มุจลินทร์ก้าวขาช้าลงเพราะระยะห่างไม่เท่าใดเธอก็จะถึงตัวรถคันนั้นอยู่แล้ว ทว่าอะไรก็ไม่ทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นรัวเร็วเท่าดวงตายาวรีที่จ้องตรงมายังเธอเป็นหนที่สอง เธออดไม่ได้ที่จะมองกลับไปยังใบหน้าราวรูปสลักของเจ้าชายในเทพนิยายชวนฝัน รูปร่างสูงใหญ่ภายใต้เชิ้ตขาวพิมพ์ลายกราฟฟิคและกางเกงเดนิมสีดำบ่งบอกว่าสมแล้วกับการเป็นนักกีฬาว่ายน้ำเต็งหนึ่งของมหาวิทยาลัยชื่อดัง หากเพียงชั่วอึดใจเดียวเขาก็ละสายตาไปจากเธอเพื่อก้าวขึ้นรถคันงามทิ้งไว้แต่มุจลินทร์ที่ยังหยุดยืนนิ่งมองท้ายรถคันหรูแล่ลับไปจากสายตา หญิงสาวยืนทอดสายตาออกไปเนิ่นนานกว่าจะรู้ตัวว่าใจลอยไปถึงไหน ๆ ก็มีเสียงแตรของรถอีกคันที่แล่นเข้ามาจอดเทียบข้าง ๆ ดังกลบสมาธิอันแตกซ่านของเธอ
“ลิน.....ขึ้นรถลูก....ยืนเหม่ออะไรอยู่”
มุจลินทร์มองเข้าไปในรถที่ผู้อยู่หลังพวงมาลัยลดกระจกลง หญิงวัยสี่สิบกว่าในชุดกระโปรงผ้าลูกไม้สีชมพูแต่งหน้าเข้มตีผมพองฟูนั่งยิ้มกว้างอยู่ภายใน หญิงสาวรีบเปิดประตูรถและก้าวขึ้นไปนั่งข้างคนขับพร้อมกระเป๋าและหนังสือที่หอบหิ้วพะรุงพะรัง
“แม่โทรมาทำไมลินไม่ยอมรับสายคะลูก นี่แม่เกือบจะขับรถออกไปแล้วนะพอดีเห็นลูกเสียก่อน”
ณัฐญาณีเอ่ยถามบุตรสาวขณะเหยียบคันเร่งพารถออกจากบริเวณมหาวิทยาลัย
“หนูไปดูเขาแข่งว่ายน้ำค่ะแม่ เสียงเชียร์ดังมาก เลยไม่รู้ว่าแม่โทรมา”
“ช่างเถอะ.....แต่ว่าลินจะเปลี่ยนชุดหน่อยดีไหมคะลูก”
มารดาของมุจลินทร์เอ่ยถามขณะเหลือบมามองบุตรสาวที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษา
“ไปชุดนี้ก็ได้ค่ะแม่ ลินไม่อยากให้แม่เสียเวลา เดี๋ยวคนที่แม่นัดเขาไว้จะคอยนาน”
“คุณอนันต์หรือลูก....เขาไม่เคยหงุดหงิดอะไร ถ้าเป็นเรื่องของแม่ เขายินดีคอยค่ะ เป็นสุภาพบุรุษมากสำหรับแม่”
“มากกว่าพ่อหรือคะ”
“อย่าถามแบบนั้นสิคะลูก เราอย่าเอาคนเป็นไปเปรียบกับคนตาย พ่อของลูกเป็นคนที่ดีที่สุดในใจแม่เสมอ แต่เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับปัจจุบัน จะได้ไม่โหยหาอดีตให้ทุกข์ใจ”
“คุณแม่คะ....ถึงลินจะไม่เคยรู้จักผู้ชายที่แม่จะแนะนำให้ลินรู้จักคืนนี้ แต่ถ้าคุณแม่เห็นว่าเขาเป็นคนดี ลินก็ไม่มีอะไรขัดข้องค่ะ”
“ลูกเข้าใจแม่เสมอ....แม่รักลูกนะคะ อืม...คุณอนันต์ที่แม่อยากให้ลินรู้จักเขาน่ะ เห็นเขาบอกแม่ว่าลูกชายของเขาอยู่มหาลัยเดียวกันกับลูกด้วยนะ ดีจัง...เราจะได้เป็นครอบครัวเดียวกันที่ดูไม่ห่างเหินไงจ๊ะ”
รอยยิ้มละมัยแตะแต้มบนใบหน้าที่เริ่มมีริ้วรอยแต่ถูกกลบทับด้วยสีสันจนดูอ่อนกว่าวัยอันแท้จริง มุจลินทร์มองมารดาแล้วทอดสายตาออกไปยังภาพเบื้องนอกกระจกรถ เสี้ยวหนึ่งของความคิดกลับประหวัดถึงใบหน้าของหนุ่มรูปงามราวเทพบุตร ผู้นั้น เธอเดินไปมาอยู่ในมหาวิทยาลัยจนย่างเข้าปีที่สามหากก็ไม่เคยพานพบผู้ชายคนนั้นแม้สักคราวเดียว หรืออาจเป็นเพราะเธอเรียนอยู่ในคณะนิเทศศาสตร์จึงไม่เคยเดินชนกับหนุ่มวิศว นักกีฬาว่ายน้ำเบอร์หนึ่งของสถาบัน รอยยิ้มจาง ๆ แต้มอยู่ที่มุมปากเรียวบาง มีบางอย่างเริ่มเข้าเกาะกุมหัวใจของหญิงสาวโดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง
“จะไปพบแม่ใหม่หรือคะ...พี่คิน พี่รู้จักเขาหรือเปล่า”
เสียงใสของหญิงสาวในชุดนักศึกษากระโปรงสั้นเต่อซึ่งนั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับดังขึ้นภายในรถมินิเปิดประทุนอันหรูหราที่ค่อยเคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ บนถนนสายใจกลางเมืองท่ามกลางกาจราจรอันแออัดในยามอาทิตย์ลับแสงจากขอบฟ้าไปแล้วเหลือเพียงแสงไฟตามท้องถนนที่ทำหน้าที่ส่องสว่างต่างเวลากลางวัน ดวงตายาวรีของผู้ที่มือคอยควบคุมพวงมาลัยมองไปข้างหน้าคล้ายไม่ใคร่สนใจต่อคำถามนั้นนักหากทว่าสีหน้าอันเย็นเยียบกลับเหมือนน้ำแข็งที่กำลังถูกหลอมละลายทีละน้อย
“คุณพ่อบอกว่า....เขาชื่อ....ณัฐญาณี ดิษยฐานันด์ ผมไม่เคยรู้จัก”
“ณัฐญาณี ดิษยฐานันด์......”
นัยน์ตาพรายแสงบนดวงหน้าเรียวเล็กของพราวพิลาศเปล่งประกายคล้ายฉุกคิดอะไรได้บางอย่างเมื่อได้ยินชื่อของใครคนหนึ่งที่หลุดออกมาพร้อมน้ำเสียงอันราบเรียบแต่ก็แฝงไว้ด้วยความไม่ใส่ใจจากริมฝีปากได้รูปบนใบหน้าคมคายราวรูปสลักของเทพในตำนานยามถูกแสงไฟริมถนนฉาบไล้
“พราวจำได้แล้ว แม่ของมุจลินทร์เพื่อนคณะเดียวกับพราว....แต่ผู้หญิงคนนี้เป็นลูกหนี้คุณพ่อของพราวนะคะ คุณอนาคิน”
มีบางอย่างฉายวาบขึ้นมาในแววตาของผู้ฟัง มือหนาใหญ่เริ่มกำพวงมาลัยแน่นขึ้นโดยเจ้าตัวแทบไม่รู้สึก
“แล้วไง....”
“แล้วไงหรือคะ....คุณณัฐญาณีนั่นน่ะสามีเขาเป็นเจ้าของโรงงานผลิตสินค้าใหญ่มากแต่ตายเพราะอุบัติเหตุเครื่องบินตก เมื่อไม่กี่เดือนมานี้พราวเห็นเขามาที่บริษัทของคุณพ่อ ตอนแรกพราวนึกว่ามาติดต่อธุรกิจ ที่ไหนได้....กิจการของตัวเองส่อแววจะพังพาบ พราวเลยรู้ว่าเขาเป็นหนี้คุณพ่อตั้งสิบล้าน แต่ดุท่าทางเขาก็ไม่ได้ยี่หระอะไรเลยนะคะ เขาค่อนข้างจะเฉิดฉายในวงสังคม ลูกสาวเขาก็....ท่าทางหัวสูงเหมือนแม่ ไม่นึกเลยนะคะว่าผู้หญิงที่ชีวิตเต็มไปด้วยปัญหาคนนั้นจะมาเป็นแม่ของคุณคิน”