บทที่ 1 บทนำ
วันนี้วันที่หนึ่งฤกษ์งามยามดีที่ธาริกาจะได้เข้ามาทำงานที่สาขาใหญ่ของบริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย เธอคิดว่าเธออาจจะมีโอกาสได้เจอดาราหรือนางแบบดังๆบ้างก็ได้ เธอจะขอลายเซ็นพวกเขาไปอวดคนเป็นแม่ที่อยู่ที่ต่างจังหวัด แม่ของเธอติดละครมากแน่นอนว่าท่านอินเข้าไปในทุกบทบาท ก่อนจะออกเดินทางท่านเตรียมอาหารมาให้เธอหลายอย่างวันนี้เธอประหยัดไปได้ถึงมื้อเย็นเชียวล่ะ
“สวัสดีค่ะแผนกการตลาดไปทางไหนหรอคะ”
“ขึ้นลิฟท์ไปชั้นสามได้เลยค่ะน้องว่าแต่พี่ไม่คุ้นหน้าเราเลยนะ”
“พอดีเพิ่งย้ายมาใหม่ค่ะ”
“อย่าบอกนะว่าน้องคือหัวหน้าแผนกการตลาดคนใหม่”
“ใช่แล้วค่ะ หนูชื่อธาริกาค่ะเรียกแค่ธิชาก็ได้ค่ะ พี่ชื่ออะไรคะ”
“พี่ชื่อเนญ่าจ้ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะ”
“เช่นกันค่ะพี่เนญ่า ยังไงธิชาขอตัวก่อนนะคะ” เธอรู้สึกได้เลยว่าพี่เนญ่าคนนี้อัธยาศัยดีมาก แน่ละสิพี่เขาเป็นประชาสัมพันธ์นี่หน่าก็ต้องยิ้มแย้มยินดีต้อนรับทุกคนที่เข้ามาในบริษัทอยู่แล้ว
“จ้ะรีบไปเถอะทุกคนน่าจะรอธิชาอยู่”
“ค่ะ” เธอมองดูนาฬิกาแล้วก็ต้องรีบเพราะอีกไม่กี่นาทีก็จะสายเสียแล้ว ทุกคนในแผนกไม่รู้ว่าหัวหน้าคนใหม่จะเป็นอย่างไรจะดุเหมือนคนเก่าไหม พวกเขาได้แต่รู้สึกกังวล
“อะ เอ่อ...สวัสดีค่ะทุกคน ดิฉันธาริกาจะมารับตำแหน่งหัวหน้าแผนกการตลาดคนใหม่ค่ะ” ธาริกาทำตัวไม่ถูกเมื่อทุกคนมายืนต้อนรับเรียงหน้ากระดาน เธอได้แต่เกริ่นแนะนำตัวเอง ส่วนพนักงานในแผนกก็งงเช่นกันเพราะไม่คิดว่าหัวหน้าคนใหม่จะอายุน้อยแบบนี้
“สวัสดีค่ะคุณธาริกา”
“สวัสดีครับคุณธาริกา”
“เรียกแค่ธิชาก็พอแล้วค่ะทุกคน เรียกเต็มยศขนาดนั้นธิชาเขินแย่” คำตอบของหญิงสาวทำให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลายลงมาก หญิงสาวมีท่าทีอ่อนหวานเป็นกันเองกับทุกคน
“คุณธิชาน่ารักจังเลยค่ะเป็นกันเองกับพวกเรามากเลย”
“แล้วทำไมธิชาจะเป็นกันเองไม่ได้ละคะหรือว่าหัวหน้าคนเก่าค่อนข้างดุคะ”
“ใช่เลยค่ะ” พนักงานคนหนึ่งตอบกลับเสียงเบา
“ธิชามาทำงานที่นี่แล้วทุกคนจะไม่กดดันแน่นอนค่ะ ธิชาอยากให้เราทำงานกันเป็นครอบครัวมากกว่าเจ้านายลูกน้องนะคะ” จบประโยคของหญิงสาวทุกคนก็ยิ้มออกมาเต็มใบหน้า
“หนูชื่อน้ำฟ้านะคะพี่ธิชา”
“หนูชื่อนาราค่ะ ฝากตัวด้วยนะคะคุณหัวหน้า”
“พี่ชื่ออนงค์จ้ะ ส่วนนี่เอกภพน้องชายพี่เอง”
“ว้าว ทำงานเป็นครอบครัวจริงๆค่ะ” หญิงสาวตอบกลับยิ้มๆ
“ห้องของน้องธิชาอยู่ทางนี้จ้ะเดี๋ยวพี่พาไป”
“ขอบคุณค่ะ” เธอเดินตามอนงค์ไปจนถึงห้องทำงานส่วนตัว
“ถึงแล้วค่ะ”
“ห้องกว้างจังเลยค่ะนั่งคนเดียวเหงาแน่ๆค่ะ”
“ไม่ดีหรอคะ เจ้านายคนเก่าของพี่น่ะเขาอยากเป็นส่วนตัวสุดๆ” อนงค์บอกกับหญิงสาวน้ำเสียงจริงจัง เจ้านายเก่าไม่เคยมาคุยทีเล่นทีจริง เขาอยากให้ทุกคนแบ่งเส้นชัดเจนว่านี่คือเจ้านายนี่คือลูกน้อง
“ไม่ดีค่ะอยากมีเพื่อนพูดคุยมากกว่า เอาไว้ธิชาจะออกไปกวนพี่ๆแล้วกันนะคะ”
“ยินดีเลยค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วพี่ออกไปทำงานก่อนนะคะ”
“ค่ะ” เมื่ออนงค์เดินออกไปแล้วเธอจึงตั้งหน้าตั้งตาจัดห้องของตัวเอง
“น้องธิชาคะท่านประธานเชิญค่ะ”
“ค่ะพี่อนงค์” หญิงสาวพร้อมเสมอสำหรับการแนะนำตัวเอง เธอเดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผย
“ผมเอาใจช่วยนะครับคุณธิชา”
“ท่านประธานดุมากเลยหรอคะ”
“ไม่เชิงดุครับแต่เอ่อ...คุณธิชาไปเจอเองดีกว่าครับ”
“โอเคค่ะ ธิชาสู้ไม่ถอยอยู่แล้ว”
ธิชาส่งยิ้มทักทายให้กับผู้คนที่ได้เดินสวนกัน เธอได้ยินพวกเขาพูดคุยถึงเรื่องเธอแน่นอนว่าคนที่ย้ายมาใหม่มักจะเป็นที่สนใจของคนอื่นอยู่แล้ว
“ขออนุญาตค่ะท่านประธาน” หลังจากเคาะประตู เธอก็เปิดเข้ามาทันที ตอนนี้เขานั่งหันหลังให้เธอ
“สวัสดีค่ะดิฉันชื่อธาริกา ผกาเวช ชื่อเล่นธิชาค่ะ มาทำหน้าที่หัวหน้าแผนกการตลาดวันนี้เป็นวันแรกค่ะ” ชายหนุ่มค่อยๆหมุนเก้าอี้กลับมาหาลูกน้องสาวที่กำลังแนะนำตนเองให้เขาได้รู้จัก เมื่อมองชัดๆว่าท่านประธานหน้าตาเป็นอย่างไรแล้วหญิงสาวก็ต้องหุบยิ้มฉับเพราะเขาคือบุคคลในอดีตที่เธอไม่อยากจะนึกถึงสักวินาทีนี่เอง
“พี่ดีใจนะครับที่เราได้มีโอกาสเจอกันอีกครั้ง เราสองคนไม่ได้เจอกันเลยนะครับตั้งแต่วันนั้น” เขารู้สึกหัวใจมันพองโตก็ตอนได้สบสายตากับหญิงสาวนี่แหละ เธอโตเป็นสาวเต็มวัยสวยมากๆในสายตาของเขาและสายตาของหนุ่มๆคนอื่นเช่นกัน
“ขอโทษนะคะท่านประธานคงจำคนผิดแล้ว” เธอจำเขาได้ในทันทีแต่แสร้งทำเป็นไม่รู้จักเพราะไม่อยากให้เขาพูดถึงเรื่องในอดีตให้มันทิ่มแทงใจ แผลเก่ากำลังจะหายเธอไม่อยากจะกรีดซ้ำรอยเดิม
“ไม่ผิดตัวแน่นอนครับ” เขาตอบกลับด้วยรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์
“ท่านประธานเรียกดิฉันมามีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ห่างเหินจังเลยนะครับ พี่แค่อยากถามว่าธิชามีอะไรขาดเหลือบอกพี่ได้นะครับ พี่ยินดีช่วยธิชาทุกอย่างเลย”
“ดิฉันคงไม่ต้องรบกวนท่านประทานหรอกนะคะเพราะว่าพี่ๆน้องๆที่แผนกก็ช่วยเหลือดิฉันได้” คำก็พี่สองคำก็พี่ เขามีสิทธิ์อะไรมาพูดเหมือนกับว่าสนิทสนมกับเธอขนาดนี้กันเล่า
“นั่งก่อนสิครับ”
“ท่านประธานมีอะไรอีกหรือเปล่าคะถ้าไม่มีธิชาขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
“ก็ได้ครับ วันนี้พี่ให้ธิชากลับไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนก็ได้ครับ”
“ขอตัวค่ะ” เธอหมุนตัวเดินออกมาทันที เมื่อประตูห้องปิดลงใจของเธอก็เต้นระรัว เมื่อสักครู่เธอพยายามเก็บอาการเอาไว้จนมันเกือบจะเปิดเผยว่าในใจเธอยังมีเขาอยู่เต็มพื้นที่ของหัวใจ เธอไม่เคยลืมเขาได้เลยแม้ว่าจะพยายามสักแค่ไหนก็ตาม ด้านชายหนุ่มยิ้มขำกับการกระทำของหญิงสาว เขาคิดว่าเธอคงพยายามอย่างหนักที่จะพูดคุยกับเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยทั้งที่ในใจอาจจะอยากพูดจิกกัดเขาก็ได้ เขาดีใจมากที่จะได้มีโอกาสแก้ไขเรื่องราวในอดีตที่เคยทำไม่ดีกับเธอเอาไว้ ทันทีที่เขารู้ว่าหัวหน้าการตลาดคนใหม่เป็นใครเขาก็ตั้งหน้าตั้งตารอเธอมาทำงานทุกวัน วันนี้เขาตื่นนอนแต่เช้าจนคนเป็นแม่ยังแอบสงสัยว่าวันนี้ที่บริษัทมีอะไรด่วนหรือไม่ลูกชายของนางถึงได้ดูกระตือรือร้นอยากจะมาทำงาน
“เป็นยังไงบ้างคะน้องธิชา”
“ทุกอย่างก็เรียบร้อยดีนะคะ ธิชาแนะนำตัวเสร็จก็ออกมาเลยค่ะ”
“แปลกจัง”
“แปลกยังไงหรอคะ”
“ก็ปกติแล้วเวลามีสาวๆสวยๆแบบน้องธิชาเนี่ยท่านประธานไม่เคยปล่อยตัวออกมาง่ายๆเลยนะสิคะ”
“ว่าไงนะคะ”
“ตามนั้นเลยค่ะ”
“หึ ธิชาคงไม่อยู่ในสายตาเขามั้งคะ” เขาคงจะสวมบทบาทคลาสโนว่าจนเต็มรูปแบบเลยสินะ ใครๆถึงได้บอกเป็นเสียงเดียวกันแบบนี้ ปัจจุบันเธอก็ยังไม่เข้าตาของเขาสินะ พอเธอมาคิดๆดูก็จี๊ดๆในใจดีเหมือนกัน
“วันนี้เห็นว่าจะมีสัมภาษณ์พิเศษคุณสายไหมด้วยนะคะ”
“จริงหรอคะป้าของธิชาชอบคุณสายไหมมากเลยค่ะ”
“คุณธิชาไปถ่ายรูปกับคุณสายไหมสิคะ”
“ไปได้หรอคะ”
“ได้สิคะ”
“งั้นธิชาคงต้องรบกวนพี่อนงค์พาธิชาไปหน่อยนะคะ”
“ได้เลยค่ะ” สายไหมคือนักแสดงสาวที่กำลังเป็นที่โด่งดังจากละครเรื่องปมรักแรงแค้นที่ป้าขจีของเธอกำลังติดงอมแงม ละครออนแอตอนแรกก็กวาดเรตติ้งไปได้สูงมาก หญิงสาวมีผิวขาวรูปร่างสูงโปร่งใบหน้ามีเอกลักษณ์เป็นของตนเองไม่เหมือนนางเอกคนอื่นที่อาจจะทำศัลยกรรมมาทำให้หน้าตาคล้ายๆกันไปหมด
“ขออนุญาตค่ะพี่แพง”
“ว่าไงจ้ะอนงค์”
“อนงค์พาคุณธิชาเขามาถ่ายรูปกับคุณสายไหมค่ะ”
“สวัสดีค่ะพี่แพง ธิชาเพิ่งมาทำงานวันนี้วันแรกค่ะ”
“ขอให้สนุกกับการทำงานนะจ๊ะน้องธิชา พี่ได้ข่าวว่าการตลาดเครียดพอตัวเลยนะ”
“เรื่องงานธิชาสู้ไม่ถอยแน่นอนค่ะ”
“คุณสายไหมมาพอดีเลยค่ะ คุณสายไหมคะน้องธิชาอยากจะขอถ่ายรูปด้วยค่ะ”
“เชิญเลยค่ะว่าแต่คุณธิชาคือคนพิเศษใช่ไหมคะถึงได้เข้ามาในนี่ได้”
“หัวหน้าแผนกการตลาดคนใหม่ของบริษัทค่ะคุณสายไหม”
“อยากนี้นี่เอง ท่าทางคุณธิชาอ่อนกว่าสายไหมอีกนะคะ”
“ธิชาอายุ 25 ค่ะ”
“เห็นไหมจริงๆด้วยค่ะ สายไหมอายุ 28 แล้วค่ะ”
“ขออนุญาตเรียกว่าพี่สายไหมได้ไหมคะ”
“ยินดีค่ะ”
“ป้าของธิชาปลื้มพี่สายไหมมากเลยค่ะ”
“จริงหรอคะดีใจจัง”
“พี่สายไหมน่ารักอย่างนี้นี่เองคุณป้าของธิชาถึงได้ปลื้มขนาดนี้”
“ชมเกินไปแล้วค่ะ”
“ไม่เกินไปจริงๆค่ะ” หลังจากถ่ายภาพกันแล้วหญิงสาวก็ขอตัวไปทำงานต่อ ส่วนธาริกานั้นก็รีบส่งรูปภาพไปอวดคนเป็นป้าทันที ท่านอิจฉาเธอมากที่มีโอกาสได้เจอดาราในดวงใจตัวเป็นๆ แถมยังได้พูดคุยกันเป็นส่วนตัวอีกด้วย
“ต้นน้ำคะสายไหมถ่ายงานเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ วันนี้สายไหมหิวจังเลยอยากทานไอศกรีมจังเลยค่ะ” หญิงสาวขยับเข้ามาใกล้ชายหนุ่มจากนั้นก็ออดอ้อนให้เขาพาไปทานไอศกรีมของโปรด
“วันนี้ผมต้องขอโทษด้วยนะครับพอดีผมมีนัดแล้ว” ชายหนุ่มบอกปัดอย่างพยายามรักษามารยาท
“นี่ล้อเล่นสายไหมหรือเปล่าคะ”
“ไม่ได้ล้อเล่นครับ วันนี้มีธุระจริงๆครับ” เขาส่ายหัวไปมาเบาๆ ท่าทางจริงจังจนหญิงสาวไม่กล้าที่จะตอแยต่อ
“เฮ้อ ก็ได้ค่ะงั้นวันนี้สายไหมขอตัวกลับก่อนแล้วกันนะคะ เสียดายเวลาที่เราจะได้อยู่ด้วยกันจังเลยค่ะ สายไหมค่อนข้างงานยุ่งนะคะพอมีเวลาก็อยากจะมาอยู่ด้วย ฟอด” เธอขยับเข้าไปใกล้ขโมยหอมแก้มของชายหนุ่ม
“…”
“คิกๆ บ๊ายบายค่ะ” ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกหนักใจไม่น้อยกับการกระทำของหญิงสาว เขาเคยบอกเธอไปหลายครั้งแล้วว่าเขาคิดกับเธอแค่เพื่อนเท่านั้นแต่เป็นหญิงสาวก็คิดเกินเลยกับเขาตลอด วันนี้เขาเลือกที่จะโกหกเพราะต้องการรักษาระยะห่างกับเธอเพราะเขาไม่อยากให้ใครบางคนเข้าใจเขาผิด ด้านธาริกาพอถึงเวลาเลิกงานหญิงสาวก็ตั้งใจจะตรงกลับคอนโดทันทีแต่เจ้ารถกระป๋องของเธอมันดันมาเสียอยู่หน้าบริษัท
“ลูกนะลูกมาเสียอะไรตอนนี้เนี่ย” เธอรู้สึกหัวเสียไม่น้อยเพราะเวลานี้เธอควรจะได้กลับไปนอนตีพุงอยู่บนเตียงกว้างแล้ว
“รถเป็นอะไรไปครับ มีอะไรให้พี่ช่วยไหม” ชายหนุ่มจับสังเกตมาสักระยะพอมั่นใจว่าหญิงสาวกำลังมีปัญหาแน่ๆจึงขับรถเข้ามาใกล้
“ไม่เป็นไรค่ะท่านประธาน”
“อย่าเกรงใจกันเลยนะครับ คุณอเนกครับผมฝากจัดการเรื่องรถของคุณธาริกาด้วยนะครับ ยังไงถ้าเรียบร้อยแล้วก็ขับมาส่งที่บริษัทได้เลยครับ”
“ได้เลยครับท่านประธาน ผมจะจัดการทุกอย่างให้นะครับคุณ...เอ่อ...”
“ธิชาค่ะ เรียกธิชาดีกว่าค่ะ พอดีธิชาเพิ่งย้ายมาทำงานที่นี่รถของธิชาก็งอแงซะแล้ว วันนี้คงต้องรบกวนคุณเอนกหน่อยนะคะ” เธอบอกออกไปอย่างเกรงใจ
“ยินดีครับ ช่วยอะไรได้ก็ควรช่วยเหลือกันสิครับถึงจะถูก”
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
“จบเรื่องแล้วให้พี่ไปส่งนะครับ”
“ธิชาไปรถประจำทางได้ค่ะ” เธอบอกเขาออกไปพร้อมเชิดหน้าขึ้นน้อยๆอย่างคนถือดี
“มาเถอะครับหรือว่ารังเกียจกัน” ชายหนุ่มถามออกไปตรงๆ เธอจึงไม่กล้าที่จะปฏิเสธ
“ก็ได้ค่ะ”ใจจริงหญิงสาวอยากจะปฏิเสธแต่ก็กลัวเอนกสงสัยและเอาไปพูดคุยต่อจึงได้ยอมให้เขาไปส่งตามมารยาทแต่โดยดี
“ธิชาพักอยู่ที่ไหนครับ” เขาถือโอกาสนี้สืบหาที่อยู่ของหญิงสาวทันที
“อยู่ที่คอนโดกลางเมืองสุขุมวิทค่ะ” พอรู้ว่าเธอพักอยู่ที่ไหนก็ค่อยสบายใจหน่อยเพราะที่นั่นระบบรักษาความปลอดภัยค่อนข้างดี
“โอเคครับ” หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดคุยอะไรกันอีกจนมาถึงหน้าคอนโด หญิงสาวปลดล็อคเตรียมเปิดประตูลงไปแต่เขารั้งข้อมือเธอเอาไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวสิครับ” ชายหนุ่มรีบรั้งแขนเธอเอาไว้ หญิงสาวไม่พอใจเอามากๆ
“ปล่อยค่ะ คุณไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องตัวของฉัน” หญิงสาวแสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบให้เข้าถึงเนื้อถึงตัวเธอแบบนั้น
“พี่ขอโทษครับ” ชายหนุ่มรีบกล่าวคำขอโทษ เขาแสนเสียดายแต่ก็ต้องยอมปล่อยมือของหญิงสาวเพราะกลัวเธอจะโกรธไปมากกว่านี้ เขารอจนกระทั่งเธอเข้าไปด้านในถึงจะยอมขับรถออกไป หลังจากส่งหญิงสาวถึงที่พักเรียบร้อยเขาก็ตรงกลับบ้านทันที เมื่อรถจอดสนิทเขาก็เห็นว่าคนเป็นแม่มายืนรออยู่ก่อนแล้ว
“คิดถึงคุณแม่จังเลยครับ”
“ไม่ต้องมาตีเนียนเลยนะตาต้นน้ำ” คนเป็นแม่ตอบกลับน้ำเสียงไม่พอใจ
“ก็ผมไม่อยากไปดูตัวแล้วนี่ครับ” เขารู้อยู่แล้วล่ะว่าที่ท่านมายืนรอก็เพราะเขาเบี้ยวนัดไม่ยอมไปดูตัวตามที่ท่านต้องการ ฝ่ายนั้นคงจะมาโวยวายกับท่านแน่ๆ เขาเคยไปดูตัวหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยสนใจใครเลย ยิ่งตอนนี้เขามีโอกาสได้กลับมาเจอธาริกาอีกครั้งเขาจะไม่ปล่อยผ่านไปแน่
“ที่แม่ต้องทำแบบนั้นก็เพราะว่าลูกไม่จริงจังกับใครสักทีไงล่ะลูก”
“คุณแม่รอหน่อยได้ไหมครับคนที่อยู่ในดวงใจของผมกลับมาแล้ว” เขาบอกคนเป็นแม่ออกไปตรงๆเพราะเขานั้นดีใจมากที่ได้มีโอกาสพบเธออีกครั้ง มันเป็นอะไรที่ทำให้หัวใจของเขามีแรงกระตุ้น
“อะไรนะลูก ลูกพูดจริงหรอ”
“จริงสิครับ เธอมาอยู่ใกล้ผมแค่ปลายจมูกเท่านั้นเองนะครับ”
“แม่เชื่อได้ใช่ไหมว่าสิ่งที่ลูกพูดคือเรื่องจริง” มารดาของชายหนุ่มถามย้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจเพราะเอไม่อยากหวังลมๆแล้งๆอีกต่อไปแล้ว
“เรื่องจริงสิครับ ผมไม่ได้โกหกคุณแม่แน่นอนครับ” เขาตอบกลับเสียงดังฟังชัด
“ลูกต้องพาแม่ไปเจอเธอ” พอลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมาให้ความหวังคนเป็นแม่แบบนี้มีหรือที่เธอไม่อยากจะพบเจอเด็กสาวคนที่ครองหัวใจของลูกชายของเธอมาตลอดหลายปี
“ผมพาไปไม่ได้ครับแต่แม่ไปเจอเธอเองได้ครับ” ชายหนุ่มเปิดช่องว่างให้มารดาเต็มที่ เขาอยากให้ท่านเอ็นดูเธอด้วยสายตาของท่านเอง
“ยังไงล่ะลูก” คนเป็นแม่ถามกลับงงๆ
“เธอเพิ่งย้ายมาเป็นหัวหน้าแผนกการตลาดคนใหม่ครับ” เขาตอบกลับยิ้มๆ
“หืม ใช้ได้เลยเดี๋ยวแม่จะไปแอบสืบเองก็ได้เชื่อสิแปบเดียวแม่ก็รู้ว่าเป็นใคร” คนเป็นแม่ตอบกลับด้วยความมั่นใจ ยิ่งเป็นคนในองค์กรแล้วมีหรือจะซ่อนตัวจากเธอได้ ไม่มีทางซะหรอก
“ครับผม วันนี้ผมขอไปพักก่อนนะครับเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” ชายหนุ่มส่ายหัวไปมาเบาๆเพื่อไล่เรื่องราวต่างๆและความเหนื่อยล้าที่มีอยู่ให้หายไป
“ไปเถอะๆแม่ก็จะออกไปธุระกับพ่อเขาเหมือนกัน”
“คร๊าบ รักแม่นะครับ” เขาขยับเข้าไปสวมกอดคนเป็นแม่อย่างออดอ้อน ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนเขาก็จะขออ้อนคนเป็นแม่แบบนี้ต่อไป ลองถ้าพ่อเขามาเห็นสิเป็นต้องบ่นที่เขามาวุ่นวายกับภรรยาคนสวยของตน
“เจ้าลูกคนนี้นี่โตขนาดนี้ยังจะอ้อนแม่เหมือนเป็นเด็กๆไปได้” คนเป็นแม่บอกออกไปยิ้มๆแม้ลูกชายจะโตแค่ไหนเธอก็ยังเห็นเขาเป็นเด็กอยู่ดีในสายตาเธอ เธอรักลูกคนนี้มากและพร้อมจะรักคนที่ลูกของเธอรักด้วยถ้าสาวคนนั้นก็ตรงใจเธอน่ะนะ
หลังจากที่ลูกชายคนเดียวของตนบอกว่าผู้หญิงที่ชอบมาทำงานที่บริษัทแถมยังได้ตำแหน่งหัวหน้าซะด้วยแสดงว่าเด็กคนนี้ต้องมีอะไรดีแน่ๆ นางจึงอยากจะเข้าไปดูสักหน่อยว่าหน้าตาเป็นอย่างไรรวมถึงนิสัยใจคอด้วย
“ขอคาปูชิโน่แก้วนึงจ้ะ”
“รอสักครู่นะคะ”
“ระวังค่ะ” เสียงตะโกนของหญิงสาวเรียกความสนใจจากผู้คนรอบข้างได้เป็นอย่างดี เธอขยับเข้าไปจับตัวหนูน้อยได้ทันเวลาก่อนที่จะเกิดเรื่องร้ายๆขึ้น
“น้องป่านลูก”
“ไม่เป็นอะไรแล้วนะคะ” สาวน้อยในอ้อมกอดพยักหน้าหงึกๆ
“ขอบคุณนะคะลูกสาวของดิฉันซนจนเกือบจะได้เรื่องเลยค่ะ” สาวน้อยหน้าตาน่ารักราวกับตุ๊กตาเกือบจะถูกประตูหนีบเพราะจะวิ่งตามคนที่ซื้อของเรียบร้อยแล้วออกไปด้านนอก
“ธิชาเข้าใจค่ะเด็กวัยนี้กำลังซนฝากคุณแม่ดูแลใกล้ชิดอีกหน่อยนะคะ”
“ค่ะๆ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” สองแม่ลูกจูงมือกันเดินออกไปแล้วแต่หญิงสาวก็ยังยืนมองจนทั้งสองลับสายตาไปจากนั้นก็เดินกลับเขาบริษัทไปตามปกติ มารดาของชายหนุ่มแอบชื่นชมผู้หญิงคนนั้นอยู่ในใจ
“ได้แล้วค่ะคุณลูกค้า” มารดาของชายหนุ่มรับเครื่องดื่มมาแล้วเดินออกจากร้านทันที เมื่อเดินมาถึงแผนกการตลาดเธอก็พยายามสอดส่ายสายตาไปมาทั่วๆอยากจะรู้ว่าใครกันคือคนในดวงใจของลูกชาย และดูเหมือนว่าจะเป็นผู้หญิงคนนั้น คนที่เพิ่งเจอกันที่ร้านกาแฟเมื่อสักครู่นี่เอง ตอนนี้หญิงสาวกำลังพูดอะไรบางอย่างกับพนักงานคนอื่นๆซึ่งทุกคนนั้นดูตั้งใจฟังในสิ่งที่หญิงสาวกำลังพูดมากๆจนน่าทึ่ง เรื่องการทำงานเธอคงต้องยอมรับเลยว่าผู้หญิงคนนี้เก่งมากไม่อย่างนั้นคงไม่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าแผนกทั้งที่อายุยังน้อยอย่างนี้แน่นอน
“ไปไหนมาครับ” คนเป็นภรรยาอารมณ์ดีเป็นพิเศษจนน่าสงสัยว่าไปไหนมากันแน่
“ไปแอบดูว่าที่ลูกสะใภ้มาค่ะ” มารดาของชายหนุ่มตอบกลับยิ้มๆ
“ว่าไงนะครับ ลูกสะใภ้หรอครับ” ลูกสะใภ้ที่ภรรยาว่าจะใช่คนที่ตั้งใจนัดดูตัวให้ลูกชายหรือเปล่าก็ไม่รู้
“ใช่ค่ะแถมคนนี้น้องไม่ได้บังคับลูกชายของคุณพี่ด้วยนะคะ” มารดาของชายหนุ่มตอบกลับยิ้มๆ
“แปลก”
“ตอนแรกน้องก็คิดแบบนั้นค่ะแต่พอได้เจอตัวจริงแล้วปลื้มมาก แอบกระซิบนิดนึงก็ได้ค่ะว่าเป็นคนในบริษัทเรานี่เอง ดูท่าทางทำงานเก่งมาก”
“จริงหรอครับบอกชื่อผมบ้างเผื่อผมรู้จัก”
“ธาริกา ผกาเวชค่ะ”
“ชื่อไม่คุ้นเลยครับ”
“แน่สิคะสาวสวยคนนี้เพิ่งจะย้ายมาใหม่”
“แผนกอะไรล่ะครับ”
“หนูคนนี้ย้ายมาเป็นหัวหน้าคนใหม่ของแผนกการตลาดค่ะ”
“ไม่ธรรมดาจริงๆด้วยแสดงว่าลูกชายของเราก็ตาถึงเหมือนกันนะเนี่ย”
“คิกๆ จริงที่สุดเลยค่ะ”
ในทุกๆวันธาริกาทำงานด้วยความตั้งใจจนทุกคนในทีมอดจะชื่นชมหญิงสาวไม่ได้ เธอเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนอื่นๆในแผนกแถมยังไม่เคยแบ่งชนชั้นหรือต้องให้ทุกคนให้ความเคารพตนจนเกินขอบเขต เธอน่ารักและเป็นกันเองกับลูกน้องสม่ำเสมอ
“วันนี้ทุกคนพร้อมไหมคะเพราะพวกเราต้องไปนำเสนอแผนของเราให้ท่านประธานใหญ่ได้ฟัง” แม้เธอจะแอบตื่นเต้นอยู่นิดๆแต่ไม่อาจแสดงความรู้สึกออกมาได้เพราะกลัวจะทำให้คนอื่นรู้สึกตามเธอไปด้วย
“พร้อมค่ะ”
“มีน้องธิชาทั้งคนพวกเราสู้ตายค่ะ” หัวหน้าทีมเก่งขนาดนี้คนในทีมก็สู้ไม่ถอยแน่นอน
“พี่ก็สู้ตายเหมือนกันค่ะ”
“ธิชาขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะที่ตั้งใจทำงาน ธิชาเชื่อว่าแผนนี้ต้องผ่านการอนุมัติแน่นอนและที่สำคัญคือธิชาจะขอโบนัสเพิ่มให้ทุกคนค่ะ”
“เย้” ทุกคนร้องออกมาด้วยความดีใจ เธอเข้าใจหัวอกมนุษย์เงินเดือนมากๆ โบนัสก็เป็นเหมือนแรงใจให้ทุกคนมีพลังขับเคลื่อนทำงานต่อไปได้อย่างแข็งขัน
ธาริกาและลูกน้องอีกสองคนเดินทางมาที่ห้องประชุมใหญ่ก่อนเวลา วันนี้ออกจะเป็นการเป็นงานเสียหน่อยเธอจึงแต่งตัวดูเรียบร้อยกว่าปกติ เมื่อคนอื่นๆทยอยเดินเข้ามาด้านในเธอก็ยกมือไหว้ทำความเคารพทุกคน เธอยิ้มแย้มสดใสแต่ก็ต้องหุบยิ้มฉับเมื่อไปสบตากับคนเจ้าเล่ห์ที่เธอไม่อยากเจอหน้า
“สวัสดีค่ะท่านประธาน”
“หนูใช่ไหมที่เพิ่งย้ายมาใหม่” ท่านประธานใหญ่ถามกลับอย่างเป็นกันเอง
“ใช่แล้วค่ะ ดิฉันชื่อธาริกา ผกาเวชค่ะ มาทำหน้าที่หัวหน้าแผนกการตลาดคนใหม่ของที่นี่ค่ะ”
“ดีๆ ผมขอให้การงานราบรื่นแล้วกันนะ” บิดาของชายหนุ่มแอบพิจารณาหญิงสาวตรงหน้าแล้วก็คิดตรงกันกับภรรยาว่าลูกสะใภ้คนนี้ผ่านแน่นอน
“ขอบพระคุณค่ะ” หลังจากทักทายกันแล้วหญิงสาวก็เริ่มนำเสนอแผนงานที่ได้นำมาเสนอ หน้าที่ของเธอคือต้องมองภาพรวมเป้าหมายของการทำการตลาดของบริษัท เธอเก็บข้อมูลเรื่องสถานการณ์ของธุรกิจในปัจจุบันเปรียบเทียบกับสถานการณ์ของเศรษฐกิจและคู่แข่งควบคู่กันไป แม้บริษัทจะมีคู่แข่งไม่มากนักแต่ก็ถือว่ามีผลโดยตรงกับผลประกอบการหากอีกฝ่ายมีกลยุทธ์ที่เหนือกว่า นอกจากนี้เธอยังต้องรายงานด้วยว่าธุรกิจกำลังอยู่จุดไหน กำลังจะทำอะไรต่อ (what) เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใด (who) จะเข้าหากลุ่มเป้าหมายได้ที่ไหน (where) ธุรกิจจะทำอย่างไรให้เพื่อกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายลงมือทำอะไรบางอย่าง หรือตัดสินใจซื้อ (How) ธุรกิจจะรู้ได้อย่างไรว่าแผนการประสบความสำเร็จ (How measure)
หลังจากนำเสนอเรียบร้อยเธอก็ได้รับเสียงปรบมือกลับมา หญิงสาวอธิบายทุกอย่างได้อย่างละเอียดและมีเหตุมีผลจนไม่ต้องถามอะไรต่อเลยก็ได้เพราะทุกอย่างมันชัดเจนอยู่แล้ว
“มีท่านใดอยากจะสอบถามอะไรเพิ่มไหมคะ”
“เตรียมตัวนำเสนอกี่วันครับ”
“สามวันค่ะ” เธอตอบกลับยิ้มๆ
“ในเมื่อคุณทุ่มเทให้ทีมขนาดนี้ผมอยากจะเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อได้ไหมครับ” ต้นน้ำรีบเอ่ยขอโอกาสทันที
“อะ เอ่อ...” เธออยากจะปฏิเสธออกไปแต่ก็ไม่มีความกล้าพอ ทุกสายตากำลังจับจ้องมาที่เธอ
“ไม่ใช่แค่คุณคนเดียวหรอกครับทุกคนในทีมคุณด้วย” เขารู้ว่าเธอลำบากใจจึงเอ่ยชวนคนอื่นๆไปด้วย
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยค่ะ” เธอรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากและอย่างน้อยทุกคนก็ได้ทานอาหารอร่อยๆไปพร้อมกันกับเธอ ทุกคนดีใจมากที่ได้มีโอกาสร่วมรับประทานอาหารมื้อพิเศษกับท่านประธานสุดหล่ออย่างต้นน้ำ
ร้านอาหารที่ชายหนุ่มเลือกอยู่ไม่ไกลจากบริษัทมากนัก ทุกคนดูตื่นเต้นกันมากเพราะนานๆทีจะได้ออกมาทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมกันอย่างนี้ หญิงสาวต้องนั่งรับประทานข้างๆชายหนุ่มอย่างห้ามไม่ได้เพราะคนอื่นๆจับจองที่นั่งกันหมดแล้วซึ่งเหลือแค่ที่นั่งข้างชายหนุ่มเท่านั้น แน่นอนล่ะว่าใครจะอยากนั่งข้างท่านประธานกันล่ะคงจะทำตัวไม่ถูกกันแน่ๆ ทุกคนชมไม่หยุดปากว่าอาหารอร่อยมากและรู้สึกโชคดีที่ได้มาทานข้าวกับท่านประธานในดวงใจของสาวๆ
“ขอบคุณท่านประธานมากๆเลยนะคะที่พาพวกเรามาเลี้ยงอาหาร อาหารอร่อยหมดทุกอย่างเลยค่ะ” อาหารที่นี่มีแต่ของขึ้นชื่อแน่นอนว่าราคาก็ต้องไม่ธรรมดา
“ผมดีใจที่ทุกคนชอบครับ” เขาตอบกลับยิ้มๆ จากนั้นทุกคนก็กลับไปสนใจของอร่อยตรงหน้าจนไม่ได้สนใจท่านประธานสุดหล่ออีก พอได้จังหวะเขาก็หันมาถามคนข้างกายเพราะดูเหมือนว่าเธอจะไม่ค่อยเจริญอาหารเท่าไรถ้าเทียบกับคนอื่นๆที่ดูตั้งหน้าตั้งตาทานมาก
“ทุกคนบอกว่าอาหารอร่อยมากน้องธิชาไม่อร่อยหรอครับ”
“อาหารอร่อยมากค่ะแต่บรรยากาศไม่ค่อยดี” เธอตอบกลับหน้างอเพราะตลอดเวลาเขาพยายามขยับเข้ามาใกล้จนสองร่างแทบจะสิงกันอยู่แล้ว
“ต่างจากพี่นะครับพี่เจริญอาหารมากเลย ดูสิครับนี่พี่เติมจานที่สองแล้วนะ” เขาตอบกลับสายตาเป็นประกาย ดูน่าหมั่นไส้มากๆ เธอไม่เข้าใจว่าเขากำลังต้องการอะไรกันแน่
“หึ” เธอสะบัดหน้าหนีก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อ
“ท่านประธานดูสนิทกับน้องธิชาจังเลยค่ะ ไม่รู้จะเสียมารยาทไหมถ้าอนงค์จะถามว่ารู้จักกันมาก่อนไหมน่ะค่ะ” บอกเลยว่าคนอื่นไม่สนใจแต่อนงค์สนใจความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายสาวกับท่านประธานมากๆ
“ผมยินดีตอบทุกอย่างครับเพราะผมไม่มีอะไรต้องปิดบังอยู่แล้วนี่ครับ ความจริงผมกับธิชารู้จักกันมาก่อนจริงๆครับ ผมเป็นรุ่นพี่ของธิชา แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยนะครับเรื่องที่น้องธิชาย้ายมาทำงานที่นี่ผมไม่รู้เรื่องเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาทำงานที่บริษัทของผมจนได้มาเจอกันอีกครั้งหนึ่ง”
“อย่างนี้นี่เองพรหมลิขิตชัดๆ อิจฉาน้องธิชาจังเลยค่ะมีท่านประธานคอยตักอาหารให้อยู่ตลอด”
“สลับที่กับธิชาก็ได้นะคะพี่อนงค์ ธิชายินดีมาก”
“แหะๆ ไม่ดีกว่าค่ะเชิญน้องธิชาตามสบายเลยค่ะ” พอถูกลูกน้องปฏิเสธหญิงสาวก็หน้างอยิ่งกว่าเดิม ไม่รู้ทำไมอนงค์ต้องถามเพื่อเปิดโอกาสให้เขาได้ใกล้ชิดเธอมากกว่าเดิมด้วยก็ไม่รู้ เมื่อทำอะไรไม่ได้ก็ขอตัวกลับก่อนน่าจะดีที่สุด
“ธิชาอิ่มแล้วค่ะ ธิชาขอกลับไปทำงานก่อนนะคะ ขอตัวค่ะ”
“น้องธิชา น้องธิชาคะ โถว่พี่ยังอยากจะทานต่ออีกสักหน่อย อนงค์เองก็ขอตัวก่อนนะคะ” แม้อนงค์จะแสนเสียดายแค่ไหนแต่ก็ต้องลุกตามเจ้านายสาวไป
วันนี้มีประชุมเกือบทั้งวันเจ้าลูกชายเวลานี้ก็ยังไม่กลับบ้านไม่รู้ว่าไปไหนต่อ พอเธอเห็นคนเป็นสามีเดินเข้ามาในห้องรับแขกจึงรีบถามไถ่ทันทีเพราะรอลุ้นมากๆว่าผู้เป็นสามีจะปลื้มว่าที่ลูกสะใภ้เหมือนกันหรือเปล่า
“ลูกไปไหนคะคุณพี่”
“พาพนักงานไปเลี้ยงอาหารน่ะ”
“แปลกจัง ว่าแต่เจอหนูธิชาหรือยังคะเป็นไงบ้างคะ” มารดาของชายหนุ่มถามสามีน้ำเสียงตื่นเต้น เธอชอบว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้มากแต่ไม่รู้ว่าคนเป็นสามีจะคิดเห็นอย่างไรไม่รู้สินะ
“เจอแล้วล่ะ ลูกชายของคุณน่ะอยากชวนสาวไปทานข้าวแต่กลัวสาวไม่ยอมไปด้วยถึงได้เป็นป๋าเลี้ยงพนักงานทุกคนในแผนกไปเลย”คนเป็นพ่อบอกออกไปยิ้มๆเขาจับทางลูกชายของตัวเองได้
“ฮ่าๆ มันก็ต้องทุ่มแบบนี้แหละค่ะ” หล่อนเราะออกมาเบาๆ นี่สินะลูกชายของนางชอบใครก็พุ่งเข้าใส่
“ว่าแต่ผมอยากรู้เรื่องราวของลูกเหมือนกันนะว่าทำไมหนูธิชาถึงได้มึนตึงเจ้าลูกชายเราขนาดนั้น”
“อยากรู้ก็ถามเลยสิคะเดินมานู้นแล้ว” ชายหนุ่มกลับมาถึงบ้านก็โดนคนเป็นแม่ซักฟอกทันที ทั้งบิดามารดาอยากจะรู้เรื่องราวของเขากันทั้งคู่