ตอนที่ 16
“แม่คะนั่นเมี่ยง ใช่เมี่ยงหรือเปล่าหนูว่าดูคล้ายว่าต้องใช่แน่” สมรรตีเขม้นตามองตามบุตรสาวชี้ให้ดู พลางขยับแว่นตากรอบทองให้เหมาะแล้วกวาดตาจ้องเขม้นอีกที จึงพยักหน้ารับ
“นั่นสินะ แล้วมาทำอะไรที่นี่ นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว”
“หลบเข้าหาที่จอดก่อนเถอะคะ นันดาขอตัวแม่ไปหาเมี่ยงก่อนนะถ้าคุณแม่จะขอนั่งอยู่กับรถก็ตามใจนะคะ นันดาไปแป้บเดียว” คุณสมรรตีพยักหน้า ตามที่ลูกสาวบอก อนงค์นันดาดีใจยิ่งนักที่จะได้พบเพื่อนจึงปิดประตูรถเบาๆแล้วก็เดิมแกมวิ่ง ส่งเสียงมาแต่ไกล
“เมี่ยง เมี่ยง ยุ๊ฮู ทางนี้จ๊ะ แหมมาทำอะไรคนเดียวที่นี่ เกือบค่ำมืดแล้วนะ พอดี นันดาผ่านมารับแม่ที่ทำงาน กำลังจะกลับบ้าน”
เมี่ยงเมรัยทำหน้าเหรอหราที่เห็นเพื่อนแต่ก็ดีใจเหมือนกัน เพราะนึกไม่ถึง จึงขยับเดินเข้ามาหาเพื่อนมากที่สุด เมี่ยงเมรัยที่ยืนชะเง้อเหลียวหาพบเจอแล้วจึงชวนลงนั่ง
“คุยกันก่อนดีกว่าปล่อยให้คุณแม่รออยู่ที่รถไปก่อน นานๆได้เจอกันที ”อนงค์นันดาบอก
“ไหนขอถามหน่อยซิทำไมไม่กลับบ้านล่ะจ้ะ”
อนงค์นันดาห่วงใยอีกครั้ง ร่างระหงรูปหน้าหวานคิ้วเรียวที่แต้มแต่งได้กลมกลืนหันหน้ามาทางเพื่อนเงยหน้าขึ้นมองตรงๆก่อนตอบไม่หลบสายตาไปทางไหน
“ยังไม่อยากกลับบ้านพอดีเบื่อไม่รู้จะไปไหนเลยขับรถมาเพลินๆเข้ามาที่โรงเรียนเก่าที่เคยเรียน”เป็นคำตอบของเพื่อนรักอนงค์นันดาจึงเข้าใจ
“มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าเธอมัวทำแต่งานหนักหรือเปล่าแหมเธอนี่นะเมี่ยงเป็นเจ้าของบริษัทงกอย่างนี้รวยอภิมหารวยตายเลยย่ะ”
อนงค์นันดาค่อนขอดประชดไม่จริงจังนักหรอก แค่ล้อเล่นให้เพื่อนมีอารมณ์ร่วม เมี่ยงเมรัยยิ้มออกมา เห็นไรฟันเรียงซี่ดุจมุกวาวสวยกับเพื่อนสนิทรุ่นน้องเมี่ยงเมรัยก็ยังไม่กล้าเอ่ยปากพูดนักไม่ได้มีความคิดอย่างใดหรอก เพราะรู้ดีแล้วว่า อนงค์นันดาเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่เป็นเพื่อนแท้จริง
จากการที่เคยปกป้องหลายครั้งช่วยเมี่ยงเมรัยรับมือกับฉายพัดชา หญิงสาวที่คิดเสมอว่าหล่อนอยู่เหนือคนอื่นความจริงนั้นเมี่ยงเมรัยเปราะบางมากหากทว่าหล่อนฮึดสู้
เพียงเท่านี้นั้นอนงค์นันดาเพื่อนรุ่นน้องก็พอจะเข้าใจอย่างดี จึงปลอบอีกครั้ง
“พยายามทำใจดีๆเถอะไม่เป็นอะไรมากหรอกน่า”แต่หากว่าอนงค์นันดาไม่ได้เอ่ยถึงญาติผู้พี่ของหล่อนอีกทั้งในเวลานี้ก็ไม่อยากจะเอ่ยอะไรมากนักเพราะว่ามารดารออยู่ที่รถ ที่มาหาเมี่ยงเมรัยก็เพราะอยากจะทักทาย
“ที่นันดาแวะมาก็เพราะอยากช่วยตอนนี้แม่อยู่ด้วยเอาล่ะแค่นี้ก่อนนันดาขอตัวก่อนก็แล้วกันนะเมี่ยงมีอะไรก็โทร.มา”
อนงค์นันดากำลังจะเอ่ยถึงบุลิศด้วยเหมือนกัน แต่ว่าชะงักปากเอาไว้ เห็นว่าไม่เหมาะ เพราะว่า เมี่ยงเมรัยไม่ได้เอ่ยถึงญาติผู้พี่คนนี้ของหล่อน
“จ๊ะไปเถอะเดี๋ยวแม่เธอจะรอนานขอบใจนะที่อุตส่าห์แวะมาทักทายฉันนันดา”
“แหมพูดอย่างกับไม่ใช่เพื่อนกันนี่”อนงค์นันดาค่อนขอดเล็กน้อยพร้อมทำหน้าน้อยใจ
แต่เมี่ยงเมรัยยิ้มให้ และยิ้มของหญิงสาวบริสุทธิ์ ฉายออกมาจากความจริงใจเต็มเปี่ยม จากนั้นเองอนงค์นันดาจึงได้ผละจากไป กลับไปหามารดาที่รถ ซึ่งคุณสมรรตีกำลังรอคอย และเข้าใจว่าลูกสาวเข้าไปคุยธุระ
“กลับมาแล้วค่ะแม่คงไม่ทำให้แม่รอเก้อนานนะ” คุณสมรรตียิ้มให้ซึ่งก็รู้สึกเบื่อเหมือนกันหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ก็พยายามเข้าใจธุระของบุตรสาว
“ไม่เป็นไรหรอกว่าแต่หนูคุยธุระเสร็จแล้วใช่ไหมหนูเมี่ยงเป็นยังไงบ้าง”
อนงค์นันดาไม่นึกว่ามารดาของเธอจะสนใจด้วย จึงยิ้ม
“ขอบใจนะคะแม่ที่สนใจเพื่อนของหนูแล้วที่แม่ไม่รู้สึกรำคาญด้วย” นันดายิ้มให้มารดาอีกครั้งด้วยรอยยิ้มกระจ่างเห็นคุณสมรรตีไม่มีท่าทีตรงกันข้ามที่เธอคิด กลัวเหมือนกันกลัวว่ามารดาจะไม่เห็นด้วย และเห็นว่ามันไม่เหมาะสมเหตุที่อนงค์นันดาทำอย่างนี้เพราะความเป็นห่วงเพื่อนแล้วก็จ้องใส่บุตรสาวถลึงใส่เล็กน้อย
“แล้วเรื่องอะไรด้วยล่ะที่แม่ต้องรำคาญหนูก็ทำธุระของหนูไปสิแต่บอกว่ารู้สึกหงุดหงิดก็มีบ้าง”
คุณสมรรตีตัดสินใจพูดออกมาจริงๆ ไม่กลัวลูกสาวโกรธ
“งั้นสิคะหนูต้องขอโทษคุณแม่ด้วยไปกันเถอะค่ะ” อนงค์นันดาบิดกุญแจสตาร์ทรถอีกครั้ง ระหว่างที่รถเพิ่งเคลื่อนอีกครั้ง คุณสมรรตีเอ่ยถามลูกสาวอย่างนึกเป็นห่วงเพื่อนของนันดาว่า
“อ้าว หนูเมี่ยงล่ะ แล้วนี่ลูกไปคุยอะไรกัน ทำไมไม่พากลับด้วย ไม่นึกห่วงเพื่อนหรือยังไง”
คุณสมรรตีตำหนิบุตรสาวเบา ระหว่างที่มือกำพวงมาลัยสายตาระมัดระวังปากของนันดาก็มีรอยยิ้มเจือ
“เมี่ยงจะกลับเองค่ะเดี๋ยวก็กลับแล้ว เพื่อนของนันดาคนนี้แวะมาที่โรงเรียนเก่า”
“แม่ก็นึกว่านัดมาพบเพื่อน”คุณสมรรตีสันนิษฐาน
“แหม คงไม่หรอกค่ะ เมี่ยงไม่สนิทใครมากกว่านั้น มีหนูที่เพื่อนคนนี้รู้จักดีที่สุด คนอื่นดูแล้ว นันดาว่าไม่มีแน่”
อนงค์นันดามั่นใจอย่างมากนักจนยกยอตนเอง จนคุณสมรรตีมองลูกสาวอย่างหมั่นไส้
“แหมยกตัวเองเสียเลอเลิศเลยนะลูกสาวฉันไม่น่ารักเลยนะลูกไม่เอา..อย่าพูดอย่างนี้นะต่อไปเอาแค่กลางๆดีกว่าแม่ไม่อยากให้พูดยกยอตัวเองคนอื่นฟังแล้วเขาจะได้ดูถูก ”คุณสมรรตีตำหนิ
นันดาหน้าจ๋อยเมื่อมารดาเอ่ยขึ้น และยอมรับ พยักหน้ากับท่าน หากมารดาไม่ต้องการให้ทำกิริยาอย่างนี้
“ก็ได้ค่ะคุณแม่งั้นนันดาขอโทษแม่ด้วยค่ะ”
เห็นลูกสาวเอ่ยกล่าวคำนั้นแล้ว คุณสมรรตีค่อยเบาใจ จากนั้นรถก็แล่นเคลื่อนไปเรื่อยบนถนนที่ติดขัดบางช่วงเพราะเป็นถนนในซอย มีคันหลังทยอยตามมา แต่ไม่ถึงกับติดขัดหนัก ถ้าถึงถนนสายใหญ่อย่างเพชรบุรี ก็คงจะแล่นโล่งฉลุย
ร่างระหงในชุดกระโปรงพลิ้วสีอ่อนหวานเป็นจุดเด่น ที่หล่อนใส่มาจากที่ทำงาน กำลังคิดจะหันหลังกลับมองรถคันของเพื่อนสาวสนิทแล่นลับตาไปแล้วนึกถึงตนเอง เลยตัดสินใจกลับบ้าน พอขับรถไปถึงพบบิดา สีหน้าของนายอัศวงค์เห็นชัดว่าดีใจอย่างมาก ก่อนหน้านั้นชั่วครู่ ก็ยังมีสีหน้าวิตกกังวลใจ ว่าทำไม เมี่ยงเมรัยยังไม่กลับมาถึงบ้านเสียทีว่าจะโทร.เข้าเครื่องแล้ว