บทที่ 01 น้ำฝน
"นี่…เอาของฉันคืนมานะ นั้นตุ๊กตาของฉัน"
"ฉันไม่ให้แล้วจะทำไม แน่จริงก็วิ่งตามมาให้ทันสิยัยอ้วน"
"เอาคืนมานะ…"
"ไม่คืน…แบร่!"
ปึก!
"อะ โอ้ย…ฮึก…"
"ฮ่า ๆ สมน้ำหน้า ฉันไม่อยากได้ตุ๊กตาของเธอแล้ว เอากลับไป ยัยอ้วนดำปากเป็ด ฮ่า ๆ"
"น้ำฝน…"
"น้ำฝน!"
"หะ ห๊ะ!?" หญิงสาวสะดุ้งเฮือกในตอนที่เสียงของคนข้าง ๆ ขึ้นเสียงเรียกสติ เธอหลุดออกจากภวังค์วังวนของความคิดแล้วหันมองต้นเสียงด้วยใบหน้าเหลอหลาทำอะไรไม่ถูก
"เป็นอะไรไปเนี่ย…" ผู้ชายรูปร่างสูงเอ่ยถามขึ้น เขากำลังเรียกสติน้ำฝนนักแสดงในสังกัดเขาที่เหม่อลอยเหมือนนึกถึงอะไรบางอย่างแสดงออกถึงความกังวลจนเธอนึกเป็นห่วง
"ฉันแค่อินไปหน่อยเจ๊ เด็กพวกนั้นเล่นดีไปหน่อย" เจ๊คิมหรือคิมมี่ผู้จัดการหนุ่มรูปร่างชายแต่ใจหญิงของน้ำฝนที่ร่วมงานกันมานานจนสนิทสนม เธอหันไปถามคิมมี่พร้อมกับพยักพเยิดไปทางนักแสดงเด็กที่กำลังถ่ายทำละครอยู่ไม่ไกลจากที่เธอยืน
"ก็น้องเอ็กซ์ตราทั่วไป แกน่ะไปเข้าฉากได้แล้ว ฉันเรียกตั้งนานก็ไม่ยอมตอบซักที"
"จะไปเดี๋ยวนี้ค่า" ว่าจบร่างบางหุ่นเพรียวก็เดินไปเข้าฉาก เธอกำลังถ่ายทำละครที่ใกล้จะปิดกล้องในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าแล้วซีนนี้ก็เป็นซีนสุดท้ายที่จะเล่นให้กับกองละครนี้ จนในที่สุด...
"ผ่าน ปิดกล้อง!"
"เย้ ๆ" ทันทีที่ผู้กำกับลั่นออกมาทุกคนในกองก็ต่างพากันส่งเสียงเอะอะดีใจ เช่นเดียวกับน้ำฝนที่กำลังยืนปรบมือให้นักแสดงและทีมงานที่เหนื่อยล้ากันมาถึงครึ่งปีกับการถ่ายทำในครั้งนี้ แล้วมันก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่นในที่สุด
"เจอกันเลี้ยงปิดกล้องนะครับน้ำฝน" พระเอกหนุ่มนักแสดงหันมาเอ่ยกับนางเอกที่ประกบคู่พร้อมกับส่งยิ้มหวาน ทว่าน้ำฝนไม่ได้เลือกจะตอบอะไร เธอเพียงแต่ส่งยิ้มบาง ๆ พอเป็นมารยาทแล้วปลีกตัวจากหน้าฉากถ่ายทำมาหาผู้จัดการที่ยืนรอไม่ไกล
"โดนผู้เต๊าะอีกแล้วฉันเห็นนะ" คิมมี่ขยับตาหวานอย่างรู้ทัน เป็นเรื่องปกติที่น้ำฝนมักจะถูกโปรยขนมจีบจากพระเอกอยู่บ่อยครั้งแต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่เธออยากจะสานสัมพันธ์ด้วย ไม่ว่าคนนั้นจะดังหรือหล่อมากแค่ไหนก็ตาม
"ฉันโอนให้เจ๊"
"ฉันเอาจริงนะ" ทันทีที่น้ำฝนพูดจบคิมมี่ก็ตาลุกวาว
"ฉันก็ไม่ได้ล้อเล่น ไปเปลี่ยนเสื้อก่อนนะ" ว่าแล้วร่างบางก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหมายจะกลับบ้านเมื่อเสร็จงาน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อยังเห็นพระเอกคนเดิมกำลังยืนขวางเธออยู่หน้าห้องเปลี่ยนชุดราวกับกำลังดักรออยู่ก่อนแล้ว
"ขอทางหน่อยค่ะ" ไม่ว่าเธอจะหลีกหนีทางไหนเขาก็ดักแทบทุกทาง จนต้องหยุดเดินแล้วเงยหน้าไปบอกเขาน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย
"สุดสัปดาห์หน้ามีอีเวนต์คู่ ผมไปรับนะครับ" เป็นปกติที่หลังจากละครที่จะออนแอร์จะมีงานอีเวนต์ต่าง ๆ เข้ามามากมาย ยิ่งอีเวนต์คู่เพื่อเดินทางไปโปรโมทก็ถล่มทลายนับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่ได้เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องให้เขามาตามรับตามส่ง เพราะเธอไปเองได้โดยไม่ต้องพึ่งใคร
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันมีผู้จัดการ"
"แต่จะดีกว่าไม่ใช่เหรอถ้าเราจะไปด้วยกัน"
"คนอย่างฉันไม่เห็นมีความจำเป็นที่ต้องใช้กระแสคู่จิ้นกับคุณ" น้ำฝนเริ่มเกิดอาการหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่ออีกคนเอาแต่ตอแยไม่เลิก ตอนนี้เธอเองก็ดังระเบิดระเบ้ออยู่แล้ว เห็นทีคงจะมีแต่เขาที่กำลังต้องการผลประโยชน์จากเรื่องนี้เพื่อเกาะเธอดังไปด้วย ทำไมเรื่องแค่นี้คนอย่างเธอถึงจะดูไม่ออกกัน
"ทำไมไม่คิดว่าทำไปเพื่องานล่ะครับ"
"เหรอคะ ฉันนึกว่าคุณทำเพื่อตัวเองเสียอีก ขอโทษทีค่ะ ฉันอาจจะเข้าใจคุณผิดไป แต่ถ้าทำเพื่องานฉันคิดว่าควรดูที่ผลงานมากกว่านะคะ ถ้าฝีมือคุณดีสักวันคุณก็คงจะดังได้โดยไม่ต้องเกาะกระแสในด้านนี้ ขอตัวค่ะ" น้ำฝนว่าจบก็เดินชนไหล่หนาที่กำลังยืนขวางทาง ถ้าคนจะชอบก็ควรชอบที่งานการแสดงในจอ ไม่ใช่การจิ้นนอกจอที่ไม่มีความจริงทว่ามีแต่ผลประโยชน์แอบแฝง
ชายหนุ่มผู้โดนปฏิเสธหน้าชากัดฟันกรอดด้วยความโกรธแค้นในความเย่อหยิ่งของหญิงสาว เขาเพียงแต่คิดว่าท้ายที่สุดเขาต้องทำให้เธอคลานเข่ามาหาเขาให้ได้ แม้จะต้องใช้วิธีที่แสนสกปรกแลกมาด้วยความสะใจก็ตาม
"เฮ้ออออ~" เสียงหายใจผ่อนยาวออกทันทีที่ได้ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนอนนุ่ม ร่างสวยที่เพิ่งจะกลับจากที่ทำงานรีบกอบโกยเวลาแห่งความสุขในการพักผ่อนอยู่ห้องเดี่ยวของคอนโดหรูหราใจกลางเมืองเพียงคนเดียวแหล่งพักพิงที่ปลอดภัยสำหรับเธอด้วยความปลอดภัยที่แน่นหนาเพราะเป็นถึงลูกสาวของเจ้าของคอนโด แต่แล้วความสุขเพียงชั่วครู่ก็ต้องชะงกลงเมื่ออยู่ ๆ เสียงโทรศัพท์จากเครื่องหรูก็ดังขึ้นอย่างน่าหงุดหงิด
ครืดดดดดด!
ลิลิน.
"ว่าไงคะ ตั้งแต่มีแฟนก็หายหัวไปจากพี่เลยนะ" ทันทีที่รับสายเธอก็รีบกรอกเสียงใส่ปลายสายที่เป็นน้องสาวคนสนิท แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเงียบ ซึ่งมันคือความผิดปกติเพราะอีกคนไม่เคยเงียบใส่เธอแบบนี้ในทุกครั้งที่โทรมา
"ฮัลโหล แกเป็นอะไรลิลิน ใครทำอะไรแกหรือเปล่า…"
(จะ เจ๊…) ในที่สุดปลายสายก็เอ่ยตอบด้วยเสียงที่สั่นเครือ เหมือนคนกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นทำเอาคนนอนพักรีบดีดลุกขึ้นจากเตียงในทันที
"แกเป็นอะไรลิลิน บอกเจ๊มา ใครทำแก!" น้ำฝนถามอย่างคนร้อนรนใจ
(ฉันทะเลาะกับพี่ฟินซ์ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ฮึก…เจ๊มารับฉันหน่อย)
"แกใจเย็น ๆ เคลียร์กับเขาหรือยัง"
(ไม่มีอะไรต้องเคลียร์แล้ว เจ๊มารับฉันนะ ฮึก…)
"โอเค ฉันจะไปเดี๋ยวนี้" ว่าแล้วมือบางก็คว้ากระเป๋าพร้อมกุญแจรถลงจากคอนโดหรูรีบตรงไปรับน้องสาวคนสนิทอย่างไม่ลังเล
ปึก!
ประตูรถสีขาวมุกถูกปิดลงด้วยฝีมือของลิลิน เธอเข้ามานั่งในรถด้วยใบหน้าที่อาบท่วมน้ำตาทำเอาน้ำฝนรู้สึกเคืองคนรักของน้องที่ปล่อยให้คนร้องไห้ยากอย่างลิลินฟูมฟายได้ถึงขนาดนี้
"เขาทำอะไรแก บอกฉันมา ฉันจะไปจัดการให้"
"ฮึก…ไม่ต้องหรอกเจ๊ ฉันไม่อยากเกี่ยวข้องกับเขาแล้ว"
"แล้วมันเกิดอะไรขึ้น เขาปล่อยแกออกมาได้ยังไง?"
"ฉันหนีออกมา"
"ยัยลิน…" น้ำฝนถึงกับถอนหายใจยาวเฮือก แม้ว่าจะโกรธเคืองแฟนหนุ่มของน้องแต่ก็ไม่ได้ชอบใจนักที่น้องหนีออกมาโดยไม่ได้เคลียร์ใจเพราะมันไม่ได้เป็นผลดีเลยสักนิด มีแต่จะทำให้ค่ำคืนนี้วุ่นวายมากขึ้นเพราะแฟนลิลินคงจะไม่พอใจอย่างหนักที่อยู่ ๆ แฟนสาวหายไป
"เจ๊พาฉันหนีไปที ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่" ลิลินเขย่าแขนเรียวด้วยท่าทีขอร้องอ้อนวอน แน่นอนว่าน้ำฝนก็ยอมใจอ่อนเคลื่อนรถออกจากหน้าคฤหาสน์ของตระกูลฟานซ์แฟนหนุ่มของลิลิน ขับออกถนนใหญ่เรื่อย ๆ อย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง
"แกจะไปไหน ไปนอนคอนโดฉันไหม?" จนสุดท้ายน้ำฝนก็ออกปากถามคนที่นั่งเงียบตลอดทาง
"ฉันอยากไปผับ" ร่างบางข้าง ๆ ตอบจบคิ้วเรียงสวยของน้ำฝนก็เลิกขึ้นในทันที
"ตอนนี้?"
"ใช่ ฉันอยากระบายอารมณ์กับเครื่องเสียง เจ๊พาฉันไป TW หน่อย"
"แต่พรุ่งนี้ฉันต้องทำงานเช้า แล้วแฟนแกต้องไม่พอใจแน่"
"เขาไม่พอใจก็เรื่องของเขาสิ นะเจ๊…แค่เพลงเดียว แล้วฉันจะกลับเลย"
"กลับคฤหาสน์ผัวแกใช่ไหม?"
"กลับคอนโดเจ๊" น้ำฝนถอนหายใจเฮือกใหญ่เป็นรอบที่ร้อย เธอไม่ได้ติดปัญหาที่น้องอยากมานอนด้วยเพราะห้องของเธอรับแขกได้หลายคน ทว่าปัญหาคือแฟนหนุ่มของเธอที่จะตามมาทีหลังต่างหาก เพราะเธอเชื่อว่ายังไงฟินซ์ก็คงปล่อยแฟนไว้ได้ไม่นาน เธอรู้นิสัยของเขาดี