Jennie Talk
แผ่นหลังบอบบางนั้นโครตเปล่าเปลี่ยวจนผมรู้สึกได้ ผมยอมรับว่าหลายเดือนมานี้ ช่วงเวลาที่ว่างผมมักจะใช้ไปกับการเป็นสตอล์กเกอร์ตามดูคู่รัก ผมรู้ว่ายิ่งทำแบบนี้มันก็ยิ่งทำให้ผมตัดใจจากเธอได้ยากมากขึ้น แต่เพราะความคิดถึงมันมากล้นเกินกว่าที่ผมจะเก็บงำไว้ได้ แม้ว่าจะต้องเห็นเธออยู่กับผู้ชายคนอื่นๆผมก็ยอม
ความรักแม่งทำให้คนโคตรโง่เลยว่ะ
ผมไม่เคยคิดหรอกว่าชีวิตหนึ่งจะต้องมาเดินตามผู้หญิงเพียงเพราะอยากเห็นหน้าเธอ ผมไม่รู้ว่านี่เป็นโอกาสดีหรือเปล่าที่ผมจะเข้าไปหาเธอในตอนนี้ แต่ดูจากท่าทางแล้วคงไม่ได้ต้องการคนปลอบโยนแต่อาจจะต้องการอยู่คนเดียว
เพราะงั้นผมควรจะปล่อยให้เธอได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองสักพัก
ผมคิดว่าการอยู่คนเดียวเป็นการทบทวนความรู้สึกที่ดีที่สุดเพราะสุดท้ายก็ไม่มีใครเข้าใจเราและความคิดที่ฝังลึกอยู่ในใจเราได้เท่ากับตัวของเราอีกแล้ว
ผมนั่งมองเธออยู่ไกลๆไม่กล้าแม้แต่จะเดินเข้าไปหา ถึงผมจะเข้าไปปลอบโยนเธอมากแค่ไหน แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่อยู่ในสถานะที่จะทำแบบนั้นได้
ผมเฝ้ามองเธอนิ่งๆไม่คิดละสายตา เธอเหม่อมองบนผืนน้ำนิ่งคล้ายกับว่ามีเรื่องให้ครุ่นคิดอยู่ในใจ ผมไม่รู้หรอกนะว่าเธอกำลังฟังเพลงอะไรอยู่ แต่ผมหวังว่า เพลงที่เธอกำลังฟังจะช่วยปลอบโยนและทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น
Rrrr....
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับโดยไม่ดูหมายเลขด้วยซ้ำเพราะสายตากำลังจ้องมองไปที่เจนนี่
"ฮัลโหล"
'พี่อยู่ที่ไหนหรอ'
"กูอยู่แถวริมแม่น้ำ มึงมีอะไรวะไอ้อัด?"
น้ำเสียงร้อนรนของมันทำให้ผมอดที่จะถามออกไปไม่ได้
'พี่รู้ใช่ไหมว่าพี่เจนนี่อยู่แถวนั้น?'
ผมนิ่งเงียบไปสักพัก ในสมองก็ทบทวนว่าควรจะตอบอะไรออกไปดี
"อืม"
สุดท้ายผมก็ยอมรับว่าตอนนี้ผมอยู่ไม่ห่างจากเธอ
'ถ้างั้นพี่ช่วยพาพี่เจนนี่ไปส่งบ้านได้ไหม?'
น้ำเสียงของมันดูเป็นกังวลมากจนผมสงสัยว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรึป่าว
"กูไปส่งให้ได้ แต่มึงต้องบอกกูมีเรื่องอะไร"
ไอ้อัดเงียบไปสักพักก่อนที่มันจะถอนหายใจออกมา ผมไม่รู้หรอกว่ามันมีเรื่องหนักใจอะไร แล้วผมก็จะไม่คาดคั้น ผมจะรออยู่อย่างนี้จนกว่ามันจะเล่าออกมาเอง
'พอดีไอ้เปอร์มันมาช่วยผมเรื่องเด็กก็เลยไปส่งพี่จะเจนนี่ไม่ได้'
"แค่เด็กคนเดียวทำไมต้องรีบร้อนออกไปขนาดนั้นวะ?"
'มันก็คงเป็นห่วงนั่นแหละ พี่ไม่มีอะไรหรอก'
เขาว่ากันว่าถ้าเราฟังเรื่องโกหกเราจะไม่สามารถเชื่อในคำพูดนั้นได้ร้อยเปอร์เซ็นต์และผมคิดว่ามันเป็นความจริงเพราะผมรู้สึกได้ว่าไอ้อัดมีเรื่องปิดบังผมอยู่
"มึงมีอะไรจะบอกกูไหม?"
'ผมไม่สามารถบอกพี่ได้ตอนนี้'
"แค่รู้ว่ามึงมีเรื่องที่ต้องบอกกูก็พอแล้วว่ะ ขอบคุณที่ไม่โกหกกู"
ผมเชื่อในเรื่องมิตรภาพเสมอ และผมก็เชื่อว่ามิตรภาพของผมกับมันเหนียวแน่นพอที่จะทำให้เราเชื่อใจกันและไม่มีเรื่องปิดบังต่อกัน
'ยังไงผมฝากพี่เจนนี่ด้วยนะ'
มันว่างั้นก่อนจะกดตัดสายทิ้งไป ผมเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าก่อนจะมองเลยไปที่เธอ ร่างบางยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติงสายตายังมองไปที่ผืนน้ำยามค่ำคืนเช่นเดิม
มันอาจเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับบางคนกับการมานั่งมองคนๆนึงเป็นชั่วโมง แต่สำหรับผมการนั่งมองเธออยู่ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อเลยและผมก็คาดหวังว่าจะได้มองเธอแบบนี้ไปอีกนานๆ มันอาจจะฟังดูแปลกๆแต่สำหรับผมการได้มองเธออยู่ตรงนี้คือสิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดแล้ว
เขาว่าความรักมันจะทำให้คนเราทำอะไรแปลกๆอย่างที่ตัวเองไม่เคยทำ หรือพูดง่ายๆคือความรักสามารถทำให้เราไม่เป็นตัวของตัวเอง และผมก็รู้สึกนะว่าสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้มันโคตรไม่ใช่ตัวเองเลย
แต่แปลกที่ผมกลับมีความสุขที่จะทำมัน
ผมไม่เคยที่จะตามติดผู้หญิงคนไหนมากถึงขนาดนี้ ผมไม่เคยใส่ใจหรือสนใจใครมาก่อน ตลอดชีวิตที่ผ่านมาผมเป็นฝ่ายที่ถูกไล่ตามเสมอ มันทำให้ผมค่อนข้างหลงระเริงพอสมควร จนกระทั่งวันหนึ่งที่ผมได้มาเจอคนที่ผมต้องวิ่งไล่ตามเขามันทำให้ผมได้รับรู้ถึงความรู้สึกของการเป็นฝ่ายวิ่งตามใครสักคนว่ามันเหนื่อยมากแค่ไหน
แต่ถึงเหนื่อยแค่ไหนผมก็ยังไม่หยุดที่จะตาม
แล้วผมก็ตั้งใจไว้แล้วว่าผมจะวิ่งจนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทางและคว้าชัยชนะมาให้ได้ ถึงแม้ว่าผมจะต้องวิ่งอย่างนี้ไปอีกกี่ร้อยกี่พันกิโลเมตรก็ตาม
ผมไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกของผมที่มีให้กับเธอมันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมรู้แค่ว่าไม่เคยมีผู้หญิงคนไหน ทำให้ผมเป็นแบบนี้มาก่อน ผมได้เรียนรู้ที่จะรัก ได้เรียนรู้ที่จะเป็นฝ่ายวิ่งตามมากกว่าฝ่ายถูกตาม และผมก็ได้เรียนรู้ว่าการเป็นฝ่ายถูกปฏิเสธมันเจ็บปวดมากแค่ไหน
เขาว่าคนเรามักจะวิ่งตามในสิ่งที่เราไม่สามารถไขว่คว้ามาได้มากกว่าสิ่งง่ายๆที่อยู่รอบตัว ตลอดชีวิตผม ไม่เคยขาดแคลนเรื่องผู้หญิง มีผู้หญิงหลายคนมอบความรักให้กับผม วิ่งไล่ตามผมอย่างบ้าคลั่ง แต่ผมกลับไม่ไขว่คว้าอะไรไว้เลย
เที่ยงคืนแล้วผมรู้สึกง่วงนอนนิดหน่อย แต่เพราะสิ่งตรงหน้าที่มีความน่าสนใจมากกว่าทำให้ผมไม่สามารถที่จะข่มตาหลับลงได้ อีกอย่างผมรับปากไอ้อัดไว้แล้วว่าผมจะไปส่งเจนนี่ที่บ้าน แต่ผมยังไม่พร้อมที่จะเข้าไปหาเธอในตอนนี้
ผมไม่อยากเห็นสายตาว่างเปล่าที่เธอมองมา
มันเป็นสายตาธรรมดาที่เธอใช้มองผู้คน แต่ไม่รู้ทำไมเวลาที่เธอใช้สายตาแบบนั้นมองผมแล้วมันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ได้
จนกระทั่งตอนเที่ยงคืนสามสิบนาทีผมตัดสินใจรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหาเธอ
"เจนนี่"
รอบข้างเงียบสงบจนแทบได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน แต่น่าแปลกที่เธอกลับไม่ได้ยินเสียงผมเอ่ยเรียก
"เจนนี่"
ผมตัดสินใจใช้มือแตะเบาๆที่ต้นแขนเธอแต่ก็ยังไร้การตอบสนองจนผมชะโงกหน้าเข้าไปดูใกล้ๆถึงได้รู้ว่าเธอนั้นได้หลับไปแล้ว ผมรู้สึกโมโหเล็กน้อยที่เธอไม่ระวังตัวเองเลย หากตรงนี้ไม่ใช่ผมที่ยืนอยู่แต่เป็นคนอื่น ทรัพย์สินรวมทั้งตัวเธอจะเสียหายไปมากแค่ไหนก็ไม่รู้...