บทที่ 1 ข้ามาปัสสาวะ

1581 Words
     “นางน่าสงสัย ช่วยกันจับตาดูให้ดี”            “นั่นน่ะ อนุภรรยาของใต้เท้าเสิ่นนะหัวหน้าหลิว จะไปจับตามองด้วยเหตุอันใด? ประเดี๋ยวก็ถูกหาว่าอยากเป็นชู้ก็ยุ่งกันพอดี ข้าไม่อยากถูกขังในกรงหมูเอาไปถ่วงน้ำหรอกนะ”            ไห่ฮ่าวทำท่าขนลุกขนชัน ตอนนี้การตัดสินคดีชู้สำหรับชาวบ้านแล้วพวกเขาจะใช้วิธีการจับบุรุษและสตรีที่ทำผิดจารีตใส่ในตระกร้าสานตาห่างๆ แล้วเอาไปถ่วงน้ำ            “ข้าว่านางดูแปลกๆ สายตาของนางกับของอนุเจียงดูเหมือนไม่ได้สนใจใต้เท้าเสิ่นอย่างที่ควรจะเป็น” หลิวเฉิงขมวดคิ้ว            ไห่ฮ่าวองครักษ์ประจำตัวคุณหนูชิงเว่ยเว่ยมองหัวหน้าองครักษ์ด้วยความประหลาดใจ เขารู้ว่าหลิวเฉิงเป็นคนเคร่งครัดในหน้าที่และหูตาว่องไว            “ท่านไม่เคยมีภรรยามิใช่หรือ? เหตุใดจึงได้รู้ว่าสายตาของนางมิได้ใส่ใจสามีเล่า? นางเป็นเพียงอนุภรรยาย่อมไม่กล้าทำตัวเกินหน้าฮูหยินเอกอยู่แล้ว ท่านจะให้นางกล้าไปเอาใจสามีต่อหน้าเสิ่นฮูหยินได้อย่างไร?”            หลิวเฉิงส่ายหน้า “เจ้ามันตาฟางเสียแล้ว สงสัยจะคอยสังเกตแค่คุณหนูสี่กับหลินเต๋อล่ะสินะ”            “ข้า! ข้าน่ะหรือคอยสังเกตหลินเต๋อ?” องครักษ์หนุ่มร่างสูงชี้นิ้วเข้าหาตนเอง ซ้ำยังทำตาโตด้วยความโมโห “เจ้าองครักษ์จอมหาเรื่องคนนั้น ข้าจะไปคอยสังเกตมันทำไม?”            หัวหน้าองครักษ์หลิวยกมือขึ้นตบบ่าสหายองครักษ์เบาๆ            “ไม่ต้องอายน่า ข้ารู้ว่าเจ้ากับเขาแค่มองตาก็รู้ใจ”            ใบหน้าของไห่ฮ่าวตึงขึ้นมาทันที พอนึกถึงองครักษ์หนุ่มของคุณหนูสกุลซิวที่มักจะมาวอแวกับเขาบ่อยๆ ก็กระพริบตาถี่เพื่อขับไล่ความรู้สึกบางอย่าง      ที่คุกรุ่นขึ้นมา คนผู้นั้นเป็นบุรุษหน้าขาวร่างโปร่ง แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ดูดีเสมอ ทุกครั้งที่พบกันกับเขาจะต้องเขามาป้วนเปี้ยนพูดคุยกับเขา สุดท้ายก็ท้าไปประลองยุทธ์กัน ผ่านไปสามคราระหว่างเขากับหลินเต๋อยังไม่รู้แพ้รู้ชนะ เจ้าคนแซ่หลินนั้นก็ยังไม่ยอมแพ้ คอยหาโอกาสมาท้าประลองอยู่ร่ำไป            “หน้าเจ้าเป็นสีชมพูแล้ว ไม่ต้องคิดแก้ตัว ข้าขอไปดูนางก่อนดีกว่า คุยกับเจ้าไม่ได้ความคืบหน้าอยู่ดี”            ไห่ฮ่าวคิดจะอ้าปากแย้งหลิวเฉิง ทว่าหัวหน้าองครักษ์หนุ่มก็หายตัวไปแล้ว....เขาไม่ได้ชอบบุรุษเสียหน่อย เห็นทีต้องพูดกับหัวหน้าหลิวให้รู้เรื่อง            หลิวเฉิงทำทีไปพูดคุยกับองครักษ์ที่เฝ้าจวน ที่พำนักของใต้เท้าเสิ่นแห่งนี้ เดิมทีก็คือวังของท่านอ๋องสี่ที่ก่อกบฏ หลังจากท่านอ๋องสี่ถูกริบทรัพย์และประหารชีวิต วังเทียนโต่วก็ถูกยึดมาใช้เป็นจวนของเจ้าเมืองฉู่จิ้ง            “อนุภรรยาของใต้เท้าเสิ่นมาจากสกุลใดหรือ?”            องครักษ์ของจวนเจ้าเมืองถึงกับหัวเราะ            “ท่านคงล้อเล่นกระมัง? เรื่องนี้ผู้ใดก็รู้กันทั่ว อนุเจียงกับอนุหว่านน่ะเป็นสาวใช้ในจวนสกุลโม่ นางคอยดูแลนายหญิงมาก่อน สกุลโม่เกรงว่าใต้เท้าจะต้องรับอนุภรรยาเพิ่มจึงได้ส่งพวกนางมา”            หลิวเฉิงพยักหน้าหงึกๆ เรื่องนี้เกิดขึ้นบ่อยในสกุลใหญ่ๆ ยามที่คุณหนูออกเรือน มักจะให้สาวใช้คนสนิทมาเป็นอนุภรรยาด้วย เพื่อมิให้สามีไปรับอนุภรรยามาจากครอบครัวอื่น            “ข้าไม่คิดว่าสกุลโม่จะยินยอมให้ใต้เท้าเสิ่นมีอนุภรรยา”            “ข้าก็คิดเหมือนเจ้า นายหญิงเป็นคนบุคลิกสง่างามดูน่ายำเกรง ใต้เท้าเสิ่นเองก็เกรงใจภรรยายิ่งนัก ดูแล้วไม่น่าจะมีอนุภรรยาได้ แต่ก็อย่างว่า ใต้เท้าเป็นถึงเจ้าเมือง หากจะมีอนุสักสี่ห้าคนก็เป็นเรื่องธรรมดา”            หลิวเฉิงทำหน้าคล้อยตามทว่าในใจกลับรู้สึกสงสัยในสถานะของอนุภรรยาทั้งสอง โดยเฉพาะหว่านอิ๋งอิ๋งนั่น ท่าทางของนางดูกระโดกกระเดก มิได้อ่อนช้อยอย่างอนุเจียงเลยสักนิด         ...สตรีที่ดูกระด้างเช่นนี้ สกุลโม่ยังกล้าส่งมาเป็นอนุภรรยาเจ้าเมืองอีก...                 รอจนถึงหัวค่ำหัวหน้าองครักษ์หนุ่มก็ย่องไปยังเรือนพักอนุภรรยาทั้งสอง โดยมากอนุภรรยามักจะไม่ถูกกัน พวกเขาต้องแยกกันอยู่คนละเรือน แต่อนุเจียงกับอนุหว่านกลับพักด้วยกันแค่ห้องอยู่คนละฟากของห้องโถง         ‘พวกนางไม่เพียงไม่แย่งชิง ซ้ำยังร่วมมือร่วมใจกันอย่างดี ผิดวิสัยสตรีที่มีสามีคนเดียวกัน’            หลิวเฉิงกระโจนขึ้นบนหลังคา เขาค่อยๆ เลื่อนกระเบื้องดินเผาดูว่าพวกนางยังอยู่ที่ห้องโถงหรือไม่? พลันเสียงพูดคุยก็ดังขึ้น            “เจ้าเห็นบุรุษที่มากับสกุลชิงหรือไม่?”            “ผู้ใด?”            “อาจารย์หนุ่มทั้งสองคนนั่น”            “ก็หล่อเหลาองอาจดีนะ”            “ลี่จัง เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ได้หมายความถึงเรื่องเช่นนั้น”            “ได้ๆ พวกเขามีวรยุทธ์ เราต้องระวังให้ดี”            หัวหน้าองครักษ์หนุ่มถึงกับหูกระดิก พวกนางมีลับลมคมในจริงๆ ถึงกับคอยจับตามองคนในขบวนของสกุลชิง            “เจ้าหัวหน้าองครักษ์นั่น เจ้ายิ่งต้องระวัง”            “เขาก็ดูดีนะ เคร่งขรึม รูปร่างแข็งแกร่งกำยำ”            “ลี่จัง! ข้าหมายถึงเขาดูเหมือนจะเป็นพวกตาผีจมูกสุนัขต่างหาก”            หลิวเฉิงที่อยู่บนหลังคาแทบอยากจะซัดมีดสั้นลงมาใส่สตรีสองคนที่นั่งพูดคุยอยู่โต๊ะกลมกลางห้องข้างล่าง            อนุเจียงหัวเราะร่า “ตาเขาเรียวดั่งตาหงส์ จมูกโด่งปลายรั้นน้อยๆ ต่างหาก เจ้าพูดเสียจนคนรูปหล่อกลายเป็นคนขี้ริ้ว”            “หึ! จะรูปงามราวเทพเซียนลงมาก็ช่าง ยามนี้หน้าที่ของเราคือต้องระวังภัยให้ดี เดิมทีใต้เท้าเสิ่นเองก็ดูแปลกๆ อยู่แล้ว ยังจะมีกลุ่มคนสกุลชิงมาเพิ่มอีก”            “พวกเราควรออกไปตรวจดูรอบๆ เรือนเราสักหน่อยเถอะ เผื่อพวกเขาแอบส่งคนมาสอดแนมจะได้ระวังตัว”            หลิวเฉิงอาศัยจังหวะที่พวกนางลุกขึ้นยืนรีบเลื่อนกระเบื้องดินเผาเข้าไปที่เดิม ก่อนจะกระโจนไปยังต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ แล้วผลุบลงไปที่พุ่มไม้ด้านหลัง            หว่านอิ๋งอิ๋งมองเห็นชายหนุ่มที่โผล่มาจากพุ่มไม้เพียงลำพังก็ทำหน้าประหลาดใจ นางจำได้ว่าคนผู้นี้คือหัวหน้าองครักษ์ที่คอยดูแลชิงเว่ยเว่ย            “เหตุใดท่านจึงมาโผล่แถวนี้เล่า?”            “อนุหว่าน ข้าละอายจริงๆ ที่ท่านมาพบเข้า เมื่อครู่ข้ากับพวกองครักษ์เดินผ่านมาดูเรือนแถวนี้ บังเอิญปวดเบาขึ้นมาข้าก็เลยวิ่งมาหลบที่พุ่มไม้ ไม่คิดว่าท่านจะมาเดินเล่นในยามหัวค่ำ”            หว่านอิ๋งอิ๋งมีสีหน้าเก้อเขิน หากว่าเดินมาเร็วกว่านี้นิดก็อาจจะได้เห็นท่าทางของเขาในยามที่กำลังปัสสาวะ...น่าอายนัก            “เอาเถอะๆ ข้าจะถือว่าไม่ได้เดินมาพบท่านก็แล้วกัน”            หลิวเฉิงมองตามหลังสตรีที่เร่งฝีเท้าจากไปด้วยความโล่งใจ เมื่อครู่เขาเหยียบกิ่งไม้ที่เปราะจนตกลงมาใส่พุ่มไม้ข้างล่าง ดีที่นางไม่ได้ยินเสียง เขาจึงกลบเกลื่อนได้ทันเวลา            หว่านอิ๋งอิ๋งสาวเท้ากลับมาถึงห้องโถงเรือนนอนก็ทรุดตัวลงนั่ง นางเพิ่งได้ยืนประจันหน้ากับหัวหน้าองครักษ์จากสกุลชิงเป็นครั้งแรก ทำให้พบว่าใบหน้าของเขาเป็นอย่างที่เจียงลี่จังกล่าวไว้         ‘คนผู้นี้พอได้เห็นใกล้ๆ ก็ไม่เลวเลย’            “อิ๋งอิ๋ง เจ้าเหม่อเช่นนี้ มิใช่ว่า ไปพบเรื่องดีๆ มาหรอกนะ”            หญิงสาวที่กำลังจิบน้ำชาอยู่พลันสะดุ้ง หันขวับไปมองเจียงลี่จังที่เดินถือกระบี่เข้ามานั่งตรงข้าม            “ดีนี่! เจ้าออกไปพร้อมกับกระบี่กับผู้ติดตาม แต่ข้าเดินออกไปตรวจตราตามลำพัง”            “ไม่ต้องเสแสร้งน่าอิ๋งอิ๋ง ท่าทางดูตื่นๆ เช่นนี้ เมื่อครู่เจ้าไปเจอผู้ใด?”            “ไม่เจอ! ข้าไม่ได้เจอผู้ใดสักหน่อย”            “จริงหรือ? ข้าเห็นหลังไวๆ ข้าว่ามีบุรุษเดินหันหลังออกไปจากทางเดินสวนด้านหลังเรือนพวกเรานะ”            หว่านอิ๋งอิ๋งพลันได้สติ ที่หัวหน้าองครักษ์หนุ่มผู้นั้นบอกนางว่าเขาวิ่งมาปัสสาวะหลังพุ่มไม้ เห็นท่าคงจะเป็นแค่คำพูดกลบเกลื่อน         ปัง!            เสียงตบโต๊ะแรงจนอนุเจียงและสาวใช้อีกสองคนสะดุ้ง            “ข้าพลาดเอง! พวกเราคงจะถูกคนสอดแนมเสียแล้วล่ะ”            เจียงลี่จังเลิกคิ้วสูง “ผู้ใด?”            “หัวหน้าองครักษ์ตาผีจมูกสุนัขผู้นั้นของเจ้า!” *********************            เรียนท่านผู้อ่าน...เรื่องนี้เป็นนิยายย่อยที่ถูกเขียนเบื้องหลัง มาจากนิยายเรื่อง "เว่ยเว่ยสาวน้อยสลับวิญญาณเล่ม 4" นางเอกคือหว่านอิ๋งอิ๋งองครักษ์คนใหม่แห่งสกุลชิง และพระเอกก็คือหลิวเฉิงหัวหน้าองครักษ์ที่ดูแลชิงเว่ยเว่ย(นางเอกเรื่องเว่ยเว่ยสาวน้อยสลับวิญญาณ) ค่ะ อีบุ๊กมีวางจำหน่ายทาง mebmarket นะคะ            
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD