จากความเหลื่อมล้ำของยุคสมัย ชีวิตมนุษย์ที่ต่ำต้อยมีค่าแค่เพียงใบไม้ปลิดปลิว ผู้มีอำนาจสามารถสั่งความเป็นความตาย ความต้องการที่ไม่สนถูกผิด ทำให้จิตใจมนุษย์ถดถอยลงไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉาน สิ่งล่อลวงมนุษย์ ให้ก่อเกิดกิเลสตัณหายังคงมีให้เห็นอยู่เกลื่อนกลาด ดังเช่นบรรพกาลก็ยังมีเรื่องราวให้เล่าขานเกี่ยวกับตำนานการมีอยู่ของสตรีนางหนึ่ง ที่ผู้คนสามารถเข่นฆ่ากัน เพียงเพื่อให้ได้ครอบครอง
มันเป็นเพียงเรื่องเล่าในตำนานที่ใช่ว่าจะมีผู้ใดสามารถตอบได้ ว่าเรื่องราวนี้มีความจริงอยู่สักกี่มากน้อย สตรีที่ถือกำเนิดจากดอกเหลียนฮวา เรือนร่างของนางจะนำมาซึ่งชีวิตอมตะ แค่เพียงได้เสพสังวาสกับนางแม้เพียงครั้ง จะสามารถยืดอายุไปได้หลายสิบปี นั่นหมายความว่าการมีนางอยู่ข้างกาย คือชีวิตอมตะที่ไม่รู้จักจบสิ้น บุรุษจึงห้ำหั่นกันเพื่อยึดครองความเป็นอมตะนี้ จนแผ่นดินนองไปด้วยเลือด
บุรุษรูปงามสลักเสลาราวหยกที่สวมหน้ากากสีเงินเพียงครึ่งหน้า เผยเพียงดวงตาที่ดูไร้ก้นบึ้งดั่งมหาสมุทรใต้ทะเลลึก คิ้วหนารูปกระบี่ภายใต้หน้ากากเงินรับกับจมูก บ่งบอกถึงความน่าค้นหาของผู้ที่เป็นเจ้าของ 'อ๋องหย่งหรือหยางหย่งเล่อ' แม่ทัพไร้พ่าย ทอดมองไปที่เหลียนฮวาดอกใหญ่สีทอง ส่งกลิ่นหอมล่อลวงหมู่ภมรให้มาดมดอมแม้นเพียงแค่กลิ่นของมันยังดึงดูดสัตว์เหล่านี้ ให้เกิดความหลงใหลได้อย่างน่าอัศจรรย์ ตามตำนานได้กล่าวเอาไว้ว่า 'คราใดที่เหลียนฮวาถือกำเนิด สตรีผู้นั้นจะกุมอำนาจถือครองของทั้งทั่วปฐพี นางสามารถสั่งความเป็นตาย แต่จะมีเพียงบุรุษเดียวที่สามารถถือครองหัวใจของนาง เพื่อครอบครองความเป็นอมตะได้อย่างแท้จริง หาใช่เรือนร่างที่ต่ออายุได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว…'
"ท่านอ๋องดูเหมือนว่าผู้คนที่เดินทางมายังที่แห่งนี้เริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้น ตอนนี้อาจจะยังไม่เกิดการปะทะกันแต่ไม่แน่ว่าเมื่อดอกเหลียนฮวาได้บานออกตามที่ตำนานได้กล่าวไว้ เมื่อถึงตอนนั้นคงยากจะหลีกเลี่ยง กระหม่อมได้ตรึงกำลังของเราเอาไว้แล้ว แต่เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด กระหม่อมคิดว่าต่อจากนี้พวกเราควรที่จะสกัดไม่ให้มีผู้คนเพิ่มจำนวนมากขึ้นกว่านี้"
ฮุ่ยเฟินนั่งคุกเข่าลงเพื่อรายงานความเคลื่อนไหวให้กับหยางหย่งเล่อได้ทราบ
หยางหย่งเล่อรับฟังรายงานพร้อมกับละความสนใจจากดอกเหลียนฮวาตรงหน้ามาที่ลูกน้องคนสนิท
"ให้คนของเราคอยสังเกตเหลียนฮวาดอกนี้ให้ดี อย่าให้เกิดความผิดพลาดขึ้นได้เด็ดขาด นี่ก็ล่วงเข้าสามเดือนแล้วที่เราคอยสังเกตไม่ให้คลาดสายตา เกรงว่าอีกไม่นานแล้ว…"
เมื่อฮุ่ยเฟินจากไป หยางหย่งเล่อก็หันไปทอดมองที่เหลียนฮวาดอกใหญ่ตรงหน้าอีกครั้ง ตลอดระยะเวลาร่วมสามเดือนที่ล่วงผ่าน เขารู้สึกผูกพันกับเหลียนฮวาวิเศษดอกนี้ไม่น้อย ทุกวันเขาจะเอาแต่จดจ้องไปที่มันเช่นนั้นอยู่หลายชั่วยาม กลิ่นหอมที่กำจายออกมาทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสงบอย่างแปลกประหลาด แตกต่างกันกับบุรุษอื่น ที่คล้ายกับจะเสียการควบคุม สัญชาตญาณของความเป็นมนุษย์ได้หดหายไป เหลือเพียงแต่สัญชาตญาณของสัตว์ป่า ที่มีแต่ความต้องการจะสมสู่ พวกเขาพยายามเข้าไปใกล้มันเท่าที่จะทำได้ แต่ดูเหมือนว่าเหลียนฮวาดอกนี้ จะป้องกันตนเอง แค่เพียงพวกเขาย่างกรายเข้าไปในอาณาเขตของมัน ก็จะถูกพลังลึกลับที่มองไม่เห็นอัดกระแทก จนกระเด็นกระดอนออกมาไกลหลายจั้ง นั่นจึงทำให้ตอนนี้ผู้คนมากมาย ทำได้เพียงแค่จดจ้องมองมันอย่างไม่วางตาในระยะไกล
หยางหย่งเล่อเอ่ยเสียงเบา "ข้ารู้สึกว่าเจ้ากำลังเพรียกหาข้าอยู่…"
ความรู้สึกที่คล้ายกับร่างกายกำลังจะปริแตกนี้คืออะไรกันนะ 'บ้าที่สุดนี่ใครเล่นตลกกับฉัน' เหลียนฮวา คนไทยเชื้อสายจีน ที่มีคุณแม่ชอบดอกบัวมาก จนนำมาตั้งชื่อของลูกสาวให้มีความหมายว่าดอกบัวในภาษาจีนกำลังสบถอย่างหัวเสียอยู่ในใจ เมื่อรู้สึกว่าร่างกายของตนเองไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ คล้ายกับถูกบางสิ่งกำลังรัดตรึงร่างกายเอาไว้อย่างแน่นหนา
เธอกวาดมองไปทั่วทั้งบริเวณ ก็พบเพียงความมืดมิด เธอพยายามที่จะขยับเขยื้อนร่างกายให้เป็นอิสระ เพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการที่รัดตรึงทั่วร่างของตนเองเอาไว้ แต่ดูเหมือนว่าสิ่งนั้นจะยิ่งรัดแน่นมากขึ้น จนทำให้หญิงสาวรู้สึกหายใจไม่ออก
"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่" เหลียนฮวาตะโกนออกมาจนสุดเสียง ทันใดนั้นแสงสว่างวาบก็ส่องเข้ามากระทบดวงตา หญิงสาวกระพริบตาถี่ๆ เมื่อเธอลืมตาได้เต็มตาก็พบกับสถานที่ๆ ดูแปลกตา ทุกด้านเป็นสีทองโอบล้อมทั่วทั้งบริเวณ และที่ๆ เธอนอนอยู่นี้ มีลักษณะคล้ายกับกลีบบัว เหลียนฮวาหลุบตาลง เพื่อที่จะสำรวจว่าสิ่งใดกันที่กำลังรัดตรึงร่างของเธอเอาไว้ จนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ และนั่นก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกตกใจมากยิ่งขึ้น เมื่อพบว่ามีใยบัวมากมายได้โอบล้อมร่างของเธอเอาไว้ และที่ๆ เธอนอนอยู่นั้น ก็อ่อนนุ่มคล้ายกับเกษรของดอกบัวอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
"บ้าเอ้ยปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ"
และความตกตะลึงอีกต่อ ก็ยิ่งทำให้หญิงสาวดวงตาเบิกกว้าง เมื่อพบว่าใยบัวมากมายที่รัดตรึงร่างของเธอเอาไว้ก่อนหน้านี้ค่อยๆ คลายออก คล้ายกับมันกำลังรับรู้ถึงคำสั่งที่เธอได้กล่าวออกไปเมื่อสักครู่นี้
เมื่อเป็นอิสระเหลียนฮวาก็รีบลุกขึ้น พร้อมทั้งเดินไปรอบๆ บริเวณ เมื่อเธอสำรวจจนทั่วแล้ว ก็พบเพียงความว่างเปล่า สิ่งที่โอบล้อมสถานที่นี้เอาไว้ มีลักษณะคล้ายกับกลีบบัวแต่ละกลีบ ที่วางทับซ้อนกันเป็นอย่างดี เธอพยายามที่จะใช้มือเปิดมันออก หญิงสาวพยายามที่จะปีนขึ้นไปบนกลีบบัวนั้นหลายต่อหลายครั้ง แต่ดูเหมือนว่าความพยายามของเธอจะไม่เป็นผล เมื่อร่างกายแบบบางจำต้องร่วงตกลงมาทุกครั้ง แต่ก่อนที่ร่างของเธอจะกระแทกพื้น กลีบบัวเหล่านั้นก็จะเคลื่อนลงมาช้อนร่างของเธอเอาไว้ จนในที่สุดหญิงสาวก็ได้แน่ใจแล้วว่า ตอนนี้เธอคงอยู่ในดอกบัวสีทองที่มีขนาดใหญ่โตอย่างแน่แท้แล้ว แต่สิ่งที่เธอไม่เข้าใจคือ เหตุใดเธอจึงได้เข้ามาอยู่ในกลีบบัวนี้ได้
"บ้าจริงแล้วทำยังไงถึงจะออกไปได้สักที"
เหมือนกับว่าดอกบัวจะรับรู้ถึงความต้องการของหญิงสาว มันเปล่งแสงระยิบระยับสีทองออกมา คล้ายกับกำลังโต้ตอบกับเธออยู่ เหลียนฮวาที่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร จึงได้แต่ตะโกนกลับไปเพื่อหวังที่จะให้มันได้รับรู้ความรู้สึกของเธอ
"ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ ฉันหิว…!!! ฉันอยากออกไปจากที่นี่"
หญิงสาวตะโกนออกมาอย่างเหลืออด เพราะเธอรู้สึกเหนื่อยล้า และท้องของเธอก็เริ่มร้องประท้วงอย่างหิวโหยแล้ว เหลียนฮวานั่งลงอย่างหมดเรี่ยวแรง ด้วยไม่รู้ว่าต้องทำเช่นใด ทันใดนั้น ดอกบัวกลีบหนึ่งก็ได้เลื่อนมายังเบื้องหน้า เมื่อหญิงสาวเพ่งมองให้ชัดเจน ก็พบว่าบนกลีบบัวนั้นได้มีน้ำใสๆ ที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายของเธออยู่ เมื่อความหิวโหยเข้าจู่โจมบวกกับที่ได้พิจารณาให้ดีแล้วว่าดอกบัวนี้ไม่ได้ต้องการทำร้ายเธอ หญิงสาวจึงได้ก้มลงดื่มน้ำบนกลีบบัวนั้นด้วยความหิวกระหาย
"หอม หอมเหลือเกิน"
เมื่อได้ดื่มไปคำแรก ความหอมของน้ำใสๆ ที่อยู่บนกลีบบัว ก็ทำให้ต่อมความอยากอาหารของเหลียนฮวายากที่จะควบคุม เธอก้มลงดื่มมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทันใดนั้นร่างกายก็คล้ายกับจะปริแตกเหมือนในตอนแรกก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง หญิงสาวรู้สึกทรมานจนแทบอยากจะร้องไห้ เธอกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด หญิงสาวกุมท้องของตนเองเอาไว้ เมื่อเธอสัมผัสถูกผิวกายของตนเอง ก็พบว่าตอนนี้ร่างกายของเธอคล้ายกับ สามารถส่องแสงเรืองรอง แค่เพียงเธอสัมผัสไปบนผิวกายทุกอณูบนเรือนร่าง ก็พบว่ามันนุ่มละมุนน่าลูบไล้สัมผัส สีผิวเรืองรองเปล่งปลั่งความงดงามนี้หาใช่ผิวพรรณที่มนุษย์ผู้หนึ่งจะสามารถถือครองได้ ความเจ็บปวดก่อนหน้าก็ค่อยๆ ลดทอนลง เหลียนฮวาเริ่มตั้งสติของตนเอง ก็คล้ายกับไม่รู้จักเรือนร่างนี้เอาเสียเลย นี่มันงดงาม จนแม้นแต่ตัวเธอเองก็ยังรู้สึกหลงใหล
ใยบัวสีทองมากมาย ผุดขึ้นมาจากฐานของดอกบัวพร้อมทั้งทอใยกลายเป็นรูปร่างคล้ายกับอาภรณ์ที่สามารถถักทอด้วยตนเอง โอบล้อมร่างของหญิงสาวเอาไว้ เมื่อเพ่งมองดูให้ดีใยบัวเหล่านี้กำลังกลายเป็นอาภรณ์ที่งดงามคลุมทับร่างของหญิงสาวคล้ายกับตัดเย็บมาอย่างพอดิบพอดี เหลียนฮวาได้แต่ยืนนิ่ง ทอดมองสิ่งแปลกตาเหล่านี้ด้วยความยากจะเชื่อ
เมื่อพวกมันได้หยุดเคลื่อนไหว หญิงสาวจึงได้ขยับกาย ใยบัวเหล่านี้ล้วนให้ความรู้สึกอ่อนนุ่ม เมื่ออยู่บนเรือนร่างของเธอแล้ว ให้ความรู้สึกสบายอย่างแปลกประหลาด เหลียนฮวารู้สึกว่าดอกบัวดอกนี้มันมีชีวิต หากเธอสามารถเจรจาต่อรองกับมันได้ ก็คงพอจะมีหนทางได้ออกไปจากที่นี่
"ฉันอยากออกไปจากที่นี่ เธอปล่อยฉันไปได้ไหม"
คล้ายกับว่าพวกมันรับรู้ถึงความต้องการของเธอกลีบบัวแต่ละกลีบค่อยๆ เคลื่อนไหวอย่างรุนแรง เมื่อเหลียนฮวาเงยหน้าขึ้นไปด้านบน ก็พบว่ากลีบบัวเหล่านั้นคล้ายกับกำลังจะผลิบาน เปิดเป็นช่องทางให้เธอได้เห็นแสงสว่างที่เล็ดลอดเข้ามา แต่ก่อนที่กลีบบัวจะเปิดอ้าออก ร่างทั้งร่างของหญิงสาวก็ได้ลื่นไถลลงไปยังเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว คล้ายกับไม่มีที่สิ้นสุด เธอหลับตาด้วยความตื่นกลัว เหลียนฮวารู้สึกเจ็บจุกไปทั่วทั้งเรือนกาย จากความรวดเร็วในการลื่นไถลลงมาเมื่อสักครู่ เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตอนนี้ร่างของตนเอง ได้มาอยู่ยังสถานที่บางแห่ง ที่เป็นทุ่งหญ้ากว้างอันเวิ้งว้าง เมื่อเธอหันหลังทอดมองกลับไป ก็พบกับดอกบัวสีทองขนาดใหญ่ ที่ตั้งตระหง่านส่องแสงเรืองรอง พร้อมกับกำลังจะผลิบานออกมาอย่างช้าๆ แต่ที่ทำให้เธอรู้สึกตกใจยิ่งกว่า ก็คือมีบุรุษมากมาย ที่โอบล้อมดอกบัวสีทองนั้นไว้ พร้อมกับส่งเสียงโฮ่ร้อง จนได้ยินมาแต่ไกลถึงที่ๆ เธออยู่ คล้ายกับพวกเขากำลังรอคอยให้มันผลิบานออกอย่างใจจดใจจ่อ
"พวกเขามาทำอะไรที่นี่เยอะแยะมากมาย" เธอได้แต่พึมพำออกมาถึงความสงสัยของตนเอง
"เจ้าเห็นหรือไม่ นางจะใช่สตรีในตำนานที่บุรุษเหล่านั้นกำลังหมายปองหรือไม่"
"ข้าคิดว่าใช่ จะมีสตรีธรรมดาที่สามารถโผล่ออกมาจากรากบัวได้ และยังมีรูปโฉมที่งดงาม ผิวพรรณผุดผ่องนวลเนียนถึงเพียงนี้ได้บนโลกใบนี้ คงจะมีแค่เพียงนางแล้วกระมัง"
"นี่บุรุษเหล่านั้น ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าตำนานจะเป็นจริงหรือไม่ ยังปักหลักเฝ้ารอนางด้วยความหวังถึงเพียงนี้"
ในพุ่มไม้ใกล้ๆ กับที่เหลียนฮวาโผล่ออกมา มีสตรีกลุ่มหนึ่งที่ได้มาเฝ้าดูสถานการณ์อยู่ยังที่ไกลๆ แต่เพราะความบังเอิญจึงได้พบกับเหลียนฮวาเข้า และได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
สตรีกลุ่มนั้นเดินเข้ามาใกล้กับเหลียนฮวามากขึ้นพร้อมทั้งใช้สายตาประเมินนางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า สตรีที่ดูคล้ายว่าจะเป็นหัวหน้า หรี่ดวงตาให้แคบลงเมื่อจ้องมองเรือนร่างเย้ายวนใจของเหลียนฮวา นางที่เป็นอิสตรีเฉกเช่นเดียวกันยังรู้สึกว่าความงามนี้ ไม่สามารถละสายตาไปได้ แล้วสำหรับบุรุษเล่า จะก่อให้เกิดความหลงใหลได้มากเพียงใด 'ความงามของสตรีผู้นี้สามารถสั่นคลอนแผ่นดินนี้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย' นางที่เป็นเพียงนางบำเรอของโจรป่ากลุ่มหนึ่ง จะสามารถเทียบเคียงกับสตรีตรงหน้านี้ได้อย่างไร
นางเดินเข้าไปบีบที่คางของเหลียนฮวา โดยไร้ซึ่งความหวาดกลัวว่าสตรีตรงหน้าตนผู้นี้ ที่พึ่งโผล่มาจากรากของดอกบัวได้ ย่อมไม่ใช่สตรีธรรมดา แต่นั่นก็หาได้สร้างความหวาดกลัวอันใดให้กับนาง เพราะความอิจฉาริษยาที่นางมีบดบังความกลัวนั้นไปอย่างสิ้นเชิง
"หึ…ข้าอยากจะรู้นัก หากว่าเจ้าได้กลายไปเป็นนางบำเรอของบุรุษทั้งรังโจรอย่างทั่วถึงแล้ว ความงามนี้ยังจะมีประโยชน์อันใด"
"หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ"
สาวใช้ของสตรีผู้นั้นถามออกมาด้วยความสงสัยซึ่งเหลียนฮวาเองก็อยากรู้เช่นกัน นางที่รู้สึกถึงอันตราย ก็ได้ก้าวถอยหลังออกไป ซึ่งตัวหญิงสาวเอง ก็ไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าใดนัก ทั้งการแต่งตัวของสตรีตรงหน้า ที่ดูคล้ายกับชุดจีนโบราณ และยังคำพูดจาที่บ่งบอกถึงภาษาจีนโบราณเหล่านี้ แต่นางกลับเข้าใจความหมายของมันเป็นอย่างดี ซึ่งเรื่องแปลกประหลาดตอนนี้ คงเทียบไม่ได้กับการที่นางมาโผล่อยู่ในดอกบัวสีทองแล้วกระมัง
"ข้าต้องการอย่างที่พูดพวกเจ้ารีบจับนางเอาไว้ ข้าจะนำตัวนางไปมอบให้กับท่านพ่อสามี"
"เกรงว่าทำเช่นนั้น จะไม่ทำให้ท่านตกที่นั่งลำบากหรือเจ้าคะ หากนายท่านหลงใหลในตัวนาง แล้วนางหันกลับมาเล่นงานพวกเราจะทำเช่นไร"
หญิงสาวผู้นั้นแสยะยิ้มขึ้นมาอย่างร้ายกาจ ก่อนที่จะกล่าวว่า "เจ้าอย่าได้หวาดกลัวเรื่องความหลงใหลนี้เลย เพราะมันจะไม่เกิดขึ้น…" นางหันไปทอดมองเหลียนฮวาด้วยสายตาดูถูก "เจ้าอย่าได้ลืมว่าร่างกายของนางนั้น สามารถมอบความเป็นอมตะให้กับบุรุษที่เสพสมกับนางได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น บุรุษทั่วทั้งรังโจรจะต้องมีความอยากเสพสมกับนาง หากท่านพ่อคิดที่จะเก็บนางไว้เพียงคนเดียว เจ้าคิดหรือว่าเขาจะสามารถคุมอำนาจของทั้งรังโจรเอาไว้ได้ มีชีวิตเป็นอมตะแล้วอย่างไร หากไร้ซึ่งลูกน้องที่จะมาคอยเป็นมือเป็นเท้า มีเพียงทางเดียวเท่านั้น ก็คือต้องแบ่งปันนางให้กับทุกคนอย่างทั่วถึง เพื่อที่จะกุมอำนาจของตนเองเอาไว้อย่างมั่นคง"
'ซวยแล้วยังไม่ทันได้ทำอะไร ก็จะได้เป็นเมียโจรซะะงั้น' เหลียนฮวาได้แต่คิดในใจอย่างน้อยใจในโชคชะตา