ตอนที่ 8
แลกเปลี่ยนขนม
การเดินทางด้วยตั๊กแตนยักษ์ถือว่ารวดเร็วมาก การกระโดดหนึ่งทีสามารถพุ่งได้ไกลถึงสิบกิโลเมตร ใช้เวลาทั้งวันในที่สุดก็มาถึงจุดที่หอยทากน้อยสัมผัสได้ถึงมนุษย์สองคนที่เคยเจอ
“ส่งเราแค่นี้พอ ขอบใจมากนะ” ตั๊กแตนตัวใหญ่เกินไป ถ้าหากเข้าใกล้ไปมากกว่านี้มนุษย์วิวัฒนาการจะสามารถจับสัมผัสได้ หอยทากน้อยยกสัมภาระลงจากหลังของตั๊กแตนตัวยักษ์ ซอมบี้ไถลลื่นตามมาจนหน้ามันทิ่มไปกับพื้น หอยทากน้อยหัวเราะเอิ๊กมองซอมบี้หน้าโง่ค่อย ๆ ลุกเดินโงนเงน
“รออยู่แถวนี้นะ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นให้ส่งสัญญาณมา เราจะมาช่วยให้ไวที่สุด” ตอนแรกหอยทากน้อยให้ตั๊กแตนตัวยักษ์กลับไปยังอาณาเขตทุ่งข้าวโพด แต่อีกฝ่ายไม่ยอมไป สุดท้ายก็ต้องให้ไปซ่อนตัวแถวนี้ แต่ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่ยักษ์คงต้องไปซ่อนในป่าเท่านั้น แม้ว่าตั๊กแตนวิวัฒนาการจะเก่งกาจ แต่ถ้ามันถูกมนุษย์กลายพันธุ์หลายคนโจมตีอาจจะพ่ายแพ้ได้
หอยทากน้อยจัดการเอาถุงข้าวโพดมัดไว้ด้านหลังของซอมบี้ ไม่น่าเชื่อว่าร่างที่เหมือนไม่มีสมดุลจะยกข้าวโพดหลายฝักได้อย่างไม่มีปัญหา
หลังจากที่ตั๊กแตนยักษ์กระโดดหายเข้าไปในป่า หอยทากน้อยก็หันมามองซอมบี้ ตอนนี้เขาพบกับปัญหาที่ยิ่งใหญ่ ซอมบี้หน้าโง่เชื่องช้าเดินแทบไม่มั่นคง ไม่รู้ว่าถ้าเกิดเจอมนุษย์ขึ้นมาจะเอาตัวรอดได้ไหม
หัวน้อยเอียง สมองเล็ก ๆ กำลังคิดวิธีทำให้ซอมบี้ปลอดภัยตลอดการเดินทาง สุดท้ายดวงตากลมโตก็เป็นประกายเมื่อนึกวิธีดี ๆ ออก
ซอมบี้ที่ถูกเรียกว่าเป็นซอมบี้หน้าโง่มองร่างเล็กที่เอาเชือกมัดเอวเขาไว้ ส่วนเชือกอีกด้านมัดเอวเล็ก ๆ ไว้
หอยทากน้อยยืดอกอย่างภาคภูมิใจ หลังจากนี้ไม่ต้องกังวลแล้วว่าซอมบี้ตรงหน้าจะเดินหนีหาย หรือไม่ก็วิ่งหนีมนุษย์ไม่ทัน
“เอาละ! หลังจากนี้เป็นเด็กดีแล้วตามเรามานะ” หอยทากน้อยไม่สนใจซอมบี้หน้าโง่ที่กำลังเอียงคอให้ แขนเล็กทั้งสองชูขึ้น หนวดส่ายไปมาแสดงอารมณ์ตื่นเต้น
หอยทากน้อยสัมผัสได้ถึงมนุษย์กลุ่มหนึ่งที่อยู่อีกฟากของตัวเมือง ในเมืองนี้มีมนุษย์แค่กลุ่มเดียว จำนวนมนุษย์มีประมาณสิบคน
“เดินตรงไปทางนั้นเลย” หอยทากน้อยกระโดดขึ้นไปอยู่บนที่ประจำ ชี้นิ้วไปด้านหน้าด้วยน้ำเสียงคึกคัก ร่างโงนเงนของซอมบี้เดินตามทิศทางที่นิ้วเล็กชี้อย่างเชื่องช้า
ตลอดทางไร้ร่างของซอมบี้ กลิ่นอับชื้นทำให้หอยทากน้อยย่นจมูกอย่างไม่ชอบใจ ยังไงการอยู่ท่ามกลางทุ่งข้าวโพดก็มีความสุขมากที่สุด ถ้าหากไม่ได้มาหาขนม เขาไม่มีทางเข้ามาในเมืองแบบนี้แน่ ๆ
แม้ว่าหอยทากน้อยจะไม่ชอบใจกลิ่นไม่พึงประสงค์ แต่เมื่อนึกถึงขนมมากมายที่กำลังจะได้กินในเร็ว ๆ นี้ก็รู้สึกมีความสุขจนมองข้ามกลิ่นไม่พึงประสงค์นี้ไป
“นายยังไม่เคยกินขนมสินะ จริงสิ นายเป็นซอมบี้กินขนมไม่ได้ น่าเสียดายจังเลย” ระหว่างเดินทางเสียงเล็ก ๆ ก็พูดแจ้วๆ ตลอดทาง ซอมบี้เดินอย่างอืดอาด แม้ว่าจะพูดไม่ได้ แต่มันฟังหอยทากน้อยรู้เรื่อง
“ขนมมันอร่อยมาก รสชาติหวาน บางอันกรุบกรอบ บางอันนุ่มฟูละลายในปาก แถมยังมีหลากหลายรสชาติด้วย เราชอบรสสตรอว์เบอร์รีมากที่สุด” หอยทากน้อยไม่รู้ตัวเลยว่าระหว่างที่พูดมีหยดน้ำสีใสไหลออกมาตามมุมปาก
“นายน่าสงสารจริง ๆ ที่เป็นซอมบี้ นายไม่สามารถกินขนมแสนอร่อยได้ ถ้านายกินขนมได้เราจะแบ่งหนึ่งชิ้นเพื่อเป็นการขอบคุณที่มาเป็นเพื่อนเรา” หอยทากยืดอกด้วยความภาคภูมิใจ ไม่มีใครใจกว้างไปมากกว่าเขาอีกแล้ว
หลังจากเดินมาหลายชั่วโมง ในที่สุดหอยทากน้อยก็บอกให้ซอมบี้หยุด เพราะตอนนี้อยู่ห่างกับกลุ่มคนเพียงหนึ่งร้อยเมตร ถ้าหากซอมบี้เข้าไปใกล้มากกว่านี้เกรงว่าจะอันตราย
“อยู่ตรงนี้ห้ามไปไหน รอจนกว่าเราจะกลับมานะ” ซอมบี้ทำหน้าอึน และถูกหอยทากน้อยกดให้นั่งลง
“เป็นเด็กดี เราจะไปสำรวจก่อน” หอยทากน้อยยังไม่ได้เอาข้าวโพดไปด้วย เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้มนุษย์มีขนมหรือเปล่า เขาเลยจะไปสำรวจก่อน เมื่อเห็นว่าซอมบี้นั่งเป็นเด็กดีก็พุ่งทะยานไปทางกลุ่มมนุษย์สิบชีวิต
ผู้รอดชีวิตกลุ่มนี้มีต้นข้าวเป็นผู้นำ ในกลุ่มมีผู้หญิง 3 ผู้ชาย 6 คน เด็ก 1 คน ต้นข้าวเป็นอดีตทหาร เขามีความแข็งแกร่งและมีความเป็นผู้นำสูง แม้ว่าในกลุ่มของเขาจะมีคนไม่เยอะ แต่เกือบครึ่งเป็นผู้ใช้พลังสายโจมตีทั้งหมด ผู้หญิง 2 คนมีพลังน้ำและพืช ทำให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างไม่ยากลำบาก นอกจากสายโจมตีและสายดำรงชีวิตแล้ว ยังมีพลังสายสอดส่องที่ทำให้สามารถหลบหลีกสัตว์วิวัฒนาการหรือซอมบี้ระดับสูงได้
หอยทากหลบอยู่ในซอกตู้ โผล่หัวเล็ก ๆ ออกมามองไปรอบ ๆ ในบ้านหลังใหญ่มีกลุ่มคนนั่งรวมกันอยู่เหมือนกำลังปรึกษาเรื่องเคร่งเครียด เด็กน้อยวัยสองขวบนั่งอยู่ห่างจากผู้ใหญ่
เด็กน้อยส่งเสียงอ้อแอ้เมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตขนาดจิ๋ว เสียงเอิ๊กอ๊ากของเด็กน้อยไม่ได้ทำให้เหล่าผู้ใหญ่สนใจ
หอยทากน้อยมองเด็กตัวอ้วนก่อนจะแลบลิ้นปลิ้นตาจนเด็กน้อยหัวเราะเอิ๊กออกมาเสียงดัง หอยทากน้อยรู้สึกเอ็นดูจนอยากเข้าไปเล่นกับทารกอ้วน แต่สุดท้ายก็ต้องเลิกสนใจ เพราะเขามีสิ่งที่สำคัญมากกว่านั้น
หอยทากน้อยได้กลิ่นของน่าอร่อยมาจากชั้นบนของบ้าน เขาคิดว่ามันต้องเป็นขนมแน่นอน
มือเล็กโบกลาเด็กน้อยก่อนจะตรงไปชั้นบน เมื่อเข้าไปก็เห็นเสบียงกองรวมกัน แล้วก็เป็นอย่างที่หอยทางน้อยคิด มันมีขนมรวมอยู่ด้วย แต่มันมีจำนวนน้อยกว่าครั้งที่แล้ว
หอยทากน้อยค้นกระเป๋าอยู่พักใหญ่ ในที่สุดก็ได้ขนมมาทั้งหมด 5 ห่อ ดวงตากลมโตเป็นประกาย หอยทากน้อยไม่รอช้าพุ่งทะยานผ่านหน้าต่างพร้อมกระเป๋าที่บรรจุขนม
หอยทากน้อยมองซ้ายขวาแสดงสีหน้ากังวล ซอมบี้ที่เคยอยู่ตรงนี้เหลือไว้แค่ถุงข้าวโพด ร่างเล็กยัดกระเป๋าขนมไปที่ซอกตึกก่อนจะกลับไปที่บ้านชั้น 2
เมื่อภารกิจของตัวเองสำเร็จหอยทากน้อยก็ออกมาด้วยใบหน้าร่าเริง ผิดกับบรรยากาศภายในบ้านที่ตึงเครียด
และเป็นอีกครั้งที่ต้นข้าวและข้าวเจ้ารู้ว่ามีสัตว์วิวัฒนาการมาขโมยขนมอีกแล้ว แต่ครั้งนี้จะเรียกว่าขโมยก็ไม่ถูกต้อง เพราะอีกฝ่ายเอาฝักข้าวโพดถุงใหญ่มาแลก