ตอนที่ 6
“พี่พริมขา...เดี๋ยวหนิงเอานํ้าไปให้พี่กรก่อนนะคะ” พิชชภรณ์พูดขึ้น หลังจากที่เขมกรออกไปได้พักใหญ่ ทําให้พริมโรสมองหน้าน้องสาวแล้วยิ้ม ๆ ก่อนจะแซวน้องสาวตัวเอง
“จ้า...หวานจริงนะคู่นี้”
“โธ่...พี่พริม” พิชชภรณ์ทุบแขนพริมโรสเบา ๆ ก่อนรีบยกเหยือกใส่นํ้าเย็นออกไปข้างนอก
“เอ่อ...พวกคุณเป็นใครคะ มีธุระอะไรหรือเปล่า” พิชชภรณ์ถามชายแปลกหน้าร่างยักษ์สองคนที่หอบข้าวของพะรุงพะรังยืนอยู่กลางห้องรับแขกอย่างไม่รู้ว่าจะเอาของไปไว้ไหนดี ชายแปลกหน้าทั้งสอง ยังไม่ทันได้ตอบ เขมกรกับเขมชาติก็เดินเข้ามาเสียก่อน
“หนิง...นี่พี่เขม พี่ชายพี่เอง จะอยู่ทานข้าวกับเราด้วย ส่วนสองคนนี้คุณชงคมกับคุณคาร์ลอต ผู้ช่วยของพี่ชายพี่” เขมกรแนะนําให้ภรรยารู้จักชายแปลกหน้าทั้งสามคน พร้อมกับเอื้อมมือมาคว้าเหยือกและแก้วในมือของหญิงสาวไปวางไปโต๊ะเล็ก ๆ หน้าโซฟานุ่ม
“สวัสดีค่ะ...พี่เขม คุณชงคม คุณคาร์ลอต” พิชชภรณ์ยกมือไหว้ทั้งสามคน
“นี่น้องหนิง เป็นภรรยาผมครับ” เขมกรบอกทุกคน เพราะคําพูดชัดถ้อยชัดคําของเขาทําให้พิชชภรณ์ถึงกับหน้าแดง พร้อมกับหลบตาคนที่พูดอย่างขวยเขิน เธอไม่เคยคิดว่าเขมกรจะแนะนําเธอกับพี่ชายอย่างนี้ พิชชภรณ์ยังไม่กล้าใช้คําว่า...สามีแนะนําชายหนุ่มกับพี่สาวของเธอเลย
“ไม่เห็นต้องอายเลย...ทุกคนเขารู้หมดแล้ว ไม่งั้นคงไม่ขนของบํารุงมาฝากเราเสียเยอะแยะขนาดนี้หรอก” เขมกรแซวคนรักของตัวเอง
“พี่กร” พิชชภรณ์ทุบไหล่สามีเบา ๆ
การกระทําดังกล่าวของคนทั้งคู่ ทําให้เขมชาติมองอย่างดีใจกับน้องชายที่เจอคนที่รักตัวเองอย่างจริงใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหนักใจแทน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทั้งสองคนรักกัน ปัญหาไม่ได้อยู่ที่คนทั้งคู่แต่มันอยู่ที่คุณวิภาดาต่างหาก
เขมชาติรู้จักแม่เลี้ยงเขาดี ด้วยนิสัยของคุณวิภาดาคงไม่ปล่อยให้เขมกรได้ใช้ชีวิตอย่างที่ใจตัวเองต้องการได้แน่ และถ้าเขามองไม่ผิดพิชชภรณ์ไม่ใช่คู่ต่อกรของแม่เลี้ยงเขาแน่ ๆ
‘ต้องผู้หญิงอีกคนต่างหาก...ที่กล้าชนด้วย...’
เขมชาติสังเกตพิชชภรณ์อย่างเงียบ ๆ เขาบอกได้ทันทีว่า ผู้หญิงคนนี้เรียบร้อยทั้งหน้าตาและนิสัยใจคอ ไม่เหมือนพี่สาวที่แม้หน้าตาจะดูหวานเหมือนคนเรียบร้อย แต่นิสัยคนละอย่าง
“คุณกรครับ จะให้พวกผมเอาของไปเก็บไว้ที่ไหนครับ” ชงคมถามอย่างไม่รู้ว่าจะวางของไว้ที่ไหน
“เอาไปไว้ในครัวดีกว่าค่ะ ตอนนี้พี่พริมอยู่จะได้ช่วยหนิงจัดของด้วย” พิชชภรณ์เอ่ยขึ้นพลางเดินนําเข้าไปในครัว ทําให้เขมกรที่เดินตามมาอดแซวไม่ได้
“อะไรกัน พอพี่สาวมานี่ได้โอกาสใช้ใหญ่เลยนะ”
“ไม่ใช่สักหน่อย...พี่กร ที่ให้พี่พริมช่วยเพราะพี่สาวหนิงน่ะ คุณนายระเบียบของบ้านเลยนะคะ วางอะไรเกะกะไม่เป็นที่เป็นทางนิดเดียว รับรองได้ฟังเทศน์กัณฑ์ใหญ่แน่” พิชชภรณ์พูดด้วยนํ้าเสียงที่แสดงถึงความเคารพรัก มากกว่าจะเป็นการนินทา
การสนทนาของคนทั้งคู่นั้น ทําให้เขมชาติที่เดินตามเข้าไปฟังด้วยความสนใจและพยายามจะเก็บข้อมูลของหญิงสาวอีกคนให้ได้มากที่สุด
เมื่อเดินมาถึงครัว เขมชาติแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าผู้หญิงที่กําลังผัดผักอยู่หน้าเตาจะเป็นคนเดียวกันกับผู้หญิงที่กล้าท้าทายเขาเมื่อวาน ท่าทางคล่องแคล่วในการหยิบโน่นจับนี่บ่งบอกให้รู้ว่าหล่อนทําด้วยความชํานาญ
ก่อนที่ใครจะทันได้พูดอะไรหรือทําอะไร เขมชาติก็เดินตรงเข้าไปหาคนที่กําลังยุ่งอยู่หน้าเตา พร้อมกับสอดมือโอบกอดหญิงสาวจากด้านหลัง อีกทั้งยังหอมแก้มนวลอีกฟอดใหญ่ และพูดเบา ๆ ที่ข้างหู แต่ก็ดังพอที่จะทําให้คนที่อยู่แถว ๆ นั้นได้ยินว่า
“ที่รัก...คุณนี่ชอบคิดชอบทําอะไรคนเดียวอยู่เรื่อยเลย มีเรื่องอะไร ทําไมไม่ปรึกษาผม หรือว่ายังโกรธผมอยู่ คุณถึงทิ้งให้ผมอยู่คนเดียว”
เพราะกําลังวุ่นอยู่กับงานตรงหน้าทําให้พริมโรสไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนที่เดินเข้ามา พอรู้ตัวอีกทีก็ตกอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของชายหนุ่มคนที่เธอเพิ่งเจอเมื่อวาน มือที่ถือตะหวิวอยู่ยกขึ้นจะทําร้ายคนที่กล้าดีมากอดเธอนั้น กลับถูกมือใหญ่ของคนดังกล่าวจับเสียก่อน พร้อมกับหอมแก้มเธออีกฟอด เป็นผลให้คนที่ไม่เคยถูกใครล่วงเกินมาก่อนในชีวิตถึงกับนิ่งด้วยความตกใจก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นความโกรธ “กล้าดียังไง มาทํากับฉันแบบนี้” เสียงกระซิบที่ดังเบา ๆ เพื่อให้เธอและเข้าได้ยินกันแค่เพียงสองคน
“ถ้าคิดว่าผมจะอยู่เฉย ๆ ล่ะก็ คุณคิดผิด” พริมโรสพยายามดิ้นเพื่อสลัดตัวเองให้หลุดจากอ้อมแขนของเขมชาติ แต่ดูเหมือนยิ่งดิ้นวงแขนคู่นั้นก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น ทําให้ดูเหมือนเป็นคู่รักที่กําลังแง่งอนกันอยู่ อีกทั้งประโยคที่เขมชาติพูดให้ได้ยินนั้นยิ่งตอกยํ้าให้คนอื่นรู้ว่า พริมโรสกําลังงอนเขา
“นาย...” พริมโรสอ้าปากจะเถียง แต่ริมฝีปากบางของเธอก็ถูกปิดด้วยริมฝีปากหยักได้รูปของเขมชาติเสียก่อน จุมพิตอย่างหนักหน่วงเหมือนจะลงโทษในตอนแรก เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนอย่างติดใจในความหวานที่กําลังลิ้มลองอยู่ ก่อนจะละริมฝีปากบางนั้นอย่างเสียดาย พร้อมกับพูดข้าง ๆ หูว่า
“คราวหลังอย่าดื้อนะครับ...มีอะไรก็บอกผม เราสองคนจะได้ ช่วยกันแก้ไข” ก่อนจะปล่อยหญิงสาวให้เป็นอิสระ แต่แววตาเป็นประกายวาววับ ยังคงส่งมาให้โดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร ดวงตาที่หวานอยู่แล้วยิ่งเป็นประกายอย่างที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน
‘...เมื่อคุณเป็นคนเปิดเกมนี้ ผมก็จะเล่นต่อจนจบ และผมต้องชนะ เกมนี้...’
ในห้องครัวขนาดกะทัดรัดไม่ได้มีแค่เขมชาติกับพริมโรสแค่สองคน ยังมีเขมกร พิชชภรณ์ ชงคมและคาร์ลอต ยืนมองทั้งคู่ด้วยความตกใจ และไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เห็นอะไรอย่างนี้
เขมกรและพิชชภรณ์ไม่คิดมาก่อนว่าเขมชาติกับพริมโรสจะรู้จักกันและคบกันอยู่ในฐานะคนรัก ส่วนชงคมและคาร์ลอตต่างคิดไม่ถึงว่าเจ้านายจะทําอะไรอย่างนี้ และไม่รู้ด้วยว่าตอนนี้เจ้านายกําลังคิดอะไรอยู่ แต่ที่ แน่ ๆ ทั้งเขมกร ชงคม คาร์ลอต ต่างคิดว่านี่คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ เพราะเขมชาติไม่เคยมองใครด้วยสายแบบนี่มาก่อน ไม่เคยมองใคร เหมือนกับที่มองพริมโรส
ส่วนพิชชภรณ์นั้นยิ้มอย่างดีใจกับพี่สาวของตัวเองที่มีคนรักกับเขาเสียที เพราะเธอคิดว่าชาตินี้จะไม่มีโอกาสได้เห็นพริมโรสลงเอยกับใคร เสียแล้ว
“พี่เขมไม่เห็นบอกผมก่อนเลยว่ารู้จักกับพี่พริม” เขมกรพ้อพี่ชาย
“พี่เตือนแล้วไงว่าถ้านายไม่รู้จักเลือกทางเดินด้วยตัวเอง...จะมีใครบางคนแถว ๆ นี้ไม่ยอมยกน้องสาวให้...จริงไหม” เขมชาติตอบเขมกรอย่างอารมณ์ดีก่อนจะหันหน้ามาถามหญิงสาวที่ยังยืนนิ่งอยู่ข้าง ๆ ตัว
“แต่เมื่อกี้...ตอนผมบอกว่าพี่พริมมาเยี่ยมไม่เห็นพี่จะรู้จักเลยนี่ครับ” น้องชายถามด้วยความงุนงง
“ก็พี่ไม่เคยเรียกอย่างนี้นี่...ใช่ไหมที่รัก” หยอดคําหวานใส่คนข้าง ๆ อีกรอบ แต่ดูเหมือนว่าพริมโรสจะนิ่งเป็นหินไปแล้ว
“อ๋อ...โรสเป็นชื่อที่คนที่บ้านเรียกค่ะ เราเรียกตามคุณป้า...แม่ของพี่พริมค่ะ ท่านชอบดอกพริมโรส ตอนเด็ก ๆ ท่านชอบเรียกพี่พริมว่า เจ้าดอกพริมโรส แต่บรรดาเพื่อน ๆ ของพี่พริมที่เรียกว่า พริม เฉย ๆ ค่ะ” เขมชาติเข้าใจก็คราวนี้เพราะคําเฉลยของพิชชภรณ์
...เจ้าดอกพริมโรส...พริมโรสของผม...
เมื่อเขมชาติปล่อยพริมโรสให้เป็นอิสระแล้ว แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะยังคงนิ่งไม่ขยับเขยื้อนไปไหน เพราะยังจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ที่แน่ ๆ เธอโกรธอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน