บทที่ 3 ออกจากป่าเพื่อกลับบ้าน 1

1776 Words
บทที่ 3 ออกจากป่าเพื่อกลับบ้าน หลังจากตัดสินใจว่าจะพาเหอเจ่อฮั่นกลับไปให้ผู้เป็นตารักษา เย็นวันนั้นซ่งหานหลิ่งก็จัดการเก็บข้าวของทุกอย่างทั้งในครัวและในห้องนอนใส่ลงในแหวนมิติ กระทั่งรุ่งเช้ามาถึงชายหนุ่มก็พาเด็กน้อยในร่างผู้ใหญ่ออกเดินทางในทันที ตรงจุดที่ซ่งหานหลิ่งสร้างบ้านอาศัยอยู่นั้นใกล้กับยอดเขาสูง ห่างออกไปไม่ไกลก็จะพบกับธารน้ำตกที่ไหลทอดยาวไปสู่พื้นดินเบื้องล่าง และด้วยความที่เขาไม่ได้ออกจากป่าแห่งนี้มาห้าปีแล้ว แน่นอนว่าเขาย่อมจำเส้นทางที่ตนเองใช้เดินเข้ามาไม่ได้ ดังนั้นการที่จะออกจากป่าแห่งนี้ได้โดยไม่ต้องเดาทางมากนัก ก็คือต้องเดินลัดเลาะตามแนวทางการไหลของน้ำตกไป “ท่านอาฮั่นเอ๋อร์อยากเล่นน้ำ!” เหอเจ่อฮั่นเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศกันเงียบสงัด เดินทางมาครึ่งค่อนวัน แต่ซ่งหานหลิ่งผู้นั้นก็ไม่แม้แต่จะเอ่ยปากถามไถ่เขาเลยสักคำ ถ้าหากว่าเขากลายเป็นเด็กไปจริงๆ คงรู้สึกหวาดกลัวคนผู้น้อย คนถูกเรียกปรายตามอง ทว่าก็ไม่ได้เอ่ยคำใดออกไป หากอีกฝ่ายกลายร่างเป็นเด็กน้อยตัวเล็กๆ ที่เขาสามารถอุ้มได้ ป่านนี้เขาก็คงจะพาอีกฝ่ายทะยานไปตามยอดไม้ด้วยวิชาตัวเบาแล้ว แต่นี่อีกฝ่ายกลับกลายเป็นเด็กแต่เพียงนิสัยและจิตวิญญาณ การจะอุ้มอีกฝ่ายเหาะเหินไปในอากาศนั้นจึงเป็นเรื่องไม่ง่ายดายนัก “ท่านอา~” เหอเจ่อฮั่นลากเสียง ทว่าเขาก็ยังไม่ได้รับความสนใจเท่านัก ซ่งหานหลิ่งผู้นี้ช่างเย็นชาเสียจริง ทว่าเมื่อเรียกแล้วเรียกอีกซ่งหานหลิ่งก็ไม่หัน เหอเจ่อฮั่นจึงทำได้เพียงก้าวตามอีกฝ่ายไปเงียบๆ ขอแค่อาหลิ่งยอมย่างเท้าออกไปจากป่าแห่งนี้ ต่อให้อาหลิ่งไม่เอ่ยพูดกับเขาไปตลอดทางก็ไม่นับว่าเป็นอะไร “ใกล้ค่ำแล้ว หาที่พักแถวนี้ก่อนก็แล้วกัน” ซ่งหานหลิ่งเอ่ยขึ้นในที่สุด ชายหนุ่มเดินไปหากิ่งไม้แห้งน้อยใหญ่มาก่อไฟ เขาบอกให้เหอเจ่อฮั่นรออยู่บริเวณนี้ ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับแต่โดยดี ในสายตาของซ่งหานหลิ่ง เหอเจ่อฮั่นในยามนี้คือผู้ป่วยที่ถูกพิษของไก่เจ็ดสี เป็นเหตุให้อีกฝ่ายเลอะเลือนและกลายเป็นคนมีนิสัยเด็กน้อยไป ทว่าเหอเจ่อฮั่นในความจริง คือบุรุษผู้แสร้งทำตัวเป็นเด็กน้อยเพื่อเรียกร้องความสนใจจากซ่งหานหลิ่ง เอ๊ะ? “ท่านอา ฮั่นเอ๋อร์ก่อไฟได้แล้ว ฮั่นเอ๋อร์เก่งหรือไม่ขอรับ” เหอเจ่อฮั่นเอ่ยถามพร้อมทั้งฉีกยิ้ม “อืม...เก่ง” ซ่งหานหลิ่งเอ่ยชมหนึ่งคำ ทำเอาคนได้รับคำชมยิ้มแป้นกว่าเดิม ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปตอนที่กองไฟของสองบุรุษสุกสว่างกำลังดี ซ่งหานหลิ่งนำเนื้อหมูป่าตากแห้งจากในแหวนมิติออกมาย่าง กลิ่นหอมของเนื้อแห้งย่างไฟอ่อนๆ ลอยเข้าจมูกของเหอเจ่อฮั่นจนเขาเผลอกลืนน้ำลายไปหลายอึก “กินเสร็จแล้วก็มานอนตรงนี้” ซ่งหานหลิ่งพยักพเยิดหน้าไปทางซ้ายมือของตนเอง เหอเจ่อฮั่นพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย เขาเดินไปยังพื้นที่มีกิ่งไม้ใบไม้ปูซ้อนกันไว้หลายชั้น ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลง “แล้วจะ...ท่านอาจะนอนตรงไหน” “เจ้ารีบนอนเถอะ ไม่ต้องเอ่ยถามอะไรให้มากความ ให้นอนก็นอนไป” ซ่งหานหลิ่งตอบกลับ กลางป่าลึกที่แสนจะเงียบสงัดทว่าเต็มไปด้วยอันตรายแห่งนี้ จะมีอะไรให้เขาวางใจจนสามารถหลับตาลงได้กัน โฮกกกกกก! เสียงร้องคำรามของสัตว์ป่าตัวใหญ่กระตุ้นให้เหอเจ่อฮั่นที่กำลังหลับอยู่รู้สึกตัวตื่น ทว่าเมื่อกวาดสายมองไปโดยรอบบริเวณที่เขานอนอยู่ กลับไม่พบแม้แต่เงาของซ่งหานหลิ่ง “อาหลิ่ง!” เหอเจ่อฮั่นส่งเสียงร้องเรียก ลางสังหรณ์ใจบางอย่างบอกเขาว่าอีกฝ่ายกำลังตกอยู่ในอันตราย และเมื่อเขาวิ่งมาตามเสียงร้องคำรามนั้น ก็พบเข้ากับร่างของคนที่เขากำลังตามหาอยู่จริงๆ ยามนี้ซ่งหานหลิ่งกำลังต่อสู้อยู่กับเสือดาวตัวใหญ่ ขนาดของมันใหญ่และดูแข็งแรงกว่าเสือดาวทั่วไปมาก มากเสียจนคนที่ไม่เคยเห็นเสือดาวตัวเป็นๆ อย่างเหอเจ่อฮั่นยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง เจ้าตัวโง่งมนั่น! ซ่งหานหลิ่งโอดครวญในใจ เมื่อชายหนุ่มมองไปเห็นเหอเจ่อฮั่นที่ยืนอึ้งตาค้างอยู่ ในขณะที่เขากำลังต่อสู้อยู่กับเสือดาวตัวใหญ่ แต่อีกฝ่ายกลับยืนนิ่งเป็นเป้าให้สัตว์ร้ายพุ่งเข้าโจมตี “อาฮั่นหลบไป!” ซ่งหานหลิ่งร้องบอก ตอนนั้นเองคนโง่งมเช่นเหอเจ่อฮั่นจึงได้รู้สึกตัว “อาหลิ่งข้าจะไปช่วยเจ้า!” เหอเจ่อฮั่นพูดพร้อมชักกระบี่ออกมาจากในแหวนมิติ แล้วพุ่งเข้าไปหาซ่งหานหลิ่งทันที ย๊ากกกก! เหอเจ่อฮั่นร้องนำไปแต่ไกล เสียงร้องของเขาเรียกความสนใจจากสัตว์ใหญ่ตัวนั้นได้ดีทีเดียว เสือดาวตัวนั้นเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ผู้มาใหม่ กรงเล็บแหลมยาวของมันถูกกางออกจนสุดเพื่อหมายเอาชีวิต ซ่งหานหลิ่งรีบรุดกายเข้าไปขวางหน้าเสือดาวตัวนั้นด้วยความไว วรยุทธของเหอเจ่อฮั่นอยู่ในระดับใดตัวเขาเองก็พอจะรู้บ้าง เรื่องจะปล่อยให้อีกฝ่ายเผชิญหน้ากับเสือดาวตัวนี้ คงต้องรอตอนที่เขาบาดเจ็บหนัก หรือไม่ก็หมดลมหายใจตายไปเสียก่อน “หลบไป!” ซ่งหานหลิ่งร้องสั่ง “ไม่! อาหลิ่ง ข้าจะปกป้องเจ้าเอง!” เหอเจ่อฮั่นไม่ฟังที่อีกฝ่ายสั่ง ทั้งยังดึงให้ซ่งหานหลิ่งหลบไปด้านหลังของตนเอง เหอเจ่อฮั่นหันปลายกระบี่ไปที่เสือดาวตัวนั้น ก่อนจะวิ่งเข้าใส่ด้วยความกล้าหาญ กรงเล็บของเสือดาวปะทะกับปลายกระบี่จนเกิดเสียงดัง เหอเจ่อฮั่นรุกใส่เสือดาวตัวนั้นไม่ยั้ง จนซ่งหานหลิ่งหยุดยืนมองอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ เกิดอะไรขึ้นกับเหอเจ่อฮั่นผู้นั้น? หลายปีก่อน ซ่งหานหลิ่งเจอเหอเจ่อฮั่นครั้งแรกในป่าล่องหน โดยที่อีกฝ่ายสายตาพร่ามัวมองไม่เห็นทาง ชายหนุ่มยังจำได้ดีว่าในตอนนั้น เป็นเขาที่ผูกเชือกให้อีกฝ่ายจับเดินเพื่อหาทางออกจากป่าโดยที่ไม่ให้พลัดหลง พอออกจากป่านั้นได้ เขาก็ได้ทำการรักษาดวงตาให้อีกฝ่าย จนนับกันเป็นสหายในที่สุด ไม่น่าเชื่อว่าห้าปีผ่านมา เหอเจ่อฮั่นที่เกือบจะกลายเป็นคนตาบอด มาบัดนี้ได้กลายเป็นยอดฝีมือไปซะแล้ว โฮกกกกกก! เสียงคำรามของเสือดาวดังขึ้นอีกครั้ง ซ่งหานหลิ่งมองตามเสียงไปจึงพบว่าเหอเจ่อฮั่นได้มอบบาดแผลให้เสือดาวตัวนั้นไปเสียแล้ว ฟุบ! เสือดาวตัวนั้นล้มลงที่พื้นอย่างแรง บุรุษทั้งคู่วิ่งเข้าไปหา หมายจะจัดการให้สิ้นฤทธิ์ ทว่าเรื่องน่าประหลาดก็เกิดขึ้นได้อย่างไม่อาจคาดคิด เมื่ออยู่ๆ เสือดาวตัวนั้นก็กลายร่างเป็นผู้หญิง! “ช้าก่อน!” ซ่งหานหลิ่งร้องห้าม เมื่อเหอเจ่อฮั่นง้างกระบี่เตรียมจะปลิดชีพเดรัจฉาน “อาหลิ่ง! ไยจึงมิให้ข้าจัดการมันเสียเลยเล่า หากปล่อยไว้มันจะมาทำร้ายเราได้” เหอเจ่อฮั่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรน ซ่งหานหลิ่งเดินเข้าไปดูใกล้ๆ เสือดาวที่กลายร่างเป็นมนุษย์ด้วยความนิ่งสงบ สองตาของเขากวาดมองทั้งแต่บนจรดล่างอย่างใช้ความคิด ใต้หล้านี้มีสิ่งที่จะกลายร่าง หรือแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้หลายร้อยชนิด ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูรที่มีพลังบำเพ็ญสูงหลายพันหลายหมื่นปี หรือแม้แต่พวกปีศาจที่มีมนตราหรือวิชาแปลงกาย หมอหนุ่มเพ่งพิศสตรีตรงหน้าอย่างใช้ความคิด พลางพินิจว่านางจะอยู่ในจำพวกใด สัตว์อสูรหรือว่าปีศาจ “อาหลิ่ง” ซ่งหานหลิ่งไม่สนใจคนที่กำลังเอ่ยเรียกเขา ชายหนุ่มแหงนหน้ามองดวงจันทร์บนฟ้า ก่อนจะก้มลงมองไปที่ร่างที่นอนอยู่ตรงพื้นใหม่ “เจ้าไม่ใช่สัตว์อสูร เจ้าเป็นตัวอะไร ปีศาจเสือดาวรึ?” ซ่งหานหลิ่งเอ่ยถาม ฝ่ายถูกถามเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม ก่อนจะมองเลยไปยังชายหนุ่มอีกคนที่ยืนถือกระบี่อยู่ด้านหลัง “ข้าไม่ใช่สัตว์อสูร แต่เป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งสัตว์อสูร” “เจ้าเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์? นี่น่าแปลกเกินไปหรือไม่ เป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์ เช่นนั้นเจ้าแตกต่างจากปีศาจอย่างไร อาหลิ่งข้าว่ากำจัดนางทิ้งเสียเถอะ เก็บนางไว้ย่อมไม่เป็นผลดีแน่” ท้ายประโยคเหอเจ่อฮั่นหันไปพูดกับซ่งหานหลิ่ง แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาได้ความเงียบกลับไปเป็นคำตอบ “เจ้าจู่โจมพวกข้าด้วยเหตุผลใด?” ซ่งหานหลิ่งเอ่ยถามอย่างใคร่รู้ ชายหนุ่มไม่เคยได้ยินเรื่องครึ่งคนครึ่งสัตว์อสูรมาก่อน ในใจเกิดความอยากรู้อยากเห็นไม่น้อย เสือดาวสาวมองหน้าชายหนุ่มสองคนด้วยความลังเล คนหนึ่งมีใบหน้าเคร่งขรึมเย็นชา ดูก็รู้ว่าอายุยังไม่เยอะ ต่างจากอีกคนที่ใบหน้ามีเค้าความดุร้าย ทั้งยังเอาแต่ใจ อายุก็คงไม่ได้มากกว่าอีกคนเท่าใดนัก “ข้า...ข้าหิว” เป้าจื่อไป๋เอ่ยตอบไปตามความจริง เดิมทีนางอาศัยอยู่ที่กระท่อมชายป่าด้านล่าง แต่เมื่อหลายวันก่อนกลับมีชาวบ้านมาขับไล่นาง หาว่านางเป็นปีศาจร้ายที่เข่นฆ่าผู้คน พวกเขาคิดจะจับนางเผาทิ้งทั้งเป็น ด้วยความกลัวนางจึงต้องหนีหัวซุกหัวซุนขึ้นมาบนเขา ที่ผ่านมานางใช้ชีวิตตามปกติของมนุษย์ มีเพียงวันที่ดวงจันทร์ส่องสว่างเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ที่นางจะกลายร่างเป็นเสือดาว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD