สงครามเย็น

1515 Words
ตอนที่ 13 เขมชาติหันมามองคนข้าง ๆ เป็นระยะ ๆ ว่าหญิงสาวจะนั่งเงียบได้นานแค่ไหน ก่อนจะหันไปมองปรามลูกน้องที่คอยมองมาอย่างอยากรู้ จากหันบ่อย ๆ ก็เปลี่ยนท่านั่งเสียใหม่ โดยหันมามองคนข้าง ๆ อย่างเต็มตา ขาข้างหนึ่งยกขึ้นมาวางบนเบาะที่นั่งในขณะที่แขนข้างเดียวกันวางพาดบนพนักพิง แล้วตั้งหน้าตั้งตาจ้องอย่างจริงจัง เพราะเขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า พริมโรสจะทนได้นานแค่ไหน ถ้าถูกจ้องระยะเผาขนอย่างนี้ หญิงสาวยังคงนิ่งไม่ไหวติงเหมือนเดิม หลังที่เอนพิงเบาะอย่างสบาย มือกอดอกกับสายตาที่มองออกไปนอกรถ ทําให้ ชายหนุ่มรู้สึกขัดใจที่ไม่ได้รับความสนใจจากเธอ เขมชาติจึงใช้โอกาสนี้สําหรับพริมโรสอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้ง สาวสวยผู้มีดวงหน้าหวานซึ้งดุจนางในวรรณคดี ไม่ว่าจะเป็นจมูก ริมฝีปากที่รับกับดวงหน้านั้นได้อย่างพอดี คงจะมีคิ้วกับดวงตาอันคมเข้มที่ตัดกัน แต่มันกลับช่วยเสริมให้หน้า หวานนั้นเด่นขึ้น ถ้ามองเผิน ๆ อาจจะดูเหมือนดุ แต่เมื่อมองดี ๆ จะพบว่าดวงตาคมเข้มคู่นั้น ได้ซ้อนความหวานเอาไว้โดยที่แม้แต่เจ้าตัวยังไม่รู้ นอกจากใบหน้าที่จัดว่าสวยแล้ว พริมโรสยังเป็นผู้หญิงที่จัดว่าสูงมากอีกด้วย ถ้าเขากะไม่ผิดน่าจะประมาณสักร้อยเจ็ดสิบกว่า ๆ เผลอ ๆ อาจจะเกือบร้อยแปดสิบก็เป็นได้ รูปร่างสูงโปร่ง มีนํ้ามีนวลอย่างคนสุขภาพดี ไม่ว่ามองอย่างไร มองมุมไหน ในสายตาของเขมชาติในยามนี้ เขาว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนจะสวยมากไปกว่าหญิงสาวที่เขากําลังมองอยู่ตอนนี้อีกแล้ว เขมชาติก็เพิ่งเข้าใจกับความหมายของคําว่า ความรักทําให้คนตาบอด อย่างถ่องแท้ก็วันนี้เอง วันที่เขาตกหลุมรักใครสักคน ใครสักคน ที่เขาเพิ่งเคยเจอ ใครสักคนที่เขาจะประมาทไม่ได้ พริมโรส...คนที่สวยสะดุดตาตั้งแต่แรกพบ และสะดุดใจเมื่อแรกสบตา คนที่กล้าสบตาเขา คนที่กล้าขัดใจเขา คนที่กอดเขาอย่างปลอบใจแม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ผู้หญิงคนนี้...คนที่เขาตามหา มาตลอดชีวิต “คุณนาย...ไม่เมื่อยบ้างเหรอ หันไปทางเดียวอย่างนั้น เดี๋ยวคอ เคล็ดหรอก” เขมชาติทําลายความเงียบนั้นขึ้นมา เพราะเขาไม่สามารถทนมองพริมโรสได้นาน ๆ โดยที่หญิงสาวไม่สนใจเขาได้ ทําให้ลูกน้องที่ลอบมอง ทางกระจกแอบอมยิ้มด้วยความชอบใจ ที่เห็นเจ้านายตัวเองแพ้สงครามเย็นเป็นครั้งแรก พริมโรสยังคงนิ่งอยู่ท่าเดิม ทําให้เขาเอื้อมมือไปสะกิดตัวหญิงสาวเบา ๆ ก่อนจะเขย่าตัวแรงขึ้น และดูเหมือนวิธีสุดท้ายจะได้ผล เพราะคุณนายระเบียบหันมาแว้ดใส่ทันที “ปลุกอยู่ได้...คนกําลังหลับสบาย” “หลับนี่นะ” คนฟังอุทานอย่างแปลกใจพร้อมกับคําถามที่ลอยอยู่เต็มหน้า...หลับเข้าไปได้อย่างไร แสดงว่าที่เงียบมาตลอดเพราะว่านั่งหลับท่านั้นมาตลอดเลยหรือไง “ก็ใช่นะสิ...ถ้านายต้องทํางานถึงตีสาม แล้วตื่นมาทําอาหารใส่บาตรตอนตีสี่ จากนั้นก็เป็นโปรแกรมงานบ้านยาวตั้งแต่เช้าจนถึงตอนสาย ก่อนจะย้ายไปมีเรื่องกับนายที่บ้านน้อง...นายจะไม่ให้ฉันง่วงได้ยังไง คนอุตส่าห์จะรีบกลับไปนอน” เมื่อมีโอกาสพูด พริมโรสก็พูดไม่หยุด จนคนที่ปลุกต้องมองตาค้าง ก่อนจะพูดเสียงอ่อย ๆ อย่างสํานึกผิดที่รบกวนเวลาพักผ่อนของหญิงสาว แต่จริง ๆ แล้วเขากลับคิดว่า...ไม่น่าปลุกเลย “ผมขอโทษ ใครจะไปรู้ล่ะว่าคุณกําลังหลับอยู่ เห็นมองดูวิวอยู่ข้างอย่างเดียวไม่มองมาทางนี้บ้าง ผมกลัวทางนี้จะน้อยใจ” “ตาไม่หลับ แต่ใจหลับ ไม่เคยได้ยินหรือไง...แล้วต่อให้หลับตายังไง ถ้าใจไม่หลับ นอนไปก็ไร้ผล” คารมคุณนายเธอก็ใช่ย่อย เขมชาติมองอย่างทึ่ง ๆ กับความสามารถพิเศษอีกอย่างที่เพิ่งรู้ เขานึกว่าหล่อนจะเป็นประเภทพูดน้อยต่อยหนักเสียอีก แต่มาถึงตอนนี้เขาคงต้องคิดใหม่อีกครั้ง ว่าทั้งฝีมือและฝีปาก... เธอคนนี้ก็ไม่เป็นรองใคร “ไหนว่าวาดรูปขายไง ไม่เห็นต้องทํางานจนถึงรุ่งเช้าอย่างนั้นเลย หรือว่าคุณทํางานอย่างอื่นด้วย...คุณเดือดร้อนอะไรหรือเปล่า ผมช่วยได้นะ” เขมชาติถามด้วยความสงสัย พร้อมกับเสนอความช่วยเหลือในเวลาเดียวกัน และดูเหมือนคําพูดเขาจะไปสะกิดใจเจ้าหล่อนเข้าอย่างจัง เพราะแววตานั้นมีแวววิตกเล็กน้อยก่อนจะปรับให้เป็นปกติ “นี่นายเคยได้ยินไหม...อารมณ์ศิลปินน่ะ” คุณนายระเบียบพูดกระแทกเสียงในตอนท้าย “อ้อ...อารมณ์ปรวนแปรขึ้น ๆ ลง ๆ ของคุณนี่ใช่ไหม” เขมชาติตอบกลับไปอย่างกวน ๆ “นี่นาย!!!...” พริมโรสพูดเสียงแข็ง “ว่าไงครับ...คุณนายระเบียบ” เขมชาติตอบเสียงนุ่มพร้อมท่าทางยียวนกวนประสาท ก่อนที่สงครามจะเริ่มอีกครั้งตามอารมณ์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของหญิงสาว ยักษ์ไทยฉายาประจําตัวของชงคมที่เจ้าตัวยังไม่รู้ว่ามีคนแอบเรียกเขาอย่างนี้ ก็พูดแทรกขึ้นมาขณะเลื่อนรถมาจอดหน้าบริษัท “ท่านครับ ถึงแล้วครับ” พอพูดจบคาร์ลอตก็เดินลงจากรถมาเปิดประตูให้เขมชาติ ก่อนจะวิ่งอ้อมไปอีกข้างเพื่อจะเปิดประตูให้หญิงสาวคนเดียวที่นั่งมาด้วย แต่คงจะช้าไม่ทันใจคุณนายท่าน เพราะร่างบางได้เปิดประตูลงจากรถแล้วเรียบร้อย เขมชาติเดินมาแย่งกระเป๋าใบใหญ่ของพริมโรสก่อนจะส่งต่อให้คาร์ลอตเป็นคนถือ หญิงสาวได้แต่ยืนมองด้วยความไม่พอใจที่ยักษ์ใหญ่ถือวิสาสะทําอย่างนั้น แต่เธอก็ทําอะไรไม่ได้ เพราะชายหนุ่มโอบเอว ขณะพาเดินเข้าไปในตัวอาคาร “ปล่อยฉัน...ฉันเดินเองได้” พยายามจะดันตัวให้หลุดจากอ้อมแขนแข็งแรง แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะยักษ์ใหญ่ไม่ยอมปล่อย แถมยังกระชับร่างสูงโปร่งเข้ามาชิดยิ่งขึ้น “ปล่อยได้ยังไง...เดี๋ยวคุณหลับไปใครจะรู้ ถ้าเกิดจู่ ๆ คุณลงไปกองกับพื้นคนอื่นเขาจะมองว่าผมใช้งานคุณหนัก...มันไม่ดีรู้ไหม” กระซิบบอกเบา ๆ พร้อมด้วยแววตาที่มองมาอย่างมีเลศนัย “ฉันไม่ใช่ลูกน้องของนายสักหน่อย...เขาจะคิดว่านายใช้งานฉันหนักได้ยัง...” พริมโรสเถียงแต่ก็ต้องชะงัก เพราะเพิ่งนึกออกว่าคําพูดสองแง่สองง่ามที่เขมชาติเอ่ยมานั้นมีความหมายในด้านใดได้บ้าง หน้านวลนั้นก็ร้อนผ่าวขึ้นมาเรื่อย ๆ ก่อนจะก้มหน้าหลบ เขมชาติที่ก้มจับตามองเธออยู่ก่อนแล้ว “เวลาคุณเขินนี่ดูเป็นผู้หญิงขึ้นเยอะเลยนะ” เขมชาติแซวพริมโรสที่กำลังหน้าแดง ดูแล้วตอนนี้เธอเซ็กซี่มาก “คิดว่าฉันเป็นผู้ชายหรือไง...เฮ้!! อย่าบอกนะว่านายมีรสนิยมเพศ เดียวกันน่ะ” คุณนายระเบียบสวนขึ้นมาบ้าง “ถ้าคุณยอมรับว่าเป็นผู้ชายแปลงเพศมา...ผมก็จะยอมรับว่าใช่” “.....” นํ้าเสียงที่ตอบอย่างหนักแน่นทําเอาพริมโรสถึงกับพูดไม่ออก ได้แต่เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มอย่างเจ็บใจที่เถียงต่อไม่ได้ ก่อนจะหันไป มองทางเดินแทนเพราะทนสบตาวาว ๆ ของคนตัวโตกว่าไม่ได้ ‘คนบ้า...เสาไฟฟ้าเอ้ย!!!’ ที่พริมโรสเรียกเขมชาติในใจว่าเสาไฟฟ้าคงจะไม่ผิดนัก เพราะรูปร่างสูงใหญ่เกินมาตรฐานชายไทยไปมาก ด้วยความสูงร้อยเจ็ดสิบห้าของพริมโรส ที่ใคร ๆ แอบเรียกเธอหลับหลังว่า 'นางยักษ์' เนื่องจากความสูงและความดุที่ไม่มีขีดจํากัดของตัวเธอเอง ทําให้ไม่มีใครกล้ามาจีบหรือจะพูดให้ถูกคือ ไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าเข้าใกล้ เจ้าตัวว่าเธอสูงแล้วแต่ก็ยังสูงแค่ปลายคางของชายหนุ่ม ทําให้พูดแต่ละครั้ง ต้องเงยหน้าขึ้นมอง พริมโรสเพิ่งเข้าใจก็ตอนนี้เองที่เพื่อน ๆ ต่างบ่นว่า คุยกับเธอแล้วเมื่อยคอ ความรู้สึกนั้นมันเป็นอย่างไรก็ตอนนี้เอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD