“ไอ้เหนือ ถึงคิวมึงแล้ว ออกไปคุยข้างนอกกันเถอะ โทษทีที่ให้รอนาน” หนุ่มเจ้าของบ้านเดินนำหน้าเพื่อนสนิทออกไป มันเดินตามออกมาต้อยๆ ช่วงนี้อยู่ในฤดูฝนแดดช่วงบ่ายไม่ค่อยมี มีเพียงเมฆครึ้มปกคลุมทั่วท้องฟ้า ยังไม่มีทีท่าฝนจะตั้งเค้าสองหนุ่มก็เลยไม่แคร์สภาพอากาศ มานั่งคุยกันยังชุดรับแขกตรงระเบียงบ้าน
“มีอะไรอยากพูด อยากปรึกษา หรืออยากระบายก็จัดมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”
ธาวินยกขึ้นกอดอกตั้งใจฟังในสิ่งที่เมืองเหนือร้อนใจรีบขับรถดิ่งมาถึงที่นี่ เขาเงียบรอฟัง มันเองก็เงียบ ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไง อ้าปากจะพูดอะไรหลายครั้ง ก็งับกลับเหมือนเดิมพูดไม่ออกซะงั้น อึกอักนานเข้าก็ยกมือขึ้นขยี้ศีรษะตัวเองแรงเหมือนคนสติแตก
“หยุดก่อน หยุดก่อน มีอะไรก็ค่อยๆ พูด ไม่ต้องคิดมาก พูดมาตามที่คิดนั่นแหละ”
ให้ตายเถอะ จะหัวเราะก็เกรงจะถูกเตะเต็มๆ ฝ่าเท้า ธาวินก็เลยต้องบอกมันให้ใจเย็น
‘เมืองเหนือ เตชะราช’ หล่อขั้นสวรรค์แรดขั้นพระอินทร์ ทำหน้าอมทุกข์เหมือนกำลังจะเป็นจะตาย
“กูเบื่ออารมณ์ของตัวเองโคตรๆ เลยว่ะ”
“ช่วงนี้งานในไร่ไม่หนักเหรอ ถึงมีเวลาฟุ้งซ่าน”
“หนักสิวะ มึงก็รู้ว่าช่วงหน้าฝนการทำไร่มันลำบากมากแค่ไหน” งานในออฟฟิตยังหนักไม่เท่าต้องไปคุมงานในไร่ เพื่อนเขารู้ซึ้งดีเพราะธุรกิจของที่บ้านก็มีลักษณะคล้ายกัน งานหนักไม่ต่างกัน
“เข้าใจ ช่วงนี้ไร่กูก็ยุ่งๆ ใกล้ฤดูการเก็บเกี่ยวแต่แม่งเสือกมีแมลงจากไหนไม่รู้มากัดกิน แล้วนี่มึงมีอะไรถึงมาหากูถึงบ้าน”
“กูเพิ่งมาจากกรุงเทพ ลงเครื่องเสร็จก็เลยแวะเอาของฝากมาให้หลาน ความจริงก็แค่นั้นแหละ ไม่ได้มีเรื่องอะไรมาเล่าให้ฟังหรอก”
“เหรอ! บอกไม่มีอะไรทั้งที่หน้ามึงอมทุกข์แบบนี้เนี่ยนะ เห็นกูหน้าเด็กเหมือนลูกชายกูเหรอ อะไร ยังไง เล่ามา ทะเลาะกับเมีย หรือเมียจับได้ว่าแอบไปนอนกับคนอื่น” เลิกคิ้วขึ้นสูงเชิงถาม
“พ่อมึงสิ ไม่ใช่เว้ย กูยังไม่มีเมียสักหน่อย”
“อย่ามามุก เมียเป็นร้อยแล้วมั้งหน้าหื่นๆ แบบมึง” กระตุกยิ้มมุมปาก ตลกสีหน้าเหรอหราของมัน มันไม่รู้ตัวเหรอว่าโคตรตลก
“ไม่จริงโว้ย เรื่องนี้กูขอเถียงขาดใจ ถ้ากูร้อย มึงก็สองร้อยแหละวะไอ้เก้า นอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าไม่ต่างจากกูแหละมึง”
อดไม่ได้เหน็บกลับคืนบ้าง แต่ลืมตัว พลาดอย่างแรงเพราะเหน็บเสียงดังไปหน่อย มารู้สึกตัวว่าพูดไม่ดี ก็ตอนเห็นสีหน้าของเพื่อนสนิท คาดว่ามันคงกลัวเมียรักบังเอิญผ่านมาได้ยิน
“ไอ้เหนือ ไอ้เพื่อนสารเลว!”
เท้าเขาไวมาก ถีบหัวเข่ามันเข้าให้เต็มแรง “นั่นมันเรื่องก่อนกูกับเมียกูจะคืนดีกัน อย่ามาเสือกพูดเสียงดังให้เมียกูได้ยิน”
“โทษทีๆ กูมันปากหมาสมองนิ่ม”
“อย่าพูดอีกเชียว กั้งเป็นเมีย แล้วก็เป็นแม่ของลูกกูด้วย กูไม่อยากให้เขาได้ยินแล้วเก็บไปคิดเล็กคิดน้อย”
คราวก่อนก็คิดแล้ว ว่าเขาเบื่อประตูหน้าไปชอบประตูหลังของคุณราช คิดได้ไงว่าเขาเป็นเกย์
“ขอโทษไปแล้วไงวะ ไม่พูดอีกหรอก”
ฮึ! เบื่อจริง พวกมีครอบครัวแล้วรักเมียรักลูกยิ่งกว่าตัวเอง ถูกคนอื่นล้อว่ากลัวเมียจนหงอก็ยิ้มรับร่าเริง
“สรุปว่ามึงจะมาเล่าอะไรให้กูฟัง”
ไม่ใช้คำว่าปรึกษาแล้ว รับฟังมันก็พอ นิสัยขวานผ่าซากของเมืองเหนือ ไม่รู้จะมีใครปราบได้ไหม
“ไม่มีอะไรหรอก เล่าไปมึงก็ไม่เข้าใจความรู้สึกของกู”
ยกมือขึ้นกอดออกหลังจากบอกปัดไปประโยคสั้นๆ ขมวดคิ้วเข้มจนเป็นเส้นตรง คนฟังหลุดเสียงหัวเราะ มองหน้ามัน
“เออ พูดถูก ไม่เข้าใจสิวะ ก็มึงไม่ยอมบอกอะไรให้กูฟังเลยนี่หว่า มาถึงก็ทำหน้าเครียดให้เล่าอะไรก็มัวแต่อมไว้ในปาก ใครจะไปอ่านใจมึงออกครับไอ้คุณเหนือ”
“ก็กูไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงนี่หว่า ถ้ามันพูดง่ายก็เล่าให้ฟังไปแล้วสิวะ” เขากลอกตาใส่ ยกน้ำใบเตยมาจิบ เมื่อกี้ตอนออกมาถือติดมือมาด้วย น้องวินคนเก่งอุตส่าห์เอามาเสิร์ฟทั้งที
“เอางี้นะมึง เริ่มต้นจากการตอบคำถามขั้นเบสิกเลยนะ ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อไหร่ ตอบมาให้ครบทุกข้อ ห้ามเลี่ยง”
นั่นปะไร! มันก็ถามตรงเกิ๊นนน ตอบหมดนั่นรู้เรื่องพอดี
เมืองเหนือขยับปากขมุบขมิบด่าเพื่อนรักไม่เป็นภาษา ไม่มีความหมาย แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่สามารถจับประเด็นได้
“ตอบสิวะ มองอยู่ได้”
ธาวินเร่งรัด อยากรู้แล้วว่าทำไมเพื่อนถึงทำหน้าบูดเป็นตูดหมึกขนาดนี้ ใครกันทำเมืองเหนือเพลียใจ
“ยัยเด็กคนนั้น”
คำตอบแรกเสียงค่อนข้างห้วน เมืองเหนืออึดอัดใจทว่าสุดท้ายยอมตอบจนครบทุกคำถาม “กลับมาอยู่ที่บ้านกับพ่อกูแล้ว ไม่รู้ว่าคิดวางแผนจะแต่งงานกันในไร่หรือเปล่า กูกลุ้มใจ”
“อย่าบอกนะว่าน้องปริม!” ธาวินตกใจ
แฉลบสายตาไปมองหน้าเพื่อน ตอบกระแทกเสียง “ก็เออสิ”
“เฮ้ย เดี๋ยวนะ พ่อมึงรู้หรือเปล่า”
“รู้อะไรวะ” เมืองเหนือถามตาใส ดัดจริตเกินงาม
“ก็เรื่อง...”
ยังไม่ทันจะพูดต่อไอ้เพื่อนยากก็สวนขึ้นมา ตัดบทดื้อๆ ไม่อยากยอมรับหรือรับฟังอะไรทั้งนั้น ทำเขาหมั่นไส้ โคตรจะหมั่นไส้มันเลย อย่าคิดว่าเขารู้ไม่ทันเชียว นิสัยแรดๆ เจ้าชู้ๆ ของมัน
“เรื่องอะไร ไม่มี้ ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ กูไม่ชอบยัยเด็กนั่น ไม่อยากให้หล่อนมาเป็นแม่เลี้ยง พยายามห้ามแล้วแต่พ่อก็ไม่ฟัง”
“อ๋อ กูเข้าใจแล้ว”
“ยิ้มอะไรของมึงวะ”
เลิกคิ้วขึ้นสูง จิกสายตาถามมัน อยู่ๆ ก็ยิ้ม บ้าไปแล้วหรือเปล่า กล้ายิ้มทั้งที่เขาทำหน้าขรึมโคตรเครียดขนาดนี้
ธาวินหัวเราะหึๆ เริ่มจะเดาทางเพื่อนรักออกแล้ว ไอ้เสือเอ๊ย! “คงกลัวพ่อจับได้ หรือไม่ก็กลัวจะหาโอกาสเหมาะๆ รักเด็กไม่ได้”
“คิดห่าเหวอะไรของมึง กูไม่ได้ชอบ”
“ไม่ชอบแต่ก็ไปกรุงเทพเดือนละครั้งสองครั้ง อยู่ครั้งละหลายวัน อืม... แบบนี้เหรอวะนิยามของคำว่าไม่ชอบ หึหึ”
ธาวินยิ้มกรุ้มกริ่ม รู้ทันเพื่อน
“กูไปทำงานปะ”
“อย่ามาตอแหลตาใส กูรู้ทันมึงหมดแหละไอ้เหนือ”
“เสือกจริงเว้ย!” กระแทกเสียงด่ามัน ไม่ชอบเลยพวกรู้ทัน
“โดนด่าเฉยเลยเว้ย ฮ่าๆ เอาน่า มึงก็ใจเย็นๆ ลองดูสถานการณ์ไปอีกนิด กูว่าพ่อมึงไม่แต่งกับน้องปริมหรอก เก็บไว้ดูเล่นเพลินตากว่าเยอะ น้องปริมจะได้ไม่ถูกคนอื่นนินทาด้วย”
พยายามพูดให้มันยินดีมากขึ้น แต่ดูจากสายตาตอนนี้คาดว่าจะยินร้ายมากกว่า ธาวินหุบปากฉับทันควันรูดซิปปากไม่พูดต่อ
“ลองพ่อเอายัยนั่นมาเป็นแม่เลี้ยงกูสิ จะจับหักคอจิ้มน้ำพริกซะให้เข็ด ตัวเล็กเท่าลูกหมาคิดเหรอว่าจะพ้นน้ำมือของกูไปได้”
ปากแบบนี้มันน่ายืมไปด่าคนนัก
ธาวินแอบนินทาเพื่อนในใจ แต่ก็เอาเถอะ คบกันมานาน รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นคนปากร้ายแต่ใจดี
“เฮ้ย!” ธาวินตบหน้าขาฉาดใหญ่เพิ่งนึกขึ้นมาได้
“หรือจะอย่างนี้วะ บางทีพ่อมึงอาจจะอยากให้มึงกับน้องปริมรักกัน ก็เลยบีบทางอ้อมว่าจะแต่งงานด้วย เหมือนพระเอกนางเอกในนิยายน้ำเน่าที่เมียกูชอบอ่านไง”
นามปากกา ‘คณานางค์’ เมียเขายิ่งชอบ น้ำเน่าได้อีก ชอบมากถึงขนาดหลังไมค์ไปคุยด้วยบ่อยๆ กดดันให้แต่งนิยายสักที แต่นักเขียนก็ดองเก่ง งานเต็มไหหมดแล้วก็ไม่แต่งนิยายออกมาให้อ่านสักที สุดท้ายเมียเขาก็ทำใจได้ว่าเรื่องที่อยากอ่าน เนื้อหามาช้าแน่นอน ดูอย่างเรื่องนางฟ้าลวงรักสิ ดองมาเป็นปีแล้ว ยังดีนะที่แต่งเรื่องใหม่ออกมาให้อ่าน ไม่งั้นเขาต้องฟังเมียรักบ่นไปอีกนาน
เมืองเหนือยกมือขึ้นลูบแขนทั้งสองข้าง ตักขนมใส่ปากปิดท้ายด้วยน้ำใบเตยหอมๆ พยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองให้เย็นลง
“ขนลุกเว้ย! มึงหยุดพูดเลยนะไอ้เก้า กูเคยบอกแล้วว่าไม่อยากแต่งงานมีครอบครัว เบื่อเสียงจุกจิกของผู้หญิง เป็นโสดแบบนี้แหละดีแล้ว” ยืนกรานภูมิใจในชีวิตโสดของตัวเอง
“เป็นโสดไม่เห็นจะดีเลย เมื่อยมือ” ธาวินยิ้มอ่อน
“เหรออออ ตอนโสดก็ไม่เห็นว่ามึงจะใช้มือสักทีนะไอ้เก้า ใช้บริการสาวๆ ตลอดนั่นแหละมึง น้องฟ้าเอย น้องพิมพ์เอย”
“ไอ้เวรเหนือ! อีกแล้วนะมึง!”