปากล่างสลับกับริมฝีปากบน บดจูบเรียวปากซ้ำแล้วซ้ำเล่าในขณะดวงตาของทั้งคู่ต่างพริ้มหลับลงด้วยความสิเน่หาที่โอบรัด นางถูกผลักให้ถอยหลัง ก้าวถอยช้าๆ ไปพร้อมกับรสจูบที่แสนรัญจวน ลิ้นร้อนควานเข้าไปเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็ก ก่อนจะปล่อยริมฝีปากอิ่มให้เป็นอิสระแล้วโน้มลงจูบอีกครั้งและอีกครั้ง นางกำลังมัวเมาในจูบ จูบที่มีกลิ่นสุรารุนแรงคละคลุ้ง จูบที่ราวกับจะปล้นปลิดสติสัมปชัญญะของนางไปจนหมดสิ้น “อื้อ...” คนตัวเล็กครางเสียงแผ่วเมื่อนางถูกผลักให้ถอยหลังจนแผ่นหลังชนเข้ากับต้นหลิวข้างสะพานไม้ข้ามลำคลองเล็กๆ ภายในสวนกว้าง “ข้าต้องการเจ้าหูเส่าหลิง” คนเมาดูเหมือนจะขาดสติไปชั่วขณะ จึงได้เผลอเอื้อนเอ่ยความในใจออกมา ในขณะที่มือหนาโลมไล้ไปตามเรือนกายแล้วเลิกกระโปรงของนางขึ้นสูง ก่อนจะปลดกางเกงตัวในออกแล้วกอบกุมโหนกนูนอุ่นชื้นเอาไว้ด้วยมือหนาสากกระด้าง “อาห์...” เมื่อริมฝีปากถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระนางก็ถึงกับครางเสียงหลง เขาซุกไซ้เรียวปากหยักได้รูปและจมูกโด่งไปตามลำคอ ในขณะที่อุ้งมือบีบเฟ้นโหนกนูนของนาง บีบขยำแล้วแทรกนิ้วกลางผ่านเข้าไประหว่างกลีบอวบอูม ก่อนจะใช้ปลายนิ้วค่อยๆ สัมผัสเมล็ดสวาทแผ่วเบา ยังผลให้จังหวะการหายใจของเส่าหลิงถึงกับขาดห้วง นางผวาจนห่อตัวคู้ สองมือโอบกอดรัดรอบแผ่นหลังของชายหนุ่มเอาไว้แนบแน่น “ทะ...ท่าน มะ...แม่ทัพ ยะ...อย่าเจ้าค่ะ” หึ! คนตัวโตหัวเราะในลำคอ ก่อนจะดึงมือออกมาจากโหนกนูนหฤหรรษ์เพื่อโชว์ว่าทั้งนิ้วและอุ้งมือของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเมือกขาวใสแห่งความซ่านเสียวของนาง “เจ้าห้ามข้า ทั้งที่เจ้ากำลังอยากถูกข้าเอาจนเปียกแฉะนะหรือ” หูเส่าหลิงอายจนใบหน้าแดงก่ำ ไม่อาจปฏิเสธเลยว่านางกำลังอยากให้เขาเอาจนแทบจะขาดใจ ทว่าสถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะสม นี่คือสวนกลางจวนที่ไม่ว่าใครก็สามารถเดินผ่านไปมาได้โดยง่าย แม้ว่าจะดึกมากแล้ว แต่ก็ยังมีทหารเวรยามคอยเดินตรวจตราไม่ขาดสาย แน่นอนว่าเส่าหลิงไม่ได้อยู่ในจุดที่สามารถขัดขืนหรือออกความคิดเห็น หากเขาจะเอากระทั่งร้านขายยาเขาก็เอาโดยไม่เกรงใจใครทั้งสิ้น สาบคอเสื้อสีขาวถูกแหวกออกเผยให้เห็นเต้าอวบอิ่มชูสล้าง เขาก้มลงแล้วใช้ปลายลิ้นเลียตวัดปลายถัน ดุนดันจนมันชูชันก่อนจะอ้าปากครอบครองเอาไว้เต็มคำแล้วดูดดุนด้วยปลายลิ้นราวกับกำลังหิวกระหาย “อะ...อะ...อื้อ ทะ...ท่านแม่ทัพ อื้อ...” นางแอ่นอกเข้าหาใบหน้าและริมฝีปากของเขาด้วยความเผลอไผล ยิ่งเขาห่อลิ้นร้อนจนแข็งแล้วบี้บดลงบนหัวนมสีชมพู นางก็ยิ่งบิดกายเร่าด้วยความซ่านเสียว แกนกลางกายเปียกชุ่มไหลเยิ้มด้วยความอยากจนแทบทนไม่ไหว “อืม...” คนตัวโตส่งเสียงในลำคอด้วยความพอใจ มือหนาทั้งสองข้างฟอนเฟ้นสองเต้าในขณะที่ปากสลับดูดทีละเต้าอย่างเมามันก่อนจะทำในสิ่งที่นางไม่คาดฝัน เขาทรุดกายลงนั่ง ยกขาข้างหนึ่งของนางให้พาดบ่าแข็งแกร่งของเขาเอาไว้ ก่อนจะซุกใบหน้าลงไปที่แกนกลางกายจนหญิงสาวถึงกับเบิกตาโพลง “ซะ...ซี๊ด....อะ...อื้อ” หญิงสาวห่อริมฝีปากครวญครางเมื่อปลายจมูกของเขาซุกลงระหว่างกลีบบุปผา จากนั้นลิ้นร้อนก็ค่อยๆ ละเลงเลียเมล็ดสวาทอย่างช้าๆ เลียขึ้น ตวัดดุนดัน แล้วเลียขึ้น ตวัดแหย่เข้าไปในรู สลับไปมาเช่นนี้ราวกับนางถูกจับเขย่าให้ตีลังกาหัวหมุน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD