บทที่9 เป็นส่วนหนึ่งของเธอ

2435 Words
ณ โรงแรมหรูปราภัทรสรหันไปมองมีนาที่นั่งข้างๆ กำลังก้มหน้าเหมือนพิมพ์ข้อความอะไรอยู่แล้วหันกลับมาทางเดิมด้วยความแคลงใจในตัวเพื่อน "นา" ปราภัทรสรเอ่ยเรียกขึ้น "มีอะไรเหรอ ว่ามาสิ" มีนาเงยหน้าขึ้น "เมื่อคืนวันก่อนหลังออกมาจากผับ นากลับกี่โมงเหรอ" "ออกมาก็กลับเลย ทำไมเหรอ" "เปล่า นาว่าโอมเขาเป็นคนยังไง" "อะไรกัน อยู่ๆ ก็มาถามแบบนี้" มีนาเริ่มเป็นกังวล "ตอบมาเถอะ ตามความคิดของนาเลย" ปราภัทรสรส่งยิ้มให้มีนา "ก็ได้ เท่าที่เราเห็นนะ โอมเขาก็เป็นคนเรียบง่าย ขยัน เอาใจเก่ง ที่เหลือก็แล้วแต่แก้มจะมองแล้วแหละ" "นาชอบโอมไหม หรือเคยอยากจะใกล้ชิดเขามากกว่าที่เป็นหรือเปล่า" ปราภัทรสรเอ่ยถามออกไปตรงๆ เมื่อนึกถึงภาพที่มีนาใกล้ชิดกับคมกฤษในผับคืนก่อน "แก้มถามอะไร โอมเขาเป็นแฟนของแก้มนะ" "ตอบมาเถอะ เราไม่ว่าอะไรหรอก" "เอ่อ....เราไม่ชอบหรอก ไม่อยากใกล้ชิดอะไรทั้งนั้นแหละ โอมเป็นแฟนแก้มเราจะชอบได้ยังไงกัน จริงไหม" มีนาหัวเราะขบขัน "แล้วถ้าโอมเขาชอบนาล่ะ" "ไม่มีทาง ในใจเขามีแต่แก้ม ไม่มีทางไปชอบใครหรอก " "นั้นสินะ พอดีเย็นนี้เรานัดกับโอมไปทานข้าวดูหนังกัน นาไปด้วยกันนะ" "จะดีเหรอ นาไม่อยากไปเป็น กคข.ของใคร" "ไม่หรอก อย่าลืมสิว่าเราเป็นเพื่อนกัน ไม่ใช่คนอื่น อีกอย่างโอมเขาบอกว่าจะตามใจแก้มทุกอย่าง ต่อให้แก้มจะให้เขาไปปีนเขาสูงเขาก็ต้องทำให้ได้" "มีอะไรหรือเปล่า แก้มพูดเหมือนโอมเขาไปทำอะไรผิดมา" "ใช่ ตอนนี้แค่เล็กน้อย แต่ที่แก้มยังไม่รู้ ไม่รู้ว่ามีหรือเปล่า" "แก้มไม่ไว้ใจโอมเหรอ" มีนาถามหยั่งเชิง "ไว้ใจสิ ไว้ใจมากด้วย แต่ก็ไม่รู้ว่าความเรียบง่ายไม่หวือหวาของแก้ม ไม่ตามใจเขาในสิ่งที่ต้องการ มันจะทำให้โอมเปลี่ยนไปไหม" "นา ว่าไม่หรอก โอมเขารักแก้มจะตาย" "รักใครก็พูดได้ทั้งนั้น แต่ความรู้สึกลึกๆ ใครจะรู้" "แก้มพูดแบบนี้เหมือนกำลังระแวงโอมเขาเลย" "ระแวงเหรอ มันก็มีกันทุกคู่แหละ เพราะเรายังไม่ได้ใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกัน มีอิสระเต็มที่" "แล้วสมมุติว่าโอมเขาไม่ได้เป็นอย่างที่แก้มหวังล่ะ แก้มจะทำยังไง" "ต่างคนต่างไปแค่นั้น" "แล้วถ้าโอมตามตื้อล่ะ" "ต่อให้ตามแค่ไหน คนหมดรักแล้ว ไม่ว่าจะยกเหตุผลร้อยแปดมาอ้าง ก็ไม่มีทางกลับไป สำหรับแก้มคิดแบบนี้ แต่สำหรับคนอื่นแก้มไม่รู้" "นาเข้าใจ" มีนาก้มหน้าลงมองมือตนเอง "ทำงานต่อเถอะ" ปราภัทรสรหันไปมองหน้าจอคอมพิวเเตอร์แล้วสลัดเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับงานทิ้งไป ที่เธอตัดสินใจถามมีนาออกไปตรงๆ เพื่อนำมาชั่งน้ำหนักในความน่าจะเป็นเท่านั้น หากว่ามีมูลจริงๆ สักวันความจริงคงจะปรากฏขึ้นมาเอง เวลาล่วงเลยไปจนถึงช่วงเย็นหลังเลิกงานภายในห้องสรรพสินค้าชื่อดัง ภายในร้านอาหารร้านหนึ่งปราภัทรสรกับคมกฤษและมีนากำลังนั่งทานมื้อเย็นด้วยกันด้วยความรู้สึกที่ต่างกัน คมกฤษรู้สึกกังวลใจกลัวความลับแตกที่มีนามาด้วย ส่วนมีนาดีใจจนเนื้อเต้น ส่วนปราภัทรสรสบายๆ ไม่มีอะไรต้องคิดมาก "โอมเป็นอะไรหรือเปล่า วันนี้ดูเงียบๆ เหนื่อยใช่ไหม" ปราภัทรสรเอ่ยถามชายหนุ่มข้างกายขึ้น "อืม นิดหน่อยน่ะ" "เดี๋ยวไปดูหนังคงจะผ่อนคลายลง ทานเยอะๆ นะ จะได้มีแรง" มือบางยื่นกุมจับชายหนุ่มเอาไว้ "ครับ" "ทานอันนี้หน่อยนะ โอม" มีนาตักปลาใส่จานให้คมกฤษอย่างลืมตัวคิดว่ามากันแค่สองคน "นา ก็เหมือนกันทานเยอะๆ นะ" ปราภัทรสรตักยำทะเลรวมใส่จานให้มีนาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม "ขอบใจนะ" มีนายิ้มรับ "แก้ม ตัดสินใจแล้วนะ ว่าจะไปทำงานที่บริษัทกับโอม สิ้นเดือนนี้" "จริงเหรอ โอมดีใจจังเลย" คมกฤษยิ้มกว้าง "อะไรกัน ทำไมเร็วจังเลย นายังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย" มีนาเอ่ยขึ้น "ไหนว่าไม่มีแก้ม นาก็อยู่ได้สบายไม่ใช่เหรอ" ปราภัทรสรเอ่ยยิ้มแย้ม "ก็คนเคยอยู่ด้วยกัน จะไปจริงๆ มันก็แอบใจหายนี่นา" "ไว้แก้มจะโทรหาบ่อยๆ นะ อีกอย่างที่แก้มตัดสินใจไปทำงานกับโอม ก็เพราะแก้มอยากจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของโอมบ้าง อยากรู้ว่าโอมทำงานยังไง คุยกับใครบ้าง ก่อนที่เราจะหมั้นหมายกัน " "แก้มพูดแบบนี้ เหมือนกำลังจะจับผิดโอมเลยนะ" คมกฤษเริ่มจะนั่งไม่ติด "เปล่าสักหน่อย โอมไม่ได้ทำอะไรผิดจะกลัวทำไม หรือว่ามี" ปราภัทรสรหันไปส่งยิ้มให้คมกฤษ "เปล่าไม่มี ไม่มีร้อยเปอร์เซ็นต์" "เราว่าโอมไม่มีหรอก แก้มอย่าคิดมากเลย" มีนาเอ่ยเสริมขึ้น "จ้ะ" ปราภัทรสรยิ้มรับ ทันทีที่ทั้งสามคนเข้าไปภายในโรงหนังกว้างปราภัทรสรก็จัดแจงที่นั่งให้คมกฤษนั่งระหว่างกลางเธอกับมีนาซึ่งนั่งขนาบข้างทั้งซ้ายขวาของชายหนุ่ม ระหว่างที่นั่งดูหนังกันไปในความมืดมีนาก็แอบยื่นมือบางไปจับกุมมือของคมกฤษของไว้ ส่วนมืออีกข้างของคมกฤษก็จับกุมมือของปราภัทสรสรเอาไว้ "โอมไปส่งนาก่อนนะ แล้วค่อยไปส่งแก้มที่บ้าน" ปราภัทสรเอ่ยขึ้นเมื่ออกมาจากโรงหนัง "เอางั้นเหรอ" คมกฤษหน้างุนงง "ทำไมเหรอ" ปราภัทรสรถามกลับ "ปกติแก้มจะให้โอมไปส่งแก้มก่อนทุกครั้ง แต่ทำไมครั้งนี้ถึงให้ไปส่งนาก่อนล่ะ" มีนาเอ่ยถามขึ้น "แก้มอยากเปลี่ยนบ้างน่ะ ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม" ปราภัทรสรมองหน้าทั้งสองคนสลับกันไปมา "ไม่มีจ้ะ" มีนายิ้มแห้ง "ไปกันเถอะ" คมกฤษเดินนำออกไปตรงลานจอดรถ หลังจากที่ไปส่งมีนาถึงที่บ้านภายในรถก็ปกคลุมไปด้วยความเงียบ ท่าทางของปราภัทสรที่ดูเปลี่ยนไปมันทำให้คมกฤษอ่านไม่ออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ชายหนุ่มอดที่จะกังวลระแวงขึ้นมาไม่ได้ "แก้มไม่สบายหรือเปล่า" "เปล่า" หันหน้าไปหาชายหนุ่มยิ้มมุมปาก "แก้มดูเปลี่ยนไปนะ" "ยังไงเหรอ" "จริงๆ วันนี้เราควรจะไปดูหนังทานข้าวกันแค่สองคน ทำไมถึงชวนนาไปด้วย โอมไม่เข้าใจ" "ทำไมล่ะ ไหนโอมบอกว่าจะตามใจแก้มทุกอย่างไง ปกติทุกครั้งแก้มก็ชวนนาอยู่แล้ว " "นั้นมันก็ใช่ แต่เราตกลงกันตั้งแต่แรกว่าจะไปกันแค่สองคน โอมแค่อยากจะมีเวลาส่วนตัวกับแก้มบ้างก็เท่านั้น" "แก้มรู้ ไว้เราค่อยหาโอกาสไปกันสองคนอีกทีนะ" "ครับ" "ว่าแต่หลังจากโอมไปส่งแก้มแล้ว จะไปไหนต่อเหรอ ไปผับหรือเปล่า" "โอมเหนื่อยไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ กลับคอนโดนอนพักดีกว่า" "ดีจัง ฝันดีนะคะ" ยื่นหน้าไปเข้าไปหอมสากฟอดหนึ่งแล้วก้าวลงจากรถเข้าบ้านไป ด้านมีนาหลังจากกลับถึงบ้านเธอก็นั่งรอสายจากคมกฤษด้วยความร้อนใจ เธอจะต่อสายหาชายหนุ่มก็ไม่ได้ เพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะอยู่ในรถกับปราภัทสรจะทำให้มีพิรุธกันไปใหญ่ ส่วนคมกฤษพอแล่นรถไปถึงคอนโดก็ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาด้วยความกลัดกลุ้มเขาไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงกับสถานการณ์ในตอนนี้ดี เขาไม่อยากจะเสียใครไปเลยสักคน ถอนหายใจแรงๆ แล้วต่อสายหามีนาทันที "ฮัลโหล นา" กรอกเสียงใส่ปลายสาย "นา กำลังรอสายโอมอยู่พอดีเลย" "นาไปทำอะไรให้แก้มสงสัยหรือเปล่า ท่าทางแก้มเขาแปลกๆ ยิ่งสังสัยว่าเราชอบนาอยู่" "อะไรนะ หมายความว่ายังไง" มีนาตกใจในสิ่งที่ได้ยิน "ก็ตอนเช้าที่คอนโดเมื่อวันก่อนน่ะ แก้มตื่นขึ้นมาก็ร้องไห้หาว่าเราชอบนา สนใจแต่นา ไม่สนใจตัวเองเลย" "แล้วโอมว่ายังไงบ้าง" "ก็ปฏิเสธไปนะสิ เกลี้ยกล่อมอยู่นานกว่าจะหายโกรธ" "ไม่น่าล่ะ เมื่อตอนกลางวันอยู่ๆ ถึงได้ถามนาว่าชอบโอมไหม แก้มคงจะเริ่มระแวงสงสัยเราสองคนแล้วล่ะ" "คงได้แต่สงสัยน่ะ ช่วงนี้อย่าทำตัวมีพิรุธก็แล้วกัน จนกว่าแก้มจะไปทำงานที่บริษัท" "แล้วเราสองคนล่ะ" มีนาเอ่ยเสียงอ่อน "ก็มาเจอกันที่คอนโดบ้างเหมือนปกตินั้นแหละ เราจะโทรหาก็แล้วกัน แต่อาจจะไม่บ่อยมากนะ ช่วงนี้คงต้องเอาใจแก้มเขาไปก่อนน่ะ" "อืม เราเข้าใจ" หลายสัปดาห์ต่อมา ปราภัทรสรกับมีนายืนกอดกันกลมอยู่ตรงหน้าโรงแรมหลังเลิกงาน เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ทั้งสองคนจะเจอกันที่นี้ในฐานะเพื่อนร่วมงาน จนคมกฤษแล่นรถมาจอดเทียบทั้งคู่จึงผลักออกจากกัน "โอมมาแล้ว แก้มรีบขึ้นรถไปเถอะ" มีนาเอ่ยขึ้น "ไปทานข้าวด้วยกันนะ " ปราภัทรสรเอ่ยชวน "ไม่ดีกว่า แก้มไปเถอะ เรากลับก่อนนะ" มีนารีบเดินจากไป "หมู่นี้ นาเป็นอะไรก็ไม่รู้ทำตัวแปลกๆ" ปราภัทสรเอ่ยขึ้นทันทีที่ขึ้นไปนั่งบนรถ "ยังไงเหรอ" เสียงทุ้มถามกลับ "ก็ชวนไปไหน ก็ไม่ยอมไป ก่อนหน้านั้นไปด้วยกันตลอด" "คงจะเกรงใจล่ะมั้ง ช่างเขาเถอะ" คมกฤษโล่งใจที่มีนาทำตามที่เขาบอก "อืม คงจะอย่างนั้นแหละ" "ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ เราจะได้อยู่ด้วยกันสองคน" "ดีสำหรับโอมล่ะสิ ไม่ว่า" มองค้อนชายหนุ่ม "หึ ทานร้านไหนดีวันนี้" คมกฤษหัวเราะให้กับท่าทางของแก้ม "ชาบูได้ไหมคะ" "ครับ จัดให้ตามคำขอ" รีบแล่นรถไปข้างหน้า ณ บริษัทผลิตอะไหล่เครื่องใช้ไฟฟ้าปราภัทรสรเดินตามหลังมาลากับคมกฤษไปติดๆ เพื่อไปทำความรู้จักกับหัวหน้าแต่ละแผนกในบริษัทที่ใหญ่โตและทันสมัย จากนั้นก็พาเธอไปยังโซนผลิตซึ่งมีทั้งคนและเครื่องจักรทำงานอยู่ตลอดเวลา พาเธอดูคร่าวๆ พอสมควรแล้วพาไปนั่งพักจิบกาแฟในห้องทำงานรองประธานบริษัทซึ่งคมกฤษดำรงตำแหน่งอยู่ "ว่าไงจ๊ะ หนูแก้มตัดสินใจได้หรือยัง ว่าอยากทำงานแผนกไหน" มาลาเอ่ยเปิดประเด็นขึ้น "เอ่อ...คุณแม่พอจะมีงานที่ทำกับโอมไหมคะ แก้มอยากทำงานอะไรก็ได้ที่อยู่ใกล้ๆ โอมค่ะ" "แก้ม" คมกฤษมองหน้าปราภัทสรไม่อยากจะเชื่อหูตนเองว่าเธอจะพูดแบบนี้ออกมา "คงจะมีแต่เลขาส่วนตัวแล้วแหละจ้ะ" "แต่ผมมีเลขาแล้วนะครับ แม่" "โอมพูดแบบนี้ แสดงว่าไม่อยากให้แก้มอยู่ใกล้ๆ สินะ" "นั้นสิ จะหมั้นกันอยู่แล้ว ให้หนูแก้มไปช่วยอีกคนจะเป็นไรไป จะได้แบ่งเบางานส้มเขาด้วย" "ตามใจครับ ผมยังไงก็ได้อยู่แล้ว" คมกฤษแอบลอบถอนหายใจ "ขอบคุณมากนะคะ คุณแม่" ปราภัทรสรยิ้มกว้าง "จ้ะ" มาลายิ้มรับ ปราภัทรสรเดินตามหลังคมกฤษไปจนไปถึงลานจอดรถ อยู่ๆ ชายหนุ่มก็หันมามองหน้าเธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ในใจ "โอมมีอะไรหรือเปล่า" "เราไม่เข้าใจในสิ่งที่แก้มกำลังทำ" "แก้มทำอะไรเหรอ" ปราภัทรสรตีหน้าชื่อ "ทำไมต้องอยากเป็นเลขาของโอมด้วย ทั้งที่ก็รู้ว่าโอมก็มีเลขาอยู่แล้ว" "แก้มแค่อยากอยู่ใกล้ๆ โอม ทำงานด้วยกัน หรือว่าโอมไม่ชอบให้แก้มอยู่ใกล้ๆ " จ้องมองหน้าชายหนุ่ม "เปล่า ถ้าเราทำงานด้วยกันมันอาจจะมีปัญหา เพราะความเกรงใจ" "โอมแค่คิดเสียว่าแก้มเป็นลูกจ้าง โอมเป็นเจ้านาย แค่นั้นก็จบแล้ว" "แน่ใจนะ ว่าอยากทำงานกับโอมจริงๆ ไม่ใช่จ้องจะจับผิดกัน" "ทำงานจริงๆ หรือว่าโอมมีอะไรให้จับผิดล่ะ" "ไม่มี" เอ่ยเสียงเรียบเปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถทันที วันต่อมา ปราภัทรสรมาถึงบริษัทแต่เช้าตรงขึ้นไปยังห้องผู้บริหารชั้นบน จัดเรียงเอกสารบนโต๊ะของเลขาประจำหน้าห้องรองประธานบริษัทอย่างเป็นระเบียบมากขึ้น พอส้มเลาขาประจำมาถึง ปราภัทรสรก็เอ่ยปากให้เธอสอนงานทันที เมื่อปราภัทรสรเห็นตารางนัดหมายของคมกฤษก็ไม่แปลกใจที่ชายหนุ่มจะเหนื่อย ทั้งประชุมงาน นัดลูกค้าคุยงานทานข้าว และเอกสารที่วางอยู่เต็มโต๊ะข้างในห้องอีก แต่บางวันแทบจะไม่มีเลยมองในแง่ดีชายหนุ่มคงนอนพักผ่อนอยู่คอนโดหรือไม่ก็ที่บ้าน "ส้มผมขอกาแฟด้วยนะ" คมกฤษเดินเข้ามาเงียบๆ ผ่านร่างบางเข้าไปข้างในห้อง "พี่ส้ม ไม่ต้องค่ะ แก้มจัดการเอง" "จ้ะ" ร่างบางรีบไปชงกาแฟตามสูตรที่ชายหนุ่มชอบอย่างรู้ใจ แล้วยกเข้าไปข้างในห้องทันที "กาแฟหอมๆ มาแล้วค่ะ" มือบางยกวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะอย่างเบามือ พลางมองหน้าชายหนุ่มที่เอาแต่จ้องหน้าเธออยู่ก่อนแล้ว "ยังระแวงโอมอยู่ใช่ไหม" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น "เอ่อ...ดื่มกาแฟเถอะค่ะ มีอะไรก็เรียกนะคะ" ร่างบางทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง "ยังเชื่อใจ และรักโอมอยู่ใช่ไหม" "รักสิ รักมากด้วย แต่ไม่รู้ว่ามันจะเพียงพอให้โอมรักษามันได้ตลอดไปไหม" มองสบสายตาชายหนุ่ม "มานี่หน่อยสิ" ได้ยินอย่างนั้นร่างบางก็เดินเข้าไปใกล้ๆ ชายหนุ่มถูกมือหนาคว้ารวบตัวลงไปนั่งบนตักแกร่งด้วยความรวดเร็ว เธอจึงตกอยู่ในอ้อมแขนแกร่งไปโดยปริยาย ต่างคนต่างก็จ้องมองตากันไปมาด้วยความวูบไหว ไม่กี่อึดใจริมฝีปากหนาก็ประกบจูบริมฝีปากบางอย่างนุ่มนวลชวนให้ไหวหวั่นเคลิบเคลิ้ม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD