Chapter .2 **มหาอำนาจตัวเอ้**

1511 Words
ดูมันเถ!! มันยังมีหน้ามาเถียง ในสิ่งที่มันทำ ทำให้ภาพพจน์บริษัทดูแย่ลงมา ความศรัทธาเสื่อมถอย ถึงจะไม่สูญเสีย แต่มันก็เสียหน้าคู่แข่ง...ที่คนในของเขา เอาข่าวไปขายให้กับพวกมัน          “เอามันออกไป!!... ถ้าใครยื่นมือเข้าช่วย ลาออกไปพร้อมมันเลย ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวอีก!!” ชายหนุ่มยกมือขึ้นเท้าที่เอว และตวาดเสียงก้อง บัญชาการลงไปทันที ไม่ฟังคำแก้ตัวใดใดอีก เมื่อมันไม่ได้ช่วยให้อะไรเปลี่ยนแปลง...มีแต่แย่ลง จะให้ไว้ใจคนที่ทรยศต่อองค์กรได้อย่างไร...ถึงจะเป็นคนเก่าคนแก่...แต่คนทรยศก็คือคนทรยศ          “คุณแองเจลโร่ครับ ได้โปรด?” สเตฟาโน่ร้องเสียงหลง เขาผิดจริง แต่ความผิดของเขาร้ายแรงถึงขั้นไล่ออกเชียวหรือ?          “ออกไป!!” ชายหนุ่มตะโกนสุดเสียง ไม่เอาลูกปืนยัดปากให้เป็นของแถมก็บุญเท่าไรแล้ว          “คุณจะเสียใจที่ไล่ผมออก...” ชายสูงวัยลุกขึ้นยืน ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดงฉาน เขาเค้นเสียงออกมาจาก้นบึ้งของหัวใจ วันหนึ่งข้างหน้าหากมีโอกาสเขาจะตอบแทนแองเจลโร่ให้สาสม...          “ฉันกลับดีใจเสียอีก สเตฟาโน่... ดีใจด้วยซ้ำที่สามารถกำจัดเห็บ ไร ที่อาศัยเกาะสูบเลือดสูญเนื้อโรเรนโซ่มานานออกไปได้สำเร็จ” ชายหนุ่มยิ้มเย็นๆ เขาตอกหน้าชายสูงวัยอย่างไม่ไว้หน้า เมื่อคิดถี่ถ้วนดี ไม่ต้องมาคอยระแวงกลัวว่าเขาจะโดนหักหลังซ้ำ...          เสียงโวยวายดังก้อง เคล้าบอดี้การ์ดหุ่นนักมวยปล้ำ รีบเข้ามาหิ้วปีกสเตฟาโน่ออกไป โดยที่แองเจลโร่ยืนกัดฟันกรอดๆ ป่านนี้ไอ้ห่าคริสเตียนมันคงหัวเราะเขาจนฟันโยก เมื่อสามารถเจาะคนของเขา เข้ามาล้วงความลับภายในออกไปได้ แม้เขาจะรู้ตัวก่อนก็เถอะ!! แต่มันเป็นการเสียหน้าครั้งแรก...          “ไอ้ลูกหมาคริสเตียน เล่นสกปรก!! สักวันพ่อจะลากมันมาเหยียบซ้ำ ให้จมตีน...” ชายหนุ่มกระแทกเสียงก้อง เดินกลับไปกระแทกตัวนั่งหลังโต๊ะบัญชาการตัวใหญ่ เพื่อลงมือทำงานที่ค้างคาต่อ สารพันปัญหารุมเร้ามีมากมาย จนเขาจมอยู่กับงานและงาน จนไม่ได้เจอะเจอลูกชายวัย5 ปีมาร่วมเดือน ตื้ดๆ... เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวกระพริบดังเตือน มันสั่นอยู่เป็นนานสองนาน แต่กลับไม่ได้รับความสนใจ เมื่อเครื่องนี้มีแต่ลูกชายของเขาเท่านั้นที่รู้เบอร์ และวินเซ้นต์โทรศัพท์เข้ามาวันๆ หนึ่งนับครั้งไม่ถ้วน และหากมันเป็นเรื่องด่วน!! เรื่องสำคัญจริงๆ ลูก้าบอดี้การ์ดที่เขาส่งไปคอยอารักขา คงส่งข่าวมาบอกเอง แต่นี่ไร้วี่แวว... แสดงว่าเป็นการโทร. มาอ้อนเหมือนเดิม          “พ่อของวินเซ้นต์ทำไมไม่ยอมรับโทรศัพท์นะ!!? งานยุ่งมากเลยเหรอไง? เขาทำงานอะไรน่ะ?” มณีรินกดโทรศัพท์จนมือแทบหงิก ไร้วี่แววการตอบกลับหรือรับสาย ปลายสายเงียบฉี่...          เธอกดปลายนิ้วที่แป้นคีบอร์ด...พิมพ์ชื่อเสียงเรียงนามของแองเจลโร่ โรเรนโซ่ลงไป ก่อนจะกดEnterเพื่อสืบข่าวความเป็นไปของบิดาวินเซ้นต์คร่าวๆ ในการเริ่มต้นเชื่อมความสัมพันธ์ของเด็กชาย ตามที่รับปากเอาไว้ ดวงตาของเขาไว้ใจและเชื่อฟังเธอ เพราะฉะนั้นมณีรินจึงทุ่มเต็มที่ เพื่อจะพูดคุยกับอีกฝ่ายให้เข้าใจ...เด็กต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดจากพ่อแม่ และหากเลี้ยงแบบปล่อยปละละเลย อนาคตของเขาจะเป็นอย่างไรล่ะ...โตมาแบบแห้งแล้ง...ไร้ความอบอุ่น จิตใจของเด็กก็จะกร้าวกระด้าง...แข็งแกร้าวและใช้แต่อารมณ์          โห๊ะ!! เธออ้าปากค้างเมื่อกดEnter รูปของแองเจลโร่เด้งขึ้นมาเต็มหน้าจอ เขาเปรียบประหนึ่งเทพบุตรชัดๆ หล่อเหลาสมกับเป็นหนุ่มอิตาเลี่ยน นัยน์ตาคมกริบสีน้ำตาลเหลือบทอง ผมสีดำสนิทยักโศกนิด ล้อมกรอบหน้าคมเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหนาหยักได้รูป ไรเคราจางๆ ที่ปลายคางส่งให้ใบหน้าของแองเจลโร่คมเข้มยิ่งขึ้น เห้อ!! ภาพต่อๆ ไปของเขายิ่งทำให้มณีรินถอนลมหายใจเฮือกๆ รอบตัวชายหนุ่มมักจะมีผู้หญิงรุมล้อมไม่เคยขาด... งาน...นี่คือสิ่งที่เขาอ้างกับวินเซ้นต์ว่าทำงานหรอกรึ!! นี่คือสิ่งที่ทำให้พ่อคนหนึ่งห่างจากบุตรชาย ไม่แม้แต่จะโทรศัพท์ถามข่าวคราว แต่ที่เธอเห็นเขาก็เป็นแค่ผู้ชายเจ้าชู้ชีกอคนหนึ่ง เห็นผู้หญิงอื่นดีกว่าลูกของตัวเอง ไม่แปลกเลยที่ครอบครัวของชายหนุ่มแตกแยก ชีวิตสมรสอับปางลงเพราะความไม่รู้จักพอของผู้นำครอบครัว          “อี๋!! รสนิยมชอบพวกเนื้อ นมไข่ ดูมๆ ใหญ่เท่าลูกมะพร้าว...ไม่ไหวล่ะ คงต้องคุยกันยาว” เธอส่ายใบหน้า เอื้อมหยิบโทรศัพท์มากดเบอร์ที่เกือบจำได้เกือบขึ้นใจ เพราะตลอดช่วงบ่าย เธอกระหน่ำโทร. ออกไม่ยั้ง แต่เขากลับไม่ยอมรับสาย...และไม่เคยโทร. ย้อนกลับมาหาสักครั้ง ให้มันรู้ไปสิว่าการตื้อของเธอจะไม่ได้ผล... ตื้ดๆ...          แองเจลโร่เหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์ วันนี้มันกระพริบเตือนบ่อยครั้งเกินไป... ไอ้ลูกชายตัวแสบนึกอะไรขึ้นมาล่ะ ถึงได้กระหน่ำโทร. หาเขาตลอดช่วงบ่าย...เบอร์ไม่คุ้น และเป็นเบอร์นี้เบอร์เดียวที่เป็นสายเรียกเข้า ไม่ใช่เบอร์ส่วนตัวของวินเซ้นต์ ใคร? ปลายนิ้วเรียวสวยกดรับสายโทร. เข้า เขายกโทรศัพท์รุ่นล่าสุดบางเฉียบขึ้นแนบใบหูเสียงถอนลมหายใจเฮือกใหญ่ๆ ฝ่ายตรงข้าม ตามด้วยเสียงหวานๆ ของผู้หญิงคนหนึ่ง เอ่ยแนะนำตัวสั้นๆ          “สวัสดีค่ะคุณพ่อของวินเซ้นต์ ดิฉันชื่อมณีริน!! เป็นครูประจำชั้นของวินเซ้นต์ค่ะ”          มณีรินแทบจะกระโดด ทันทีที่ปลายสายกดรับ เธอแนะนำตัวง่ายๆ          “อืม...มีอะไร? ทำไมไม่บอกบอดี้การ์ดพวกนั้นมาล่ะ ฉันไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า”          เสียงเขาห้วนจนเธอแอบเบ้ปาก...          “เดี๋ยวค่ะ...อย่าพึ่งวางนะคะ... ดิฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณสัก 10 นาทีได้ไหมคะ? เรื่องของวินเซ้นต์ล้วนๆ” เธอรีบย้ำให้ชายหนุ่มรับรู้ เริ่มหงุดหงิดกับความเฉยชาของผู้ชายปลายสาย เมื่อตัวเองไม่คิดจะเดินเข้าไปสานสัมพันธ์กับเขาในฐานะอื่น เธอเป็นแค่คุณครูประจำชั้น!!          “เชิญ!! แค่10 นาที หากเกินฉันจะวางโดยไม่บอกล่วงหน้า ตอนนี้ฉันเริ่มจับเวลาแล้วล่ะ”          หางตามณีรินกระตุกยึก!! หัวคิ้วเธอขมวดแน่น เธอโทรศัพท์หาเขาเพราะเป็นห่วงเรื่องความประพฤติของวินเซ้นต์ ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่คิดจะโทรศัพท์หาเขาหรอก มันเปลืองสตางค์!! แต่มันอยู่ในความรับผิดชอบของเธอ!! แต่หมอนี่กลับทำน้ำเสียงเบื่อหน่ายใส่เธอ มันทำให้ต่อมความหมั่นไส้ของหญิงสาวเริ่มทำงาน โธ่!! พ่อคนหลงตัวเอง นึกว่าหล่อเหลาปานเทพบุตรแล้วเธอต้องระทวยศิโรราบให้อย่างนั้นรึ?...รู้จักมณีรินน้อยไปสะแล้ว...          “วินเซ้นต์มีพฤติกรรมก้าวร้าว เขาชอบอาละวาดขว้างปาสิ่งของตอนที่โดนขัดใจ และมักจะร้องไห้...กลับบ้านทุกครั้งหากถูกดุหรือถูกขัดใจ ข้ออ้างของเขาคือการกลับไปหาผู้ปกครอง...และนั่นก็คือคุณพ่อ...ดิฉันได้ปลอบประโลม พูดคุยกับเค้าบางส่วน... จนได้รู้ว่า คุณ!! ห่างเหินกับเค้ามาก...นานๆ จะได้เจอหน้ากันสักที ซึ่งสิ่งนี้ดิฉันไม่เห็นด้วยอย่างแรง!! เด็กๆ ต้องการความอบอุ่น และเท่าที่รู้...ฐานะอย่างคุณก็ไม่จำเป็นต้องทุ่มเททำงานหามรุ่งหามค่ำ เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวมีกินมีใช้ คุณเป็นถึงมหาเศรษฐีติดอันดับต้นๆ ในโรม!! และความเห็นของดิฉันคือ...ให้คุณช่วยลดๆ อาการบ้างาน...ช่วยหันมาให้ความใส่ใจวินเซ้นต์ให้มากขึ้น จะดีไหม? คะ!!” มณีรินร่ายยาว เธอซัดชายหนุ่มแบบลืมหายใจ เสียงที่พูดออกไปแฝงความไม่พอใจเต็มที่          “หมดเวลาพอดี...บายคุณครู” ชายหนุ่มบอกลา เขากดสายโทรศัพท์วางสายดื้อๆ          “เดี๋ยวสิ!! อะไรว้า...ยังพูดไม่รู้เรื่องเลย ตกลงจะเอายังไง...ไอ้หมอนี่กวนประสาทชะมัด...คนอะไรเย็นชาเหมือนน้ำแข็งขั้วโลก มีหัวใจบ้างหรือเปล่านะ หรือแค่ซากร่างกายที่ไร้จิตใจ” มณีรินแทบดิ้นพล่าน ตกลงบิดาของวินเซ้นต์จะจัดการกับตัวเองอย่างไร เธอยังไม่ได้คำตอบจากเขาเลย...ไอ้หมอนั่นก็กดวางสายไปเฉยๆ โดยไม่คิดจะอธิบายอะไรให้เธอเข้าใจสักอย่าง...หึ้ย!! หญิงสาวเก็บของใช้ส่วนตัวลงกระเป๋าสะพาย เธอตัดสินใจจดที่อยู่บริษัทของแองเจลโร่ไว้ในกระดาษแผ่นเล็กๆ วันนี้เธอต้องได้คำตอบจากเขา?!! ว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป? ไม่ใช่ปล่อยให้เธอแก้ปัญหาคนเดียว...วินเซ้นต์ต้องการความอบอุ่นในครอบครัว แม้ครอบครัวของเขาจะแตกแยก ก็ไม่ได้หมายความว่าความรักในครอบครัวจะต้องเหือดแห้งไปด้วยนี่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD