วันนี้พอเข้านอนเธอก็หลับลึก เหมือนดังทุกวันที่ผ่านมา และจิตของเธอก็หลุดเข้าสู่ห้วงฝันอีกเหมทอนเดิม
ตอนนี้เริ่มจะรู้สึกแล้วว่าตัวเองต้องมีความเกี่ยวพันกับคนที่อยู่ในความฝัน อีกทั้งยังรับรู้ความรู้สึกของ หลิน จือรั่ว คนนั้นได้ทั้งหมดราวกับเป็นตัวของเธอเอง
ที่เหมือนจะสามารถส่งผ่านมาถึงเธอได้ ทุกความรู้สึกนึกคิดของ หลิน จื่อรั่ว เธอรับรู้ได้หมดเหมือนเข้าไปอยู่ในร่างเดียวกัน หรือการมาอันหยางครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเสียแล้วกระมัง
" อืม ยังไงก็ต้องมาสินะ"
เธอนั่งมองเหตุการณ์ ที่กำลังเกิดขึ้นอีกครั้ง เรื่องราวได้เกิดขึ้นต่อจากความฝันในคืนก่อนนั่นเอง
เมื่ออู๋ อี้เฉิน ได้แจ้งกับหัวหน้าหน่วย เรื่องขอหลิน จือรั่ว แต่งงาน แล้วจึงได้เดินมาส่ง จือรั่วที่บ้านพักเพราะตอนนี้เป็นเวลาค่ำมากแล้ว และเพื่อจะได้คุยรายละเอียด ต่าง ๆ ด้วย
" คุณหลิน คุณต้องเขียนจดหมายบอกทางบ้านไหมครับ เรื่องแต่งงาน หรือมีผู้ใหญ่ที่ต้องขออนุญาตหรือเปล่า ครับ " อี้เฉิน
" คงต้องเขียนจดหมายบอกพ่อแม่ ค่ะ แต่พวกท่านคงมาไม่ได้หรอกค่ะเพราะอยู่ไกลถึงปักกิ่งคงไม่สะดวก "
หลิน จือรั่ว พึ่งนึกได้ว่าตัวเองไม่ได้ติดต่อพ่อแม่ และพี่สาวเลยตั้งแต่มาถึง แต่ถึงยังไงก็คงต้องบอกกล่าวเรื่องแต่งงานให้รู้ ถึงจะไม่หวังให้พ่อแม่มาหรือส่งของขวัญอะไรมาก็ตาม
จือรั่วกลัวความผิดหวังจึงไม่อยากติดต่อกลับบ้านเธอกลัวพ่อแม่จะไม่ติดต่อมาและทิ้งเธอจริง ๆ อย่างที่เธอเข้าใจมาตลอด แต่อย่างน้อยการที่เธอไม่บอกที่อยู่ให้พ่อแม่รู้ เธอยังได้บอกกับตัวเองได้ว่า ที่พ่อแม่ พี่น้องไม่ติดต่อกลับมาที่เธอ เพราะไม่รู้ที่อยู่ของเธอเท่านั้น มันเป็นเพียงความสุขเล็ก ๆ ที่เธอบอกกับตัวเองในบางครั้ง
ตอนนี้ จือรั่ว อายุ ย่าง 18 ปีแล้ว ความที่ดูแลตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เธอคิดได้หลายอย่าง และพยายามพึ่งพาตัวเอง มากที่สุด เงินและคูปองที่แม่ให้มา เธอยังเหลือเก็บไว้ เพราะที่ใช้ในแต่ละวันเธอได้จากแต้มแรงงาน และหาเก็บผัก หอย ปลา ตามลำคลองและท้องนา มาประทังชีวิต เรื่อยมา บางครั้งก็แอบเอาเงินกับคูปอง มาดูเวลาคิดถึงบ้าน เท่านั้น.
" ถ้ายังงั้นคุณเขียนไว้แล้วผมจะไปส่งที่ ไปรษณีย์ ให้นะครับ พรุ่งนี้ผมจะเข้าเมืองคุณอยากได้อะไรไหม ผมจะได้แวะซื้อมาให้ "
" ไม่อยากได้อะไรค่ะ เดี๋ยวฉันจะเอาจดหมายมาให้ตอนเช้า นะคะ "
อี้เฉิน มองดู จือรั่ว ที่พูดกับเขาแต่ไม่ได้มองหน้า เขาเข้าใจว่าเธอคงเกรงใจจึงไม่ได้ว่าอะไรอีก พอเดินถึงหน้าบ้านพักยุวชน หญิง มีกลุ่ม ยุวชน หญิง นั่งอยู่หน้าบ้าน จือรั่ว ถอนายใจและหันมาบอกลา อี้เฉิน
" ขอบคุณค่ะ ที่เดินมาส่ง "
" ครับ คุณเข้าบ้านเถอะ ผมจะกลับเลย"
" ค่ะ "
จือรั่ว เดินเปิดประตู บ้านพัก เสียงของหลันลู่ ก็พูดขึ้น ดัง ๆ
" หน้าด้าน นี่เธอคงคิดว่าตัวเอง ดีมากเหรอถึงกล้าไปให้ผู้ช่วย อู๋ เขารับผิดชอบแต่งงานกับเธอ "
จือรั่ว ได้ยินก็ขมวดคิ้ว กับสิ่งที่ หลันลู่พูดออก
" แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ เหรอ "
" เกี่ยวสิ ทำไมจะไม่เกี่ยวเธอรู้ไหม ไฉหงส์ กับผู้ช่วยอู๋ เขามีสายตาให้กันอยู่ แต่เธอกับใช้มารยาหญิง แย่งไปหน้าด้าน ๆ "
" ฮึ แต่ที่ฉันเห็น ผู้ช่วยอู๋ เขาไม่เคยมอง พี่ไฉ่หงส์ เลยด้วยซ้ำ เธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า อ้อ แล้วขอ บอกไว้เลยว่าฉันไม่ได้ไปขอร้องให้เขาแต่งงานด้วย แต่เขาตั้งใจรับผิดชอบและแต่งงานกับฉันเอง แต่ถ้าพวกเธอไม่เชื่อก็ไปถามเขาเอง ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน อีก"
พูดจบ ก็เปิดประตูบ้านเดินเข้าห้องส่วนตัว และไม่สนใจคนพวกนั้นอีก
จือรั่ว หยิบกระดาษและดินสอ ที่มีมาเขียนจดหมาย สั้นๆ บอกกับพ่อแม่ เรื่องที่เธอแต่งงาน โดยบอกแค่ว่ามีเรื่องเสียหายนิดหน่อย ทำให้ต้องแต่งงานกับคนในหมู่บ้าน และไม่ได้อธิบายอะไร แค่เขียนมาบอกให้รู้เท่านั้น ไม่ได้ต้องการอะไร เสร็จแล้วจึงพับเก็บใส่ซองจดหมายที่พ่อแม่เคยเตรียมให้เธอติดตัวมา ตั้งแต่ออกจากบ้านมา
จือรั่ว ไม่ได้บอกวันที่จะแต่งงานเพราะยังไม่รู้รสยละเอียดอะไร และคิดว่าไม่สำคัญ อะไรแต่งตอนไหนก็เหมือนกัน
ฝั่งอี้เฉิน พอกลับมาถึงบ้าน ก็ตรงไปห้องพ่อแม่ ทันที เพื่อบอกล่าว ล่วงหน้า
" อาเฉิน มีอะไรหรือเปล่า " แม่อู๋
" ผมบอกเรื่องจะแต่งงาน กับหัวหน้าหน่วยแล้วครับ "
" อืม แล้วได้คุยกับ ยุวชนคนนั้นหรือยัง เธอตกลงด้วยกับลูกหรือเปล่า " พ่ออู๋
" ครับ บอกเธอแล้ว พรุ่งนี้เธอจะส่งจดหมายบอกพ่อแม่ที่ปักกิ่ง ครับ"
" แล้วจะแต่งกันเมื่อไหร่ คิดไว้ยังถ้าทางนั้นไม่มีผู้ใหญ่ แม่จะได้ไปขอให้บ้านป้าของลูก ออกหน้าให้ก่อน "
" หลังเก็บเกี่ยวผลผลิต รอบนี้ก่อนครับ คาดว่าน่าจะสัก กลางเดือนหน้าคงจะเสร็จ ก็อีกประมาณเดือน กว่า "
" แบบนั้นก็ดีจะได้พอมีอาหารให้แขกบ้างนิดหน่อยก็ยังดี "
" ครับ พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปรายงานผลผลิต ข้าวโพด ในเมือง จะเลยไปส่งจดหมายให้ รั่วเอ๋อ ด้วยครับ "
" หึหึ ลูกชายคุณ ถ้าจะถูกใจภรรยาคนนี้อยู่นะ " พ่ออู๋แซว
" ผมขอตัวครับ " อี้เฉิน หูแดง เดินออกจากห้องพ่อแม่
" ค่ะ ดูท่าคงจะถูกใจไม่น้อย ฉันได้เห็นหน้าตาแม่หนูคนนั้น ใกล้ ๆ ก็ใช้ได้ทีเดียว ขนาดมาอยู่หมู่บ้านเราหลายปี แต่ผิวพรรณดีเหมือนคนในเมือง ไม่มีกระฝ้า หน้าตาจิ้มลิ้ม ถึงจะมีข่าวลือเรื่องนิสัยบ้าง แต่เราจะไปฟังแต่ข่าวลือ คงไม่ได้คุณว่าไหมค่ะ "
" อืม ก็ดูกันไปลูกเรารักใคร่ชอบพอก็ดีแล้ว ถ้าต้องฝืนใจกันก็คงอยู่กันไม่มีความสุข นิสัยคนเรามันเปลี่ยนกันได้ทั้งนั้นแหล่ะ "พ่ออู่
" ดูแล้วแกคงไม่ค่อยได้กินอาหารดี ๆ สักเท่าไหร่ ถึงได้ผอมแห้งขนาดนั้น "
" ต่อไปก็ให้เจ้ารอง ดูแลหน่อยยังไงก็ต้องแต่งเข้าบ้านอู๋ คงไม่มีอะไรเสียหายหรอก"พ่ออู๋
" ค่ะ ฉันจะดูแลตรงนี้เอง "
ตอนเช้า หลังจากต้มโจ๊กกินเรียบร้อยแล้ว เธอแบ่งใส่กล่องไว้กินตอนกลางวัน แล้ว จึงออกมาจากบ้านเพื่อไปลงชื่อลงนา เหมือนทุกวันและนำจดหมายไปฝาก อี้เฉิน ไปส่งให้ด้วย เมื่อเห็นผู้ช่วยอู่ กำลังเดินเข้ามาหาเธอพอดี จึงหยิบซองจดหมายให้
" ผู้ช่วยอู๋คะ ฝากด้วยนะคะ "
" ครับ ผมจะจัดการให้เรียบร้อย และนี่ครับแม่ฝากซาลาเปามาให้ 2 ลูก " อี้เฉิน ยื่นห่อซาลาเปาให้
" เอ่อ จะดีหรือค่ะ ฉันทานข้าวมาแล้วคุณเก็บไว้กินระหว่าง ทางเถอะค่ะ"
" ดีสิครับ แม่ทำเยอะของผมก็เอามาส่วนของผมแล้ว ครับ รับไปเถอะ"
" ได้ค่ะ ฝากขอบคุณคุณป้าอู๋ ด้วยนะคะ"
" ครับ"
ณ.ที่ปักกิ่ง
" จดหมายครับ " เสียงบุรุษไปรษณีย์
"ขอบคุณครับ" จางหมิ่น ตอนนี้อายุ 12 ขวบปี
" หมิ่นเอ๋อ ใครมาลูก " เสียงแม่ถามมาจากหลังบ้าน
" จดหมายครับ แม่จดหมายพี่สาวรอง ครับ "
" ไหน ๆ เอามาให้แม่ดูเร็วเข้า "
" นี่ครับ "
" หมิ่นเอ๋อ อ่านให้แม่ฟังหน่อย แม่อ่านไม่คล่อง พี่สาวลูกเขียนว่าอย่างไรบ้าง"
" ครับ พี่สาวเขียนมาบอกว่า จะแต่งงาน เร็วน ๆนี้เพราะมีเรื่องเสียหาย นิดหน่อยจึงต้องแต่งงานกับผู้ชายในหมู่บ้านที่อยู่ ครับ"
" โถ่ รั่วเอ๋อ ไปอยู่ตัวคนเดียวคงมีคนรังแก สินะ แม่ผิดเอง แม่ผิดเอง ฮือ .."
" แม่ครับ พี่สาวบอกไม่มีอะไรมาก ไม่ไต้องกังวล "
" ลูกไปโรงงานพ่อ บอกพ่อให้กลับมาเร็ว ๆ นะ"
"ครับ เดี๋ยวผมไปรอพ่อหน้า โรงงาน"