ตอนที่ 1 พามาให้เจอ
มหาวิทยาลัย
“ยัยหมวยร้านแกเปิดกี่โมงนะ ฉันจะไปเปลี่ยนสีแล้ว”
“เปิดตั้งแต่สิบโมงแล้วไหม แต่ฉันเข้างานบ่าย”
“งั้นฉันรอไปพร้อมแก”
“ไหนขอดูเล็บหน่อย”
พายเป็นเพื่อนสนิทของหมวยเล็ก ทั้งคู่คบกันตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยช่วงปีหนึ่งและคบกันอยู่แค่สองคนเท่านั้น เพื่อนในสาขาคนอื่น ๆ ก็มีเที่ยวด้วยกันบ้างแต่ก็ไม่บ่อยนัก
พายคนนี้รู้ความลับของหมวยเล็กทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของเพลิงแต่เธอก็เก็บความลับของเพื่อนได้ดีเช่นกัน ดีชนิดที่ว่าไม่เคยพูดเรื่องของเพลิงให้ใครฟังเลยสักครั้ง
“พอจะทำได้ไหม”
“อือ ตั้งสองเดือนกว่าแล้ว ได้แหละ” หมวยเล็กว่าแล้วก็ปล่อยมือเพื่อนให้เป็นอิสระ
“ดีอะ มีเพื่อนเป็นช่างแบบนี้”
“แกว่าสีนี้โอเคไหม” หมวยเล็กเลื่อนดูแบบร้านทำเล็บที่ขึ้นตามอินเทอร์เน็ต เพื่อเป็นตัวอย่างในการออกแบบร้านของตัวเอง เน้นสีชมพูอ่อน ดูหวาน ๆ
“น่ารักดีนะ เหมาะกับแกเลย” เพื่อนสนิทพยักหน้าเร็ว ๆ
คนถูกชมทางอ้อมยิ้มกว้าง พายก็ชอบชมเธอบ่อยแบบนี้ประจำ เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่เธออยู่ด้วยแล้วสบายใจมากที่สุดจนเธอไม่อยากมีเพื่อนมากมายไปกว่านี้แล้วให้มันวุ่นวาย
“ถ้าฉันไปเปิดร้านอยู่นู่นแล้วแกต้องไปอุดหนุนนะ”
“ฉันต้องเดินทางเกือบพันกิโลฯ เพื่อที่จะไปทำเล็บร้านแกใช่ไหม”
หมวยเล็กหัวเราะลั่นกับคำพูดของเพื่อนสนิท เธอก็พูดไปอย่างนั้น เพราะระยะทางแปดร้อยกว่ากิโลเมตรไม่ใช่น้อย ๆ ไหนจะต้องเจอรถติดก็ขับรถข้ามวัน ขึ้นเครื่องไปกลับก็หลายพัน
“ถ้าเรียนจบฉันก็คงไม่ได้เจอแกทุกวันแบบนี้แล้วสิ” หมวยเล็กเอียงศีรษะไปซบไหล่เพื่อนสนิทอย่างออดอ้อน ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เธอชอบทำประจำ
“แล้วใครบอกให้แกไปอยู่ตั้งไกลขนาดนั้นล่ะ”
ใบหน้าสวยนิ่งไปชั่วครู่เมื่อได้ยินคำถามจากเพื่อน ภายในอกข้างซ้ายคล้ายมีแรงขยับผิดปกติ ก่อนที่จะค่อย ๆ เผยรอยยิ้มบาง ๆ ออกไประหว่างที่ตอบคำถามนั้น
“ที่นั่นน่าอยู่ ไม่วุ่นวายเท่าที่นี่ไง ฉันอยากไปหาที่ที่สงบ ไม่ต้องเจอรถติดสองชั่วโมง อีกอย่างยายกับแม่ก็อยู่ที่นั่นด้วย”
หลายครั้งที่แม่สงสัยว่าเธอเอาเงินจากไหนมากมายไปปลูกบ้านหลังนั้น แต่เธอก็บ่ายเบี่ยงที่จะตอบ โกหกไปบ้างเพื่อไม่ให้แม่ต้องมากังวลใจ
ตอนนี้แม่เป็นลูกจ้างร้านเสริมสวย หมวยเล็กคุยกับแม่ไว้แล้วว่าถ้าย้ายไปอยู่ที่เชียงใหม่จะเปิดร้านเสริมสวยด้วยกัน เธอทำเล็บ แม่ทำผม คงพอจะเรียกลูกค้าได้
ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง จะมีก็แต่หลังนี้ที่กำลังปลูกสร้าง ไม่ใช่บ้านหลังใหญ่โตอะไรแต่ก็คงพออยู่กันได้สามคน
ตั้งแต่รุ่นยายที่ไม่เคยมีบ้านเป็นของตัวเอง มีเพียงที่ดินผืนหนึ่งบนทำเลทองที่ยายใช้เป็นพื้นที่ให้จอดรถพอมีรายได้เข้ามาทุกเดือน แต่มันก็แค่พอใช้จ่ายสำหรับยายไปวัน ๆ ตั้งแต่ไหนแต่ไร
บางทีก็นึกอยากขอบคุณเขาที่ให้เธอได้มากขนาดนี้ แต่ก็แลกมากับการอดหลับอดนอนบางคืนเหมือนกัน เพราะเพลิงไม่ได้มีเวลาว่างตรงกับเธอ บางวันเขาก็ต้องอยู่เวรเหมือนแพทย์ทั่วไป วันไหนกลับดึกเธอก็ต้องรอเจอเขาตามคำสั่ง
เพลิงเป็นผู้ชายปากร้าย เอาแต่ใจ แถมยังหน้าดุ บางทีก็ดุเหมือนหมาเวลาโกรธเธอ แต่มันก็อยู่ในระดับที่เธอรับมือได้ทั้งนั้น
“หมวย ไอ้เซฟทักมาถามถึงแกอีกแล้ว”
“...” หมวยเล็กทำเพียงหัวเราะเบา ๆ กับประโยคนั้น
เซฟคือเพื่อนสมัยมัธยมของพาย เขาเรียนอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ ทั้งคู่เคยเจอกันอยู่หลายครั้งแล้วไม่ว่าจะในมหาวิทยาลัยหรือข้างนอกอย่างเช่นร้านเหล้า แต่พักหลังมานี้เธอไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยว เพราะคนเอาแต่ใจคนนั้นจะเรียกหาเธอเวลาที่เขาว่าง ไหนจะต้องทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านทำเล็บอีก เวลาว่างจึงหายากเหลือเกิน
“เซฟมันก็หล่อนะ ทำไมไม่มีแฟนล่ะ น่าสงสัย” หมวยเล็กขยับแขนเล็กไปกอดอกไว้
ไอ้คำที่ว่าปลื้มเธออยู่มันดูจะเกินจริงไปสักหน่อย เซฟปลื้มเธอมาตั้งปีกว่า ระยะเวลาพอ ๆ กับที่เธอได้รู้จักกับเพลิง ตลอดเวลาเธอไม่เคยให้ความสนใจกับผู้ชายคนไหน เพราะแค่มีเพลิงคนเดียวเธอก็เหนื่อยจะแย่แล้ว
เรื่องที่ว่าคบหลายคนแล้วจะมาหึงหวงเธอมันคงไม่ได้อยู่ในความคิดเขาอยู่แล้ว เพลิงไม่ได้สนใจว่าเธอจะทำอะไร อยู่ที่ไหน กับใครบ้าง แต่เธอถือคติคบทีละคนมาแต่ไหนแต่ไร ถึงแม้ว่าสถานะระหว่างเธอกับหนุ่มรุ่นพี่จะไม่ใช่แฟนก็ตาม
“แต่มันก็ปลื้มแกจริง ๆ นะ”
“แล้วแกไม่เตือนเพื่อนหน่อยเหรอ ฉันมันผู้หญิงมีตำหนินะ” หมวยเล็กพูดพลางหัวเราะกับตัวเอง
สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่ต่างจากแม่จากยายนักหรอก
ตั้งแต่เด็กจนโตที่หมวยเล็กเฝ้าถามแม่ว่าพ่อของเธอไปไหน เขาคือใคร สุดท้ายก็ไม่เคยได้คำตอบ พอโตขึ้นจนคิดได้ถึงได้คำตอบเองว่าที่แม่ไม่เคยบอกเธอมันเพราะอะไร
ทั้งแม่และยาย ต่างก็เป็นตัวสำรอง
“พูดอะไรของแกเนี่ย เดี๋ยวนี้มันไม่มีใครมาคิดเรื่องแบบนี้แล้วมั้ง รอแกโสดสนิทฉันจะบอกให้มันรุกแกแบบเหยียบคันเร่งจนมิดเลย”
หมวยเล็กนั่งขำ ไม่แน่เวลานั้นมันอาจจะมาถึงในไม่ช้า ก็ในเมื่อ คนสำคัญของเขา... กลับมาแล้วนี่