“เจ้าพูดเพ้ออันใด?” สายตาเหม่อลอยของเจ้าสำนักหงทำให้พระชายาหานที่ผ่านการมีความรักและครอบครัวถึงกับถอนหายใจเบาๆ
“ข้าว่าเจ้าเห็นคนน่าสนใจใช่หรือไม่?”
“อืม! เอ๊ย! ที่ไหนได้ คนเจ้าเล่ห์ ซ้ำยังหมกมุ่นในกามแบบนั้นมีหรือข้าจะสนใจ” นางเผลอพูดออกมารัวๆ ครั้นเห็นเพื่อนหัวเราะคิกคักก็ตกใจ
“ที่แท้เจ้าก็สนใจมังกรขาวเจ้าเล่ห์นี่เอง” พระชายาหานซู่ลี่พยักหน้าล้อเลียนสหายรัก หากท่านอ๋องเก้าสวามีของนางเป็นจิ้งจอกขาว ฮ่องเต้ก็สมควรเป็นสัตว์ร้ายตัวนั้น
“ข้าแค่แปลกใจที่เขาสังเกตความแตกต่างของข้ากับคนที่ข้าแปลงเป็นพวกเขาต่างหากเล่า?” หงซือซือรีบหันมาทำหน้าตาขึงขัง แล้วเล่าเหตุการณ์ที่ฮ่องเต้ดูจะสงสัยในตัวนางขณะที่แปลงเป็นไป๋เพ่ยเจินนางกำนัลวังอดีตฮองเฮาผู้ล่วงลับ
“สมแล้วกับที่เป็นพี่ชายของจิ้งจอกขาว ข้าเคยได้ยินว่ามังกรตัวนี้ร้ายกาจนัก สามารถพลิกโอกาสล้มรัชทายาทจนขึ้นครองราชย์ได้”
“ใช่! เรื่องนี้ถูกซุบซิบกัน เห็นทีข้าต้องไปฟังข้อมูลเพิ่มเติมที่โรงเตี๊ยมยุทธภพเสียแล้ว” หงซือซือเพิ่งนึกขึ้นได้ว่านางมิได้ไปเยือนโรงเตี๊ยมยุทธภพมาเสียนาน เรือนใหญ่ลึกลับนั่นจะต้องเป็นผู้มีวิทยายุทธ์เท่านั้นจึงจะมีโอกาสได้เข้าไปใช้บริการ
“ที่นั่นเป็นอย่างไรหรือ? ข้าเคยได้ยินคนพูดถึงแต่ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ใด?”
“โรงเตี๊ยมยุทธภพอยู่กลางทะเลสาบเซินหลันเซ่อ ซึ่งเป็นทะเลสาบที่มีหมอกตลอดปี เราต้องพายเรือไปทางเข้าทุกทางล้วนมีค่ายกล ผู้ที่จะเข้าไปได้ล้วนต้องมี วรยุทธ์ระดับกลางถึงระดับสูง มิฉะนั้นได้ลอยคอในทะเลสาบแทนการนอนในโรงเตี๊ยมแน่ แต่หากอยากเข้าไปง่ายต้องรอคืนพระจันทร์เต็มดวงเพราะหมอกจะน้อย ยามที่ไม่มีผู้บุกรุกหมอกพวกนั้นจะสลายไปเอง”
“โอ....นับว่าเป็นสถานที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ข้าอยากไป เจ้าพาข้าไปด้วยได้หรือไม่?” สายตาของหานซู่ลี่วิบวับทันทีที่ได้ฟังสิ่งที่สหายเล่า
“จอมยุทธ์ลี่ เจ้ายังมีลูกให้ดูแลอีกสองคน ท่านอ๋องเก้าจะยอมหรือ?” หงซือซือเอ่ยนามในยุทธภพของสหาย
“จอมยุทธหง หากคนอย่างข้าคิดจะไป เจ้าคิดหรือว่าท่านพี่จะกล้าขัดคอข้า” พระชายาอมยิ้ม เชิดหน้าเล็กน้อย นางกำลังครุ่นคิดกลยุทธ์ที่จะทำให้ท่านพี่เก้ายินยอมให้นางออกไปเที่ยวแต่โดยดี
“เอาเถิด หากเจ้าทำให้ท่านอ๋องเก้าอนุญาตได้ ข้าจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงเจ้าเอง” หงซือซือผู้ยังโสดและโดดเดี่ยวคิดเพียงแต่เหตุผลที่ตนมองเห็น
“ดี! คืนนี้ข้าจะได้ไม้เด็ดเทียว”
เมื่อท่านอ๋องเก้ากลับมาในยามตะวันใกล้ตก เห็นพระชายาของตนอาบน้ำแต่งกายหอมกรุ่นนั่งอยู่พร้อมอาหารเต็มโต๊ะ “เจ้ามิได้ลงไปดูแปลงผักดอกหรือ?”
“ดูแล้วเพคะ แต่หม่อมฉันอยากดูแลท่านพี่มากกว่า” นางยิ้มมีจริตเล็กน้อย ท่านอ๋องเก้าเห็นแล้วรู้สึกเสียวสันหลัง ในยามพระชายาทำเช่นนี้เขามักรู้สึกว่าตนเองจะต้องสูญเสียบางสิ่งหรือต้องยอมทำบางอย่างให้กับภรรยา
ชุดในคืนนี้ของนางจงใจยั่วเย้า คอเสื้อดูสวมให้ดูกว้างกว่าปกติ สาบเสื้อตรงหน้าอกลาดลงต่ำจนมองด้านข้างเห็นเนินอกอวบอิ่มของสตรีที่ผ่านการให้นมบุตรฝาแฝด เขาจินตนาการได้ว่ามันขยายขนาดขึ้นมากกว่าเดิมพอสมควร แต่ก็เป็นสิ่งที่ท่านอ๋องพึงพอใจอย่างยิ่ง เขาไม่ต้องรบเร้านางให้เพิ่มน้ำหนักอีกต่อไป
อ๋องเก้าที่นั่งข้างภรรยาเห็นสาบเสื้อที่หย่อนในยามนางคีบอาหารส่งให้ก็กลืนน้ำลายเอื๊อกหนึ่ง สายตาของเขาไม่อาจละจากเนินเนื้อขาวอวบนั้น “อืม...อาหารคืนนี้อร่อยเป็นพิเศษ น้องหญิงเจ้าลงมือเองหรือ?”
“เพคะ หม่อมฉันอยากให้ท่านพี่รับประทานเยอะๆ เผื่อคืนนี้ท่านพี่จะต้องช่วยหม่อมฉันสักหน่อย” นางจงใจตะแคงใบหน้าเข้าไปใกล้บ่าไหล่ของเขา นั่นยิ่งทำให้สาบเสื้อนางเผยอมากขึ้น ท่านอ๋องเก้าที่ร่างสูงกว่าก้มลงมามองเห็นร่องอกพอดี ดวงตาจึงทอประกายพึงพอใจอย่างยิ่งยวด
“เช่นนั้นข้าจะตั้งใจกินให้มากตามที่เจ้าต้องการ” ไม่นานนักท่านอ๋องก็รับข้าวหมดไปถึงสองถ้วย ถามไถ่ถึงลูกทั้งสองตามปกติ เมื่อพระชายาแจ้งว่าลูกทั้งสองรับประทานอาหารและเข้านอนไปแล้ว ท่านอ๋องเก้าก็อมยิ้ม ‘ดูเหมือนหมีขาวจะมีจุดประสงค์จริงๆ สินะ เตรียมการทุกอย่างไว้เรียบร้อยเทียว’
พระชายาเกาะแขนพระสวามีฉอเลาะชักชวนให้กลับห้องบรรทม “หม่อมฉันสั่งคนเตรียมน้ำอาบไว้แล้ว ท่านพี่ไปแช่ให้สบายเถิด”
ท่านอ๋องเก้ายิ้มน้อยๆ เมื่อนางจงใจใช้หน้าอกอวบเสียดสีกับต้นแขนของพระองค์ “หากเจ้าทำเช่นนี้ ข้าคงจะไม่ทันได้อาบน้ำเป็นแน่ คงได้ออกแรงทำสิ่งอื่นเสียก่อน”
“อาบก่อนเถิดเพคะ จะได้สบายเนื้อสบายตัว” นางเงยหน้าขึ้นยิ้มหวานจนท่านอ๋องอดจะโน้มกายลงจุมพิตริมฝีปากนางมิได้
“น้องหญิง เจ้าเอาใจข้าถึงเพียงนี้ ข้าชักไม่สบายใจเสียแล้ว”
คืนนั้นองค์หญิงหานซู่ลี่ทั้งช่วยถูตัวให้ท่านอ๋อง ทั้งนวดเนื้อตัวเอาใจ และเป็นฝ่ายรุกเร้าจนท่านอ๋องอดรนทนไม่ไหวร่วมรักกับนางเสียหลายครั้ง กระทั่งล่วงไปยามจื่อนางที่เกยใบหน้าไว้บนอกท่านอ๋องจึงเอ่ยขอสิ่งที่ตั้งใจ“ท่านพี่เพคะ ท่านเคยเห็นโรงเตี๊ยมยุทธภพหรือไม่?”
ท่านอ๋องเก้ายกมือลูบแก้มนวลของภรรยา “ผู้ใดเล่าให้เจ้าฟัง?”
“หงซือซือเพคะ นางว่าจะไป ข้าจึงอยากไปด้วย”
หลังจากที่กำจัดกบฏฮองเฮาตระกูลเถียนได้แล้ว หานซู่ลี่จึงยอมเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเจ้าสำนักคุ้มภัยหงส์ไฟให้เขาได้รู้ หมิงหลี่เหว่ยโมโหหงอี้เทียนที่ไม่ยอมบอกเรื่องนี้กับเขา เมื่อเรียกฝ่ายนั้นมาเลี้ยงสุราเพื่อต่อว่ากลับถูกพี่ชายหงซือซือใช้เหตุผลมาโต้แย้งจนเขาไม่อาจด่าทออีกฝ่ายได้อีกต่อไป
การปกปิดความลับของตระกูลหงเป็นเรื่องปกติ และความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับคนรอบข้างล้วนยากจะคาดเดา เพราะเพียงแค่เปลี่ยนโฉมหน้าสองพี่น้องตระกูลหงก็พร้อมจะเป็นผู้ใดก็ได้ สำหรับองค์หญิงหานซู่ลี่แห่งแคว้นเว่ยพวกเขานับถือเสมือนญาติการให้ความช่วยเหลือและการปกปิดความลับจึงต้องมาพร้อมกัน
“ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าไปกับนางตามลำพัง เจ้ามีบุตรถึงสองคนแล้ว หากเป็นอันใด ข้าจะกับลูกจะอยู่อย่างไร?” ท่านอ๋องเก้าชะโงกหน้าขึ้นมาจูบหน้าผากภรรยา เมื่อเห็นนางทำหน้างอง้ำ
“แต่ข้าอยากจะเห็นนี่นา!” นางดิ้นจนหน้าอกอวบบดเบียดหน้าอกเขาไปมา
ท่านอ๋องสอดแขนเข้ากอดร่างนางแล้วพลิกตัวเป็นฝ่ายทาบทับอยู่ข้างบน “น้องหญิง ตามใจข้าอีกครั้ง เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปเอง”
เช้าวันต่อมาเมื่อหงซือซือได้รับพิราบสื่อสารแจ้งว่าท่านอ๋องเก้าจะพาหานซู่ลี่ไปโรงเตี๊ยมยุทธภพพร้อมกัน นางถึงกับเอาสันฝ่ามือเคาะหน้าขมับตนเอง “ไม่น่าเชื่อ ลี่เอ๋อร์ใช้วิธีไหนกันถึงทำให้ท่านอ๋องยอมได้ สองสามีภรรยานี้ช่างแย่จริง ไม่ห่วงลูกเลยหรือไร?”
*********************
ไรท์แนะนำ.....นิยายซีรี่ย์นี้มีทั้งหมด 6 ภาคด้วยกัน (เขียนถึงต้นสิงหาคม 2564) ซึ่งแต่ละเรื่องสามารถอ่านแยกกันได้ เพียงแต่ตัวละครจะรู้จักหรือเป็นญาติกันคะ่ เรื่องที่ 1 "ท่านอ๋องอย่าคิดหนี" เรื่องที่ 2 "ท่านอ๋องเป็นของข้า" พระเอกคือ หมิงเฉินกง เป็นน้องชายของพระเอกภาค 1 เรื่่องที่ 3 "ท่านอ๋องกับชายาหมี" พระเอกคือ ท่านอ๋องเก้า เป็นน้องชายของพระเอกภาค 1 เรื่องที่ 4 "ท่านหญิงจีจอมพลัง" พระเอก คือ ฟ่านหลี่เจี๋ย เป็นพี่ชายของนางเอกภาค 1 เรื่องที่ 5 "ซือซือ ฮองเฮาพันโฉม" พระเอกคือ ฮ่องเต้หมิง พี่ชายของพระเอกภาค 1 เรื่องที่ 6 "สายลับจับอ๋องใหญ่" พระเอกคือ องค์ชายจินเสวี่ยหลงพี่ชายของนางเอกภาค 2 ทุกเล่มมี EBOOK จำหน่ายค่ะทางเว็บไซต์ขายอีบุ๊กหลายเว็บนะคะ.....ติดตามข้อมูลนิยายของไรท์ได้ทางเฟสบุ๊กจ้า https://web.facebook.com/Chaomuangtawanok2057 จำนวนตัวอักษรแก้ไข