เมลานีผู้ผ่องพรรณ

1204 Words
ตอนที่ 7 อีศทำหน้าเหรอตกใจแกมรู้สึกประหลาดที่เพื่อนสนิทตระกูลร่ำรวยเอ่ยอย่างนั้น “เอนี่มันอะไรแกจะบ้าหรือไงยายเมี่ยงดอกอะไรกันฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย” อีศนอกจากตกใจแล้วยังถามกลับ น้ำเสียงเร็วปรื๋อ “ดอกอะไรหรืออ้าวก็กุหลาบสีโอล์ดโรสเสียด้วยสิจัดผูกช่อบูเก้มาอย่างดี” คนฟังอุทานอีกครั้งอธิบาย “บ้าแล้วยายเมี่ยงฝันไปแล้วหรือไงธุระอะไรฉันจะต้องซื้อดอกไม้ราคาแพงขนาดนั้นไปให้แกฉันไม่ใช่แฟนแกนะโว้ยแพงขนาดนั้นฉันซื้อไม่ลงหรอก” อีศทำให้หล่อนคิดได้ไม่ใช่อีศแน่..เพราะคำอธิบายแจ่มแจ้งสรุปแล้วแต่หล่อนยังไม่รู้ตัวตนคนส่งว่าชื่ออะไรอยู่ที่ไหนบ้านอยู่ไหน..ที่ถูกจัดส่งมาเป็นเพราะพนักงานของหล่อนไม่ถามไถ่ แต่ช่างเถอะคนส่งคงมีความลับหรือปริศนาบางอย่างที่ต้องการสื่อให้รู้ ดอกกุหลาบคนที่สื่อด้วยดอกกุหลาบ.. หมายความว่ายังไง ความรักนะหรือ.. ความรัก?หญิงสาวพึมพำเบาๆใครกันนะ..คนอื่นที่หล่อนควรจะสงสัยอีกเป็นอมเลศกับสาทมหรือเปล่าแต่ว่าฐานะอย่างเขาไม่อยู่ในขั้นที่จะกล้าซื้อดอกไม้ราคาแพงลิบลิ่วอย่างนี้ จะมีก็แต่พี่ชายของฉายพัดชา ดลัมภ์ที่หล่อนนั้นมีความรู้สึกเสมอว่าหล่อนไม่ชอบดลัมภ์ในทางชู้สาวในงานนั่นหญิงสาวก็เอ่ยคุยกับเขาด้วยคำพูดไม่กี่คำทักทายตามประสาคนที่รู้จักกันเท่านั้นแต่คนที่หล่อนอยากให้ทักทายมากกว่าคือเขาแต่เขานั้นกลับไม่ทักทายหล่อนเลยในวันนั้น คงมัวแต่ไปทักทายน้องสาวของดลัมภ์แทนล่ะสิ ฮึ พี่บุ้นนะพี่บุ้น. หากตกเย็น เมื่อถึงเวลาเลิกงาน และหล่อนเตรียมพร้อมสะพายกระเป๋าใบเก๋สีชมพูแล้วตรงดิ่งไปยังลานจอดรถสำหรับผู้บริหาร รถสีส้มแป๊ดของหล่อนจอดนิ่งอยู่ที่เดิม ยามเย็นความสงบสาดแสงของดวงอาทิตย์อ่อนแสงและโรยรามากแล้ว ทั่วทั้งเมืองคอนกรีตที่ไม่ว่าจะเหลียวไปทางไหนมีแต่แท่งปูนสี่เหลี่ยมรายรอบไปทั่วเป็นที่ตั้งของอาคารสำนักงานโรงแรม หญิงสาวกำลังจะตัดสินใจเข้าศูนย์การค้าดี แต่ความคิดของหล่อนก็สะดุดตรงที่ดลัมภ์คนที่หล่อนนึกงงเอ่ยทักหล่อน ไม่ทราบว่าเข้ามาตอนไหน “อ้าวน้องเมี่ยงนี่เองจะรีบกลับเลยหรือครับเผอิญพี่มีธุระแวะมาคุยกับคุณอาก็ไม่นึกว่าน้องเมี่ยงจะรีบกลับ”เขาเอ่ยถึงบิดาของหล่อนอย่างสนิทสนมเสียงทักทายนั่นเป็นของดลัมภ์นั่นเอง ไม่ทราบการมาของเขาแต่ก็ยิ้มให้เขาตามมารยาท “สวัสดีค่ะคุณลัมภ์” หล่อนเอ่ยเหมือนไม่อยากจะสนิทสนมด้วยฟังดูจึงห่างเหินและไว้ตัว “แหม..จะเข้าไปพบคุณพ่อหรือคะเชิญเลยค่ะท่านอยู่ข้างในห้องส่วนตัวดิฉันก็จะกลับแล้วค่ะ หญิงสาวเอ่ยจบตรงไปที่รถของหล่อน ต้องทำเอาดลัมภนั้น์เก้อนักเขาอยากจะเอ่ยชวนหล่อนคุยหลายคำและจุดประสงค์ที่เขาเร่งมาที่นี่เพื่ออ้างงานและคุณอัศวงค์บังหน้าเท่านั้น อันที่จริงเขาต้องการอยู่ใกล้เมี่ยงเมรัยและพูดคุยกับหล่อนมากกว่า แต่หล่อนก็มาด่วนกลับจึงหันไปมองด้วยความเสียดาย ใบหน้าที่เก้อของดลัมภ์แปรเป็นสะแยะยิ้มหยัน ในความจองหองแสนหยิ่งของหล่อน “หยิ่งนักแม่คุณยังไม่ทันได้พูดอะไรเลยก็จะรีบกลับ” เขาไม่อยากคิดว่าหล่อนรังเกียจเขา ต้องเข้าประกบเอาใจตัวท่านให้มาก บางทีนะเมี่ยงเมรัยอาจจะอยู่ในกำมือของเขาก็ได้ ถ้าหากเขามีโอกาสกล่อมพ่อของหล่อนได้สำเร็จ ตำแหน่งลูกเขยของตระกูล ทิชากรก็ไม่ได้หนีหายไปจากเขาเลยเมื่อคิดได้แค่นี้เขาก็พึงพอใจแล้วต่อไปมันอาจจะมีหนทางที่ทำให้เขาสามารถรวบหัวรวบหางหญิงสาวเจ้าเสน่ห์อย่างเมี่ยงเมรัยก็ได้ การที่ได้พบกับบิดาของหล่อนแทนนั้นอีกอย่างก็ทำให้เขารู้ความเคลื่อนไหวของลูกสาว นายอัศวงค์ เขาพยายามใช้ปากของตนเองให้เป็นประโยชน์เรื่องไหนที่เมคหรือคุยอวดตัวว่าเลิศเลอได้ดลัมภ์ทำทั้งนั้นเพื่อให้นายอัศวงค์เชื่อมั่นในเครดิตของเขาซึ่งพยายามทำให้สุดคะแนนและสุดฝีมือ “วันนี้เอ้อผมมีโปรเจคใหญ่มาเสนอคุณอาด้วย สำหรับทิชากรครับ เป็นธุรกิจใหม่ กิจการที่มั่นคง ที่สำคัญบูมมากในอเมริกา ที่เมืองไทย ผมกำลังคิดริเริ่มอยู่” ขณะนี้นั้น ที่ห้องประชุมเล็กนั่นมันทำให้เขามีความหมายยิ่งนัก เขาเอ่ยค้างไว้แค่นี้ พอนิ่งเงียบเท่านั้น เหมือนเขาจะขอความกรุณาเมตตาจากเจ้าสัวหนุ่มใหญ่วัยหกสิบสาม ก่อนที่จะตัดสินใจเอ่ย “ แต่ถ้าว่าเม็ดเงินลงทุนเอ้อ อาจจะมากหน่อยนะครับ ถ้าคุณอาสนใจรับรองบูมในเมืองไทยแน่ ที่โน่นทำยอดขายถล่มทะลายมาแล้ว ใครๆก็จ้องจับแต่ธุรกิจนี้ แต่ผมไม่สนใจคนอื่น เห็นว่าคุณอาเป็นผู้ใหญ่ เป็นนักธุรกิจที่มีความมั่นคง ก็ลองรับข้อเสนอของผมไปพิจารณาดูก่อนไหมครับ” ดลัมภ์ทิ้งคำพูดอย่างสวยงามนายอัศวงค์เงียบไป เขาอยากฟังและได้ยินคำตอบกลับไม่ใช่เงียบเหมือนเป่าสากแบบนี้ ถึงอย่างไรดลัมภ์รู้สึกตัวว่า เขานั้นต้องใจเย็นอีกนิด “งั้นอาต้องขอบใจมากสำหรับคำแนะนำของดลัมภ์นะ ขอให้อาเอากลับไปคิดดูก่อนเถอะนะ แล้วจะให้คำตอบ”ดลัมภ์ฉายรอยยิ้มแย้มที่มุมปากก็ยังดีที่ท่านกลับเอาไปคิดต่อในบ้านและดูท่าทางของนายอัศวงค์ฉลาดไม่น้อย และหากเมี่ยงเมรัย นั้นหล่อนก็ฉลาดเป็นกรดไม่ต่างไปจากพ่อ นึกถึงร่างสวยงามระหงนั่นแล้ว ติดใจเขาอยู่ไม่วาย แต่ท่าทางของหล่อนดูเหมือนไม่พอใจเขาเอาเสียเลย “คุณพยัตเป็นยังไงบ้างล่ะอาเองก็ไม่ได้เจอกันนานเป็นเดือนเลยมัวแต่ยุ่งๆ”นายอัศวงค์ครุ่นคิดในสมองและก็ใช่ว่าจะให้คำตอบเร็วนัก ถ้าทำงานอย่างปราศจากความรอบคอบต้องไม่ใช่นายอัศวงค์แน่.. ที่เขาผงาดตัวเป็นเสือใหญ่ในธุรกิจสิ่งพิมพ์ในเมืองไทยด้านออกแบบผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์นี้ได้ ต้องแน่พอตัว มีพันธมิตรร่วมธุรกิจประเภทเดียวกัน นายอัศวงค์ชอบสร้างมิตรมากกว่าศัตรูแต่เขามักจะได้ศัตรูโดยที่ตนเองไม่ได้คาดหมาย แย้มยิ้มจางๆปรากฏบนใบหน้าของดลัมภ์เขาทำสีหน้ารื่นเริงตอบ “อ๋อคุณพ่อเองก็วุ่นอยู่กับลูกค้านั่นแหละครับเมื่อคืนนี้อยู่ที่สระบุรี แต่วันนี้ดูเหมือนจะอยู่ที่โรงงานศรีราชาผมอยากยื่นมือเข้าไปช่วยท่าน”เขาเว้นเสียงเพราะเข้าใจคำตอบ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD