เป็นการคิดไม่ผิดที่ออกมาหย่อนใจในยามนี้ พระจันทร์ดวงโตเคลื่อนคล้อยไปถึงกลางแผ่นฟ้าทอแสงเหลืองนวลกระจ่างทาบทบลงมายังผืนปฐพี กลิ่นไม้ดอกนานาพันธุ์หอมอวลพาให้หัวใจชุ่มฉ่ำ
ใบหน้างดงามแหงนเงยพลางหลับตาพริ้มให้สายลมผะแผ่วปะทะเรือนกายคล้ายหมายให้สายลมเหล่านั้นพัดพาเอาเรื่องกลัดกลุ้มหายไปเสียที
พลันความเงียบงันและเสียงหวีดหวิวบางเบาราวมีใครบรรเลงพิณผะแผ่วล่องลอยมาแต่ไกลนั้นก็ถูกรบกวนด้วยเสียงของอะไรบางอย่าง
“ หืม นั่นเสียงอะไรนะ ” นางลืมตาขึ้นแล้วพยายามเงี่ยหูฟังให้ได้ยินชัดเจนจะแจ้งมากขึ้น
ตั้บ ๆๆๆๆ
อาาาา
เสียงอะไรพวกนั้นมันล่องลอยมาตามลม คล้ายเสียงสิ่งของกระแทกกันหนัก ๆ และเสียงคำรามครางอาจด้วยความเจ็บปวดหรือโกรธเกรี้ยว
เส้นขนบนลำคอระหงด้านหลังลุกเกรียว หรืออาจจะมีการทำร้ายกันเกิดขึ้นในจวนกันหนอ หากได้ยินชัดถนัดหูขนาดนี้คงจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
องค์หญิงซูเม่ยหันซ้ายหันขวาก็เห็นก้อนหินขนาดกระชับถนัดมือก็หยิบขึ้นมาถือเอาไว้เพื่อหมายเป็นอาวุธป้องกันตัวนางสาวเท้าอย่างเงียบกริบไปตามต้นเสียง ซึ่งมันเป็นทางทอดยาวไปสู่สวนดอกไม้เล็ก ๆ ด้านข้างของจวนแม่ทัพเหิง
และเมื่อนางเลี้ยวซ้ายพ้นศาลาใหญ่ก็ต้องเบิกตาโพลงอย่างตกใจเหลือล้น ก้อนหินที่ถือมาในมือหล่นตุ้บลงบนพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง
บนโขดหินใหญ่ท่ามกลางแมกไม้ปรากฏสองร่างเปลือยเปล่านัวเนียกันอยู่ หญิงสาวร่างอวบกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโขดหินใหญ่และถ่างขากว้าง ชายหนุ่มร่างกำยำอยู่ด้านบนตรงกลางระหว่างขานาง มือหนึ่งเขากำรอบคอนาง อีกมือค้ำพยุงตัวอยู่ที่พนักพิงโขดหินฝั่งหนึ่งและกำลังขยับบั้นเด้ากระทั้นถาโถมเข้าใส่นางอย่างไม่ปรานีปราศรัย
องค์หญิงซูเม่ยเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ นางเข้าใจบัดนี้แล้วว่าเสียงหอบหายใจราวทรมานนักหนานั้นอันที่จริงแล้วเกิดจากการสมสู่กันมิอายฟ้าดินตรงนี้เอง
เสียงครางครวญดังจากปากหญิงผู้นั้นราวทรมานเหลือเกินทุกครั้งที่ถูกสะโพกสอบอัดกระแทกบั้นเด้าเข้าใส่อย่างไม่ปราณีเสียงหอบหายใจแรงและคำรามลั่นอยู่ในลำคอของชายผู้นั้นก่อนที่เขาจะกระชากตัวตนออกมาจากร่างนางแล้วเสือกใสมันลงในกลีบปากอวบอิ่ม สะโพกของเขากระตุกและนิ่งอยู่เช่นนั้นชั่วอึดใจก่อนเขาจะผละออกจากนางทันทีโดยไม่มีพูดอะไรแม้แต่คำเดียว ก่อนจะหันหน้ามาหยิบเสื้อผ้าอาภรณ์ที่กองอยู่กับพื้น นั่นทำให้คนที่แอบดูอยู่เห็นใบหน้าของชายผู้นั้นชัดเจน
“ แม่ทัพเหิง ! ” นางหลุดปากเรียกชื่อเขาอย่างตกใจก่อนจะนึกได้แล้วรีบตะครุบปากตัวเองเอาไว้อย่างรวดเร็วพลางถอยห่างเพื่อหลบเร้น ทว่าช้าไปเสียแล้ว บุรุษผู้ชำนาญการรบพุ่ง หูไวตาไวเช่นแม่ทัพเหิงได้ยินเสียงนั้น เขาหยิบกระบี่ที่มิเคยห่างกายที่วางอยู่บนพื้นใกล้ตัวแล้วพุ่งพรวดมาทางต้นเสียงอย่างฉับพลัน กว่าจะรู้ตัวลำคอระหงของนางก็ถูกรวบเอาไว้ด้วยมือใหญ่ข้างหนึ่งแล้วกดลงกับพื้น โดยมีกระบี่เย็นเยียบจี้ปลายแหลมชิดฐานลำคอ
“ เจ้าเป็นใครบังอาจมาแอบดูข้า ! ” เสียงเหี้ยมเกรียมดังจากริมฝีปากได้รูปที่เม้มสนิท ดวงตาสีนิลที่จ้องมองมานั้นมืดดำเหลือเกิน นี่กระมังที่เขาเรียกว่าดวงตาแห่งเพชฌฆาต !
“ ขะ... ข้าไม่ได้แอบดู ปล่อยข้า ” นางระล่ำระลักตอบ สองมือพยายามผลักไสมือใหญ่ที่กุมรอบคอให้คลายออกแต่ก็เปล่าประโยชน์ เพราะเหมือนมันจะยิ่งขยุ้มแน่นให้นางขาดอากาศหายใจมากขึ้น
“ ข้าเห็นอยู่เต็มตาว่าเจ้าแอบดู เจ้าเป็นใคร ตอบ ! ”
“ ข้าองค์หญิงซูเม่ย ธิดาแห่งเจ้าเมืองหงโจวแห่งนี้อย่างไรเล่า ” คำตอบของนางทำให้มือที่กำแน่นนั้นคลายออก ก่อนแววตามืดดำนั้นจะเกิดประกายบางอย่างเพียงชั่ววูบแล้วกลับไป ฉาบปิดด้วยความเย็นชาเช่นเดิม
“ เจ้านี่เองรึที่เขาลือกันนักหนาว่างามล่มเมือง ข้าได้เห็นเป็นบุญตาก็วันนี้ แต่เป็นถึงธิดาเจ้าเมือง เหตุใดไม่มีมารยาทมาแอบดูผู้อื่นเช่นนี้เล่า องค์หญิงซูเม่ย ”
เขาตำหนินางด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน นั่นทำให้นางโมโหบ้างจึงรีบพยุงตัวลุกขึ้นนั่งหมายจะโต้เถียงกลับไป แล้วได้เห็นอย่างเต็มตาว่าแม่ทัพเหิงผู้นั้นเปลือยเปล่ามิสวมอาภรณ์แม้แต่ชิ้นเดียว ที่สำคัญเจ้าชิ้นเนื้อโด่เด่ตรงกลางระหว่างขาที่มีขนาดร่วมท่อนแขนนั้นมันดุนดันอยู่กับท้องน้อยของนาง ด้วยเขาอยู่ในท่าคร่อมต้นขากำยำทั้งคู่กดทับนางเอาไว้ !
องค์หญิงซูเม่ยตกใจแทบสิ้นสติ นางอ้าปากกว้างหมายจะตะโกนกรีดร้องทว่าปากจิ้มลิ้มนั้นกลับถูกปิดสนิททันทีด้วยริมฝีปากของบุรุษที่คร่อมนางอยู่ ก่อนที่เขาจะบดจูบดูดดึงและล้วงลิ้นเข้ามาไล้ในริมฝีปากนางอย่างเอาแต่ใจ
นางตกตะลึงพรึงเพริดขั้นสุดแต่ก็ยังพอมีสติ เมื่อโดนรุกล้ำจากชายไร้อารยะผู้นั้น สัญชาตญาณปกป้องระวังตัวก็ทำงานทันที นางขบกัดลิ้นอุ่น ๆ ที่บังอาจล้วงไล้เข้ามาในปากจนอีกฝ่ายผงะออก
“ โอ๊ย ! ” เสียงเขาอุทานด้วยความเจ็บ นางใช้จังหวะนั้นที่เขาเผลอผลักเขาให้เซลงกับพื้นแล้วลุกพรวดขึ้นทันที และเมื่อเห็นท่อนเอ็นอันโด่เด่อันนั้นที่นับได้ว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์แห่งบุรุษ นางก็มิรอช้าที่จะโจมตีมันทันทีโดยการกระทืบลงไปบน ความใหญ่ยาวเสียเต็มรักหนึ่งทีก่อนจะรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
“ อ๊ากกกก ! ” เสียงร้องอุทานโหยหวนด้วยความเจ็บปวดของแม่ทัพเหิงผู้เกรียงไกร ผู้ผ่านศึกน้อยศึกใหญ่มามากมายนัก บัดนี้ต้องมานอนหงายหลังอย่างหมดท่าเพราะถูกโจมตีจากสตรีตัวเล็ก ๆ นางหนึ่ง
แม่ทัพเหิงกุมความเป็นชายไว้แน่นเพราะมันเจ็บปวดจากการถูกกระทืบเสียเต็มรัก มืออีกข้างถูกยกขึ้นปาดเช็ดโลหิตสีชาดที่ไหลซึมจากปากด้วยการถูกกัดลิ้น เขาหันไปมองเรือนร่างอรชรที่เห็นอยู่ลิบ ๆ ก่อนคำรามออกมาอย่างเจ็บแค้น
“ องค์หญิงซูเม่ย แค้นนี้ต้องชำระ ! ”