หลายเดือนต่อมา
“เฟื่องลดาหายไปไหน ผมสั่งคุณให้โทรตามเธอเป็นชาติแล้วทำไมถึงยังไม่มาสักที อีกสิบนาทีผมต้องเข้าประชุมแล้วลูกจะอยู่กับใคร เป็นแม่ประสาอะไรเรื่องแค่นี้ทำไมต้องให้บอกให้สอน!”
“เอ่อ… ใจเย็นๆ ก่อนนะคะคุณภพ คุณเฟื่องเธอยังทำธุระของเธอไม่เสร็จเลยค่ะ ถ้าจัดการเรื่องทางนั้นเสร็จเรียบร้อยเธอบอกจะติดต่อกับมาหารสค่ะ” เลขาสาวตอบคำถามเจ้านายขาวีนขณะจ้ำฝีเท้าเดินตามหลังเขาให้เร็วมากขึ้น ท่านรองประธานหนุ่มสุดหล่อทว่าติดนิสัยขี้เหวี่ยงกำลังเดินตรงไปยังห้องประชุม
ในวงแขนกำยำมีร่างอวบเล็กของเด็กชายวัยสิบเดือนหน้าตาน่ารักชื่อกัปตัน เป็นลูกที่เกิดจากท่านรองกับพนักงานในบริษัท รสรินเพิ่งเข้ามาทำงานตำแหน่งเลขานุการให้รณภพได้ราวๆ ครึ่งปี ไม่ทราบเลยว่าคู่นี้มีความเป็นมาเป็นไปยังไงแต่ก็พอจะมองออกว่าเจ้านายของตนเองไม่ได้ชอบแม่ของลูก
“ก่อนการประชุมจะเริ่มคุณโทรกลับไปย้ำอีกครั้งนะว่าให้รีบกลับบริษัทด่วนที่สุด ถ้ามาไม่ทันทั้งคุณทั้งเฟื่องลดาถูกผมเฉ่งยกกำลังสองแน่!” เอ่ยด้วยความหัวเสียไม่พอใจในตัวผู้หญิงคนนั้นที่ทิ้งลูกไว้กับเขาในช่วงวันเวลาเร่งด่วนเช่นนี้ หล่อนอ้างว่าจำเป็นต้องออกไปทำธุระนอกบ้าน ทั้งที่ก็รู้ว่าวันนี้ที่บริษัทมีการประชุมบอร์ดประจำไตรมาส คนที่บ้านไม่มีใครว่างเลย ยมไปสอบ ป้านงค์กลับไปเยี่ยมบ้าน พ่อแม่ไปทำงานยุโรป น้องฝึกงานก็หยุดฝึกแล้ว คนแถวนี้ก็ติดงานแต่ถึงไม่ติดเขาก็ไม่ไว้ใจให้ใครมาดูแลลูก กลัวจะถูกแกล้งให้มีน้ำตาเหมือนคราวก่อนหน้าที่มีคนใจร้ายมาตีแก
เฟื่องลดาไปทำธุระแต่เช้า ระยะเวลาสี่เดือนเศษๆ ที่เจ้าหล่อนย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังเดียวกับเขา ไม่ช่วยทำให้เขามองหล่อนในแง่มุมที่ดีขึ้นเลย ดูอย่างวันนี้สิก็ทิ้งลูกออกไปข้างนอกอีกแล้วงานการก็ไม่มาทำลางานเฉยเลย
รณภพถอนหายใจเฮือกใหญ่เหนื่อยปนเอือมระอา กระชับวงแขนอุ้มลูกให้แน่นมากขึ้นเพื่อเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปยังห้องประชุมใหญ่สั่งพนักงานให้ช่วยเซ็ตจัดสถานที่เช่นการเสิร์ฟชากาแฟ ของว่าง รวมไปถึงตำแหน่งเอกสารและสไลด์การพรีเซ้นท์ในหัวข้อต่างๆ ทั้งหัวข้อของเขาและรวมไปถึงหัวหน้าแผนกต่างๆ
หนุ่มหล่อนั่งบนเก้าอี้ประธานบริษัทอุ้มลูกนั่งบนตักคอยชี้นิ้วสั่งลูกน้องให้ทำตามคำสั่ง มือใหญ่จับเอวอวบอ้วนของตาหนูกัปตันไม่ให้ลูกซนปีนป่ายลงไปเล่นข้างล่าง ยิ่งโตยิ่งซน ไม่รู้ซนได้ใคร
“คุณภพคะ ทุกอย่างถูกเซ็ตไว้พร้อมใช้งานแล้วค่ะ มีอะไรอยากเพิ่มเติมไหมคะ”
“อากาศ มันเย็นเกินไปสั่งเพิ่มอุณหภูมิขึ้นอีกเดี๋ยวลูกผมไม่สบาย”
“ได้ค่ะ รสจะจัดการให้แล้วจะลงไปรอต้อนรับผู้ถือหุ้นด้านหน้าบริษัทนะคะ”
“ฝากด้วยครับ อ้อ! แล้วอย่าลืม…”
“โทรตามคุณเฟื่อง ได้ค่ะ รสจะรีบโทรหาเธออีกครั้ง”
“อืม!” เบือนใบหน้าไปมองทางอื่นเบื่อคนรู้ทัน รณภพเล่นกับลูกชายยกร่างเล็กขึ้นมากอดมาหอมพักนี้เขาหลงลูกมากเพราะชอบที่ตาหนูหน้าตาเหมือนเขาสมัยเด็ก ไม่ใช่แค่คิดไปเอง แต่ญาติคนไหนเห็นก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหน้าเหมือนและน่ารักมากด้วย แต่เสียอย่างเดียวคือเลือดครึ่งหนึ่งของตาหนูไม่ได้มาจากผู้หญิงที่เขารักหรือผู้หญิงจากตระกูลสูงส่งที่ควรให้ค่าแต่เป็นแค่ผู้หญิงบ้านนาธรรมดา
เด็กชายตัวน้อยคลานเข้ามานอนลงบนที่นอนเล็กที่คุณป๊ะป๋าปูไว้ให้ แกขยับกายขึ้นนั่งเล่นของเล่น ร้องจ๊ะเอ๋เล่นกับคุณป๊ะป๋าใบหน้าอาบเปื้อนไปด้วยความสุข รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ
สักพักคุณเลขารสรินย้อนกลับเข้ามาเขารีบก้มลงดูเวลาก็เห็นว่าได้เวลาแล้ว รณภพมองเลขาแวบเดียวก่อนหอมแก้มอวบๆ ของลูก “นั่งรอตรงนี้อย่าซนนะลูก ป๊ะป๋าทำงานแป๊บเดียวเดี๋ยวมาเล่นด้วย”
“คุณภพคะ ผู้ถือหุ้นทุกท่านมาพร้อมแล้วนะคะกำลังทยอยขึ้นลิฟต์ค่ะ ส่วนคุณเฟื่องเธอฝากมาขอโทษคุณภพ บอกว่ายังจัดการเรื่องเอกสารทางนั้นไม่เสร็จแต่จะรีบกลับมาทันทีที่เคลียร์ได้ค่ะ”
กายกำยำลุกขึ้นจากพื้นวางมือลงบนโต๊ะมองเลขาสายตาจิกๆ “ไม่เป็นไร ถ้าหาคนมาช่วยดูแลไม่ได้ก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน ผมปูเสื่อนอนกับวางของเล่นให้แกใกล้เก้าอี้ของคุณแล้ว”
“ให้… รสช่วยดูแลน้องเหรอคะ ได้ค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ”