“เธอกล้าดียังไงถึงมาตีฝีปากกับฉันด่าฉันว่าไร้สาระ! เจียมตัวเองไว้บ้างนะเฟื่องลดาว่าเธอเป็นใคร ที่มีเงินจ่ายค่าเทอมเรียนจบปริญญาตรี มีงานดีๆ ทำ ก็ไม่ใช่เพราะครอบครัวฉันช่วยอุปการะหรือไง ไหนจะเรื่องแผนเรียนต่อปริญญาโทของเธออีก คิดว่ามีปัญญาจ่ายเองเหรอไง”
“คุณภพ พูดให้ดีๆ หน่อยนะคะ เฟื่องได้ทุกอย่างมาด้วยความสามารถของเฟื่องเอง หลังเรียนจบก็มาใช้ทุนคืนบริษัทแล้วคุณยังจะต้องการอะไรจากเฟื่องอีก ถึงคอยพูดคอยย้ำทวงบุญคุณอยู่เรื่อย”
“เถียงเป็นด้วยโว้ย นึกว่าจะแอ๊บแบ๊วเงียบขรึมไปได้ตลอดรอดฝั่งซะอีก พ่อฉันน่าจะมาเห็นเธอในลุคนี้บ้างนะจะได้เลิกสงสารผู้หญิงจอมมารยาอย่างเธอสักที” จากอารมณ์เสียก็เปลี่ยนโหมดมาเป็นยิ้มสะใจที่สามารถพูดให้เฟื่องลดาโมโหได้
“เฟื่องไม่ได้เถียง เพราะเฟื่องรู้ตัวว่าเถียงคนอย่างคุณไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร เฟื่องแค่แจกแจงเหตุผลให้คนไร้เหตุผลอย่างคุณฟัง ทุนปริญญาตรีของบริษัทกำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครไว้ครบถ้วนทุกประการ เกรดเฉลี่ยของเฟื่องผ่านเกณฑ์ สอบสัมภาษณ์ก็ผ่านแถมยังเรียนจบมาได้ด้วยเกรดรวมที่สูงมากๆ การที่จะได้ทุนเรียนต่อปริญญาโทอีกมันแปลกมากเหรอคะ คนในบริษัทก็ได้ตั้งหลายคนคุณไม่เห็นไปเหน็บแนมไปว่าอะไรเขาเลย ทำไมต้องว่าให้แค่เฟื่องด้วย”
“ก็เพราะว่าด่าเธอมัน ‘สะใจ’ มากกว่าด่าคนอื่นยังไงล่ะ ผู้หญิงที่มีแต่ตัวอย่างเธอฉันจะด่ายังไงก็ได้!”
“คุณรสบอกว่าอีกไม่ถึงสิบนาทีก็จะถึงเวลาประชุมโครงการ เฟื่องแนะนำให้เอาเวลาด่าเฟื่องไปอ่านหัวข้อการประชุมดีกว่านะคะ อย่างน้อยๆ ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับตำแหน่งคุณมากกว่าจะหาเรื่องพนักงานกินเงินเดือนอย่างเฟื่อง!”
“คนอย่างฉันเก่งมากพอแล้วไม่จำเป็นต้องให้คนเก่งน้อยกว่าอย่างเธอมาสั่งสอน! แล้วก็รู้ไว้ซะด้วยว่าฉันไม่ได้ไร้สาระเรียกเธอมาด่าอย่างเดียว” ว่าจบรณภพก็ดึงกระชากแฟ้มเอกสารเล่มหนาขึ้นมาวางบนกลางโต๊ะ “…เอกสารสัมมนา!”
เฟื่องลดายังไม่ไว้วางใจ นัยน์ตาคู่สวยจากกล้าแข็งเปลี่ยนมาเป็นไหวระริกเลื่อนลงมามองแฟ้มดังกล่าว หัวข้อที่พิมพ์ไว้กลางแฟ้มยืนยันให้มั่นใจว่าเป็นเอกสารที่คุณแขไขบอกว่าจะให้คนนำมาส่งให้ เฟื่องลดาไม่กล้าเดินเข้ามาใกล้โต๊ะทำงานของเขาไปมากกว่านี้ กลัวจะถูกเสือร้ายกระโจนเข้ามาใส่ร่างกายทำให้บาดเจ็บ
ดวงตาเลื่อนไปมองเห็นเขายังนั่งนิ่งไม่มีอากัปกิริยาต่อต้านใดๆ ดังนั้นเฟื่องลดาจึงสาวเท้าเรียวเข้ามาให้ใกล้มากกว่าเดิมแล้วเอื้อมมือยาวไปหยิบเอกสารฉบับนั้น ทว่าเหมือนรณภพกำลังรอจังหวะนี้มานาน รีบส่งกรงเล็บพิฆาตเข้าไปจับล็อกท่อนแขนบอบบางกระชากแรงจนร่างน้อยถลาเข้ามาชนขอบโต๊ะ
“ถ้าเจ็บก็ให้รู้ไว้ว่าฉัน ‘ตั้งใจ’ จะได้หายกันกับที่เธอปากเก่งด่าฉันว่าไร้สาระ!” รณภพดึงยื้อตัวเฟื่องลดาไว้ ดวงตาคมกล้าจ้องมองดวงตาคู่ขลาดเขลา ทำเป็นปากเก่งเถียงเขาฉอดๆ แต่บทเขาเอาจริงหล่อนกลับไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
“แล้วก็จำใส่หัวไว้ว่าฉันไม่ได้เป็นผู้ชายแสนดีสุภาพบุรุษมาจากไหน ฉันยังทำกับเธอได้มากกว่านี้เป็นร้อยเท่าพันเท่าถ้าเธอยังกล้าท้าทายฉัน!” มือใหญ่เลื่อนจากท่อนแขนขึ้นมากุมหัวไหล่บางออกแรงบีบให้หนักมากขึ้น แม้ใบหน้าเฟื่องลดาจะบิดเบี้ยวตามความเจ็บรณภพก็ไม่ได้ผ่อนแรงลงเลย
“ฉันจะไม่พูดถึงเรื่องทุนการศึกษาของเธออีกก็ได้ แต่เรื่องไอ้ฐานัสต่อให้ต้องฆ่าเธอให้ตาย! ฉันก็ไม่ยอมให้เธอหนีไปเสวยสุขกับมันหรอก! นับจากวันนี้เป็นต้นไปห้ามเข้าใกล้ห้ามไปเสนอหน้าหรืออ่อยมันอีกเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นเราได้เห็นดีกันแน่! หรือถ้าของขาดกระเหี้ยนกระหืออยากได้ผู้ชายมากนักก็ไปหาเอาข้างหน้า จะไปวิ่งจับผู้ชายคนไหนก็ได้ที่ไม่ใช่มัน!”
“เข้าใจแล้วใช่ไหม?” แค่นเสียงถามพอแค่หล่อนได้ยิน สักพักหญิงสาวใต้วงแขนก็พยักหน้ารับทำนองว่าเข้าใจ รณภพจึงเลิกจิกกัดสะบัดมือทิ้งคลายวงแขนออกจากการกอดรัดให้เฟื่องลดาเป็นอิสระ มือใหญ่ยกขึ้นเช็ดริมฝีปากตนเองแรงเพราะเผลอจูบแก้มหล่อนไปหลายหนตอนที่ส่งเสียงตะคอก “เสียปากชะมัดเลย สงสัยต้องได้เอาแอลกอฮอล์มาเช็ดทำความสะอาด”
“พี่ภพ เฟื่องลดา! นี่มันเรื่องอะไรทำไมต้องกอดกันด้วย”
เสียงกล่องอะไรบางอย่างหล่นลงกระแทกพื้นค่อนข้างดัง เรียกสายตาคู่หนุ่มสาวที่กำลังจะตีกันให้หันมาสนใจและตกใจ
“ไหนพี่ภพเคยบอกลีว่าไม่ได้คิดอะไรกับเขา!”
“มาได้ยังไง” น้ำเสียงของรณภพค่อนไปทางรำคาญ
“เคลียร์ปัญหาเอง อย่าดึงเฟื่องเข้าไปเกี่ยวกับชีวิตคุณให้มากกว่านี้” กล่าวจบเฟื่องลดาผลักอกกำยำให้ถอยห่างออกจากตน เดินกระเผลกๆ ถอยห่างจากโต๊ะทำงานเดินผ่านหน้านาตาลีไปแม้สาวคนนั้นจะหันมาเอาเรื่องก็แกล้งทำเป็นมองไม่เห็น
เสียงวี๊ดๆ จากสาวผู้มาใหม่ยังร้องดังไม่ยอมหยุดหรือลดระดับเสียงลง รณภพมองตามแผ่นหลังเฟื่องลดาจนกระทั่งเจ้าหล่อนปิดประตูลง เขามองนาฬิกาข้อมือเห็นว่าใกล้ได้เวลาประชุมภาคบ่ายแล้วจึงเร่งมือเก็บเอกสาร บังเอิญเหลือบสายตาไปเห็นแฟ้มสัมมนาของเฟื่องลดาก็หยิบมาถือรวมกับงานของตัวเอง
“พี่ภพจะไม่พูดอะไรกับลีหน่อยเหรอคะ หรือจะรอให้ลีอกแตกตายเพราะนังนั่นซะก่อน มันเป็นแค่พนักงาน จะไปสนใจมันทำไม!”
“พี่ไม่มีอะไรจะพูดและจะไม่พูดอะไรด้วย น้องลีเอาเครื่องเพชรมาคืนคุณแม่พี่ไม่ใช่เหรอ ท่านทำงานอยู่ห้องไหนน้องลีก็รู้ไม่น่าบังเอิญเข้าห้องผิดเลยนะ หรือจงใจ?”
ใบหน้านวลซีดลงหลายระดับ รณภพไม่เคยยอมให้ใครมาปั่นหัวเรื่องแค่นี้เขามองจริตมารยาออก เขาเห็นอีกฝ่ายเงียบจึงพูดต่อ “อย่าหาว่าพี่ใช้เลยนะ แต่ช่วยเก็บกล่องเพชรให้ที มันแพง จะจับโยนทิ้งเหมือนของห้าบาทสิบบาทได้ยังไง”
“ละ… ลีขอโทษค่ะ ถ้าเพชรเสียหายลีจะรับผิดชอบทั้งหมด แต่… ที่ลีอยากรู้คือเรื่องพี่ภพกับผู้หญิงคนนั้น”
“พี่ไม่จำเป็นต้องเล่าเรื่องส่วนตัวให้น้องลีหรือใครฟัง ขอตัวก่อนนะครับพี่มีประชุมตอนบ่ายโมงครึ่งและตอนนี้ก็สายมากแล้ว”
“ลีขอโทษหลายครั้งแล้วนะคะ เรื่องที่เคยแกล้งลูกพี่ภพ เมื่อไหร่จะเลิกโกรธลีสักที พี่ภพ!” หญิงสาวเดินบนรองเท้าส้นสูงเข้าไปกอดแขนทว่าเจ้าของห้องกลับปัดมือตนเองทิ้ง เดินสง่าออกไปข้างนอกแบบโนว์สนโนว์แคร์ใครทั้งนั้นโดยเฉพาะผู้หญิงอย่างหล่อน!