“พี่ พี่เดียร์! ไหนบอกว่าจำพี่พนาไม่ได้ไงคะ”
“ก็อย่างที่เห็น ตอนนี้เขาเป็นของพี่”
ไม่รู้ว่าใกล้เคียงคำนั้นแค่ไหน แต่ถ้าเธอได้ดึงใครเข้ามาในชีวิต คนๆนั้นต้องเป็นของเธอ ปรายตามองผู้หญิงที่รับบทนางร้ายในละครนิดๆ แย้มยิ้มส่งให้เธอคนนั้น ที่มองมาอย่างไม่พอใจ สาเหตุคงเพราะเธอชุบมือเปิบแย่งเขาไปซะก่อนละมั้ง
“อ่า คนที่เยียร์จะแนะนำพี่ให้รู้จักเขา เขาหงอยเลย”
มาริสาครางแผ่ว คุยกับพี่สาวเสียงเบา สายตามองไปที่ผู้กำกับอย่างเห็นใจ
เธอรู้จักกับเขามานานแรมปี เขาขอให้เธอแนะนำพี่สาวให้ตั้งแต่สองเดือนก่อน พี่เธอไม่ค่อยมีเวลามาเจอ พอมีโอกาสเขาก็ถูกคนอื่นตัดหน้าไป ซ้ำยังเป็นคนที่เคยมีข่าวลือกับพี่สาวเธออีก แบบนี้เขาก็แห้วทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะสิ
“ก็ปลอบใจเขาสิจ๊ะ”
คำพูดของมัลลิกาทำให้ใบหน้าที่คล้ายตัวเองเห่อแดง เธอนั่งสังเกตน้องสาวอยู่ตลอดตอนที่ดื่ม เห็นว่าน้องชอบมองผู้ชายหน้าหล่อคนนั้นบ่อยๆ ไม่รู้ว่าชอบมากน้อยแค่ไหน แต่ตอนนี้รู้แล้วว่า อย่างน้อยๆน้องสาวเธอก็ชอบเขา
“พี่เดียร์อะ เขาชอบพี่ ไม่ได้ชอบเยียร์”
“คนเราเปลี่ยนกันได้ พี่ต้องกลับแล้วนะ ปวดหัว”
มัลลิการู้สึกปวดหัวจริงๆ ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกอะไรกับความสัมพันธ์ที่จบลงไปเมื่อครู่ แม้เธอจะดูร้ายมากกว่าดี ก็มีความรู้สึกเหมือนคนอื่นๆ ผู้ชายที่ไว้ใจถึงขั้นจะแต่งงาน ควงเพื่อนสนิทให้เห็นต่อหน้า มันก็ควรเจ็บใจไม่ใช่เหรอ
“กลับดีๆนะคะพี่เดียร์”
“ขอตัวก่อนนะคะทุกท่าน ยินดีที่ได้พบค่ะ”
พูดจบก็เดินจากไป มาคนเดียวก็กลับคนเดียว ไม่คิดว่าคนที่เธอได้มาเป็นของตัวเองเมื่อครู่จะกลับไปด้วย แต่เมื่อเดินมาถึงรถ ก็เห็นว่าเขาเดินตามหลังมา
“ให้ไปส่งไหม”
“นี่คงเป็นตัวตนของคุณจริงๆสินะ”
มัลลิกาพูดขณะลงมือหากุญแจรถในกระเป๋าแบรนด์เนมใบโปรด เมื่อเจอมันก็ยื่นไปให้ คนที่ยืนเหมือนยักษ์ปักหลั่นไม่พูดไม่ไหวติงอะไร และไม่ยอมรับกุญแจรถที่เธอยื่นให้ด้วย
“ไปรถผมสิครับ มายเดียร์”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้น เมื่อกวนคนสวยตรงหน้าได้สำเร็จ เขาพูดเพราะเฉพาะตอนที่อยากพูดเท่านั้นแหละ แต่ถ้าเธออยากให้พูดตลอดก็พูดได้ เพราะเขาชอบใจ เวลาที่เธอทำหน้าเหลอหลาตอนที่ได้ยินมัน
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ ฉันขนลุก แล้วก็เรียกฉันว่าเดียร์เหมือนคนอื่นๆเถอะ ชื่อนั้น ฉันเอาไว้ให้สามีเรียกคนเดียว”
เมื่อเขาไม่ยอมรับมันไป เธอเลยเดินหนีไปทันทีที่พูดจบ ปลดล็อกแล้วสอดตัวเองเข้าไปด้านใน สตาร์ทและขับออกไปอย่างรวดเร็ว
แม้จะไม่ได้แลกเบอร์ติดต่อกันไว้ แต่มันเป็นอย่างที่เขาพูด เธอมีเบอร์เขาแล้ว เป็นเบอร์ตั้งแต่ตอนที่คบหากัน ไม่รู้ว่ายังใช้ติดต่อกันได้อยู่ไหม แต่ถ้าเขาอยากติดต่อเธอและสานต่อเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ เขาต้องหาทางติดต่อเธอได้แน่ เธอคิดว่ามันจะเป็นแบบนั้น
หลายวันต่อมา
การรอเป็นอะไรที่มัลลิกาเกลียดที่สุด เธอนั่งรอให้พนาติดต่อมาหาเป็นเวลาห้าวันแล้ว หลังจากที่ลองติดต่อเขาตามเบอร์ที่มีเมื่อวานแต่ปรากฎว่ามันโทรไม่ติด นี่เขาไม่คิดจะติดต่อเธอเลยใช่ไหม หรือว่าการหาทางติดต่อกับเธอมันยากเกินความสามารถของเขา
“คุณเดียร์จะไปไหนคะ”
เลขาสาวถามเจ้านายที่อยู่ดีๆก็ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงาน คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นราวกับคนคิดมาก ไม่เคยเห็นคุณเดียร์เป็นแบบนี้มาก่อน ตอนทำงานก็ออกจะอารมณ์ดี แต่ไหงวันนี้อารมณ์บูดสนิท
“ไปสูดอากาศหน่อย เอาอะไรไหม?”
“ไม่ค่ะคุณเดียร์ แล้วคุณเดียร์จะกลับเข้ามาอีกไหมคะ”
“ถ้าอารมณ์ดีจะเข้ามา”
“ค่ะ”
เป็นอันว่ารู้กัน คุณเดียร์นั้นทำงานเก่ง และเน้นทำงานตามอารมณ์ ด้วยความที่เป็นผู้บริหารร่วมกับเป็นนักออกแบบด้วย ผลงานที่ออกแบบจำเป็นต้องใช้จินตนาการผสมผสานกับความรู้ความสามารถ อารมณ์เลยส่งผลกับผลงานมากเป็นพิเศษ อารมณ์ไม่ดี ผลงานย่อมออกมาไม่ดี
รถ Ford Mustang รุ่นใหม่ล่าสุด ขับเคลื่อนอยู่บนถนนสายหลัก ทิศทางมุ่งออกจากอาคารขนาดใหญ่ อาคารที่เป็นศูนย์กลางของตระกูลพิศภานุสิทธิ์ จุดมุ่งหมายยังไม่ถูกกำหนด เพราะคนขับเองก็ยังไม่รู้จะไปที่ไหนกันแน่
“เห้อ! หวั่นไหวอะไรเนี่ย!”
ถอนหายใจเสียงดัง บ่นอยู่ลำพังหลังพวงมาลัย ขนาดเขายังไม่ติดต่อมาเลย แล้วเธอจะหวั่นไหวไปเองทำไมไม่ทราบ เขาอาจจะแค่เล่นสนุกก็ได้ ท่าทางของเขา แสดงออกว่าเป็นคนแบบนั้น
Tru Tru
ใบหน้าตื่นเต้นในตอนแรกที่ได้ยินเสียงเรียกเข้า เปลี่ยนเป็นผิดหวังชัดเจนเมื่อเห็นเบอร์โชว์หราในหน้าจอ กดรับสายที่หน้าจอ ก่อนจะพูดคุยผ่านหูฟังไร้สายที่เสียบคาอยู่ที่หู
“ว่าไงจ๊ะ”
[พี่เดียร์ว่างไหมคะ ออกมาทานข้าวด้วยกันไหม]
“จะว่าว่างก็ว่าง แต่เราที่กำลังถ่ายละครว่างขนาดชวนพี่ไปทานข้าวด้วยเหรอ พี่ได้ยินนมบอกว่าเริ่มถ่ายแล้วนี่”
นมที่พูดถึงไม่ใช่นมอะไรหรอก มันคือคำเรียกสั้นๆของแม่นมเธอเอง ท่านเป็นคนดูแลบ้านทั้งหมด รวมถึงรายงานความเป็นอยู่ของสมาชิกในบ้านให้เธอรับรู้ และคอยรายงานเรื่องทั้งหมดในบ้านให้พ่อกับแม่ที่ทำงานประจำอยู่ต่างประเทศฟังอีกที
[มีคนอยากกินข้าวกับพี่เดียร์ค่ะ]
“ใคร?”
ความดีใจฉายชัดขึ้นมา คงไม่ใช่ว่าไอ้คนที่ปล่อยให้เธอรอการติดต่อกลับมาตลอดห้าวันหรอกใช่ไหม
[คุณวรุษค่ะ]
“ใครอะ พี่รู้จักไหม”
[เลขาของคุณพนาค่ะ เขาสนใจพี่เดียร์ อยากติดต่อมาเป็นนักแสดงรับเชิญ]
มัลลิกากรอกตามองบน คนที่อยากเจอไม่ได้เจอ แต่กลับต้องไปเจอใครก็ไม่รู้ น่าหงุดหงิด ยิ่งรถราติดแน่นถนนขนาดนี้ ยิ่งทำให้อารมณ์ไม่ดีมากขึ้นไปอีก
“พี่เป็นนักออกแบบไม่ใช่นักแสดง บอกเขาด้วยว่าพี่ไม่สนใจรวมถึงไม่ไปเจอด้วย แค่นี้นะ พี่ขับรถอยู่”
วางสายลงด้วยความหงุดหงิดที่เพิ่มขึ้นจนทะลุปรอท คืนนั้นเธอไม่น่าทำอะไรแบบนั้นเลย น่าโมโหชะมัด เหมือนกำลังหงุดหงิดอยู่ฝ่ายเดียว โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขารู้สึกยังไงกับเรื่องในคืนนั้น