ห้าม (รัก) - 8

1662 Words
ไม่! ฉันไม่ใช่ผู้หญิงใจง่าย เมื่อตั้งสติได้ฉันรีบผลักแปงออกก่อนจะจัดการเสื้อผ้าให้เข้าที่แล้วก้มหน้าก้มตาเพราะความอับอายกับสิ่งที่เกิดขึ้น “ไม่คิดว่าเธอจะตอบสนองได้…..” “ยะ หยุดพูดนะ” “เมื่อกี้เธอยังอ้อนวอนฉันอยู่เลยนะ” “อะ อ้อนวอนอะไร มะ ไม่ใช่สักหน่อย” “เธอคงชอบแบบเมื่อกี้ใช่ไหม” “บอกให้หยุดพูดไง” “ครั้งนี้เหมือนความสัมพันธ์ของเราจะดีขึ้นนะ เธอคิดเหมือนฉันไหม?” “ปลดล็อกรถ” “ฉันยังอยากอยู่กับเธออีกสักพัก” “……..” “ขออีกแค่สิบนาที” ฉันจะรอดูว่าหลังจากสิบนาทีแล้วเขาจะปล่อยฉันออกไปจากรถจริงๆ หรือเปล่า ป่านนี้เส้นด้ายคงคิดว่าฉันกลับไปแล้ว “เมื่อกี้เธอรู้สึกยังไง?” แปงหันมาถาม เขาคาดหวังคำตอบอะไรอยู่ คิดว่าฉันจะบอกว่ารู้สึกดีมากๆ ออกไปหรือไง “ฉันเกลียดนาย” “คิดไว้แล้วว่าเธอต้องตอบแบบนี้” “ครบสิบนาทีหรือยัง” สิ้นสุดคำถามก็ได้ยินเสียงประตูรถปลดล็อก ฉันจึงรีบใช้มือลองเปิดประตูดู สรุปว่าเปิดได้ แต่ก็ยังออกไปจากรถไม่ได้เพราะโทรศัพท์ยังอยู่กับแปง “โทรศัพท์ฉัน” แปงยื่นโทรศัพท์มาให้พร้อมกับพูดทิ้งท้าย “หน้าอกเธอใหญ่กว่าที่คิดเยอะเลยนะ” “นาย!!!” ฉันรีบคว้าโทรศัพท์คืนมาแล้วลงจากรถ ได้ฟังคำพูดแบบนั้นแทบยากหนีไปไกลๆ เพราะรู้ว่าคนอย่างแปงต้องเอาเรื่องแบบนี้มาพูดซ้ำๆ ไม่รู้จบแน่ๆ พอมาที่ร้านก็เจอเส้นด้ายนั่งรออยู่กับสงคราม ดูเหมือนทั้งคู่จะเคลียร์ใจกันแล้ว “มีนาแกไปไหนมาฉันโทรหาก็ไม่รับ” “ปะ ไปเข้าห้องน้ำ….” “โกหกเพื่อนไม่ดีนะ” “อ่ะ!” เฮือก! เสียงกระซิบข้างๆ หูทำให้ขนแขนลุกซู่อัตโนมัติ ไม่ต้องหันมองก็รู้ดีว่าเป็นใคร “กะ แก….” เส้นด้ายอ้าปากข้างพลางมองหน้าฉันกับแปงสลับกัน ถ้าฉันอยู่ตรงนี้ต่อคงมีเรื่องที่ไม่ค่ดคิดเกิดขึ้นอีกแน่ๆ “ฉันกลับก่อนนะด้าย” ฉันไม่อธิบายอะไรทั้งนั้น ค่ำคืนนี้มันเป็นความทรงจำที่แย่มากๆ สำหรับฉัน ยิ่งคิดถึงตอนที่อยู่ในรถใบหน้ามันก็เห่อร้อนราวกับยืนอยู่ใกล้ๆ กองเพลิง #ภายในรถ โทรบอกว่าจะกลับไม่ถึงห้านาทีพี่เมฆก็รีบมารับ พอเข้ามาในรถก็ถามทันที “ไม่สนุกหรอ? ทำไมถึงรีบกลับ” “ด้ายปรับความเข้าใจกับแฟนแล้วค่ะหนูเลยไม่อยากขัดจังหวะ” “อ่า” “เอ่อ พะ พี่เมฆคะ” “หืม?” “ถ้าหนูอยากไปเรียนต่อต่างประเทศ พี่เมฆว่าพ่อจะอนุญาตไหม” “จู่ๆ ทำไมถึงอยากไปเรียนต่อต่างประเทศล่ะ ก่อนหน้านี้ยังบอกอยู่เลยนะว่าจะเรียนต่อที่ไทย” ใช่ฉันยืนยันยืนกับพี่เมฆแบบนั้น แต่ตอนนี้ความคิดมันเปลี่ยนไปแล้ว คงเป็นทางเดียวที่ฉันจะหนีแปงพ้น ถ้ายังเจอหน้ากันเขาก็จะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ฉันไม่อยากตกหลุมพลาง ถ้าเป็นแบบนั้นฉันต้องเจ็บปวดเพราะเขาแน่ๆ #หลายวันต่อมา วันนี้ฉันไม่มีเรียนพ่อจึงชวนมาที่บริษัทด้วย มันค่อนข้างแปลกอยู่เหมือนกันเพราะปกติพ่อไม่ค่อยชวนฉันมาที่บริษัท จะให้อยู่ที่บ้านซะมากกว่า “มีนาลูกแต่งตัวเสร็จหรือยัง” “เสร็จแล้วค่ะแม่” เวลาอยู่กับแม่ฉันเป็นตัวเองได้มากกว่าตอนที่อยู่กับพ่อ คงเป็นเพราะแม่ตามใจไม่เคยบังคับ ช่วงนี้แม่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อยๆ เพราะกำลังจะเปิดโรงแรมใหม่ที่นั่นจึงต้องคอยไปคุมงานด้วยตัวเองบ่อยๆ #บริษัท มาถึงที่บริษัทก็มีพนักงานวิ่งมาบอกว่าคนที่นัดไว้มาถึงแล้ว ครั้งนี้พ่อพาฉันมาพบคนที่นัดด้วยคงอยากให้เรียนรู้งานที่บริษัท เพราะใกล้จะเรียนจบแล้ว ส่วนแม่ต้องรีบไปประชุมด่วน “สวัสดีครับคุณลุง” “ไม่เจอนานหลายปีเป็นโตเป็นหนุ่มเอาซะลุงจำแทบไม่ได้เลยนะตาธีร์” พอโอบตัวฉันให้มายืนใกล้ๆ แล้วแนะนำ “จำน้องได้หรือเปล่า สมัยเด็กๆ เลยวิ่งเล่นด้วยกันบ่อยๆ” “น้องมีนาหรอครับ” “….ค่ะ” สมัยเด็กที่พ่อว่าฉันจำได้แต่ผู้ชายอ้วนๆ ที่วิ่งเล่นด้วยกันตอนนั้น นี่คือพี่ธีร์คนเดียวกันกับคนที่เคยเป็นกับฉันในวัยเด็กอย่างนั้นหรอ “ตอนเด็กๆ ว่าสวยแล้ว ตอนโตสวยมากกว่าตอนเด็กอีกนะเนี่ย” “พี่ธีร์ชมเกินไปแล้วค่ะ” “เดี๋ยวลุงต้องไปประชุมกับคุณหญิงฝากธีร์พาน้องไปเที่ยวช๊อปปิ้งก่อนนะ เดี๋ยวเรื่องธุรกิจของเราลุงจะออกมาคุยหลังเสร็จประชุม” “ได้ครับลุง” “พะ พ่อคะ” “พ่ออนุญาต” จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง นอกจากพี่เมฆและคนขับรถพ่อไม่เคยให้ฉันไปไหนมาไหนกับผู้ชายสองต่อสอง แต่กับพี่ธีร์พ่อไฟเขียวให้เลย แบบนี้มันแปลกสุดๆ “ไปกันครับ” “ค่ะ” เมื่อเป็นคำสั่งฉันก็ต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถึงแม้จะงุนงงและเกิดคำถามมากมายแต่ก็ต้องเก็บไว้ #ห้างสรรพสินค้า “พี่เห็นมีนาเงียบตั้งแต่นั่งรถมาแล้ว พี่ทำให้เกร็งหรือเปล่าครับ” “เปล่าๆ ค่ะ” จริงๆ ก็เกร็งนั่นแหละแต่ถ้าตอบไปตรงๆ คงเป็นการเสียมารยาทมากกว่า “พี่ไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็กๆ หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย ไม่แปลกหรอกครับที่น้องมีนาจะไม่คุ้นชิน” “…ค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นพี่ขอไปหาน้องมีนาที่บ้านทุกวันได้ไหมครับ เราจะได้กลับมาสนิทกันเหมือนตอนเด็กๆ เร็วๆ ^_^” “เอ่อคือว่า….” “พี่พูดเล่นน่ะครับ ^_^” ถึงตอนเด็กจะเคยสนิทกันแค่ไหนแต่ตอนนี้สำหรับฉันพี่ธีร์คือคนอื่นแต่ก็ไม่ใช่คนที่มีพิษมีภัยอะไร อาจต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะกลับมาคุ้นชิน “พี่ธีร์เพิ่งกลับมาไทยหรอคะ” “ครับพี่กลับมาอาทิตย์ที่แล้ว พ่ออยากจะมาลงทุนกับคุณลุงก็เลยให้พี่มาคุย” “อ๋อ” “นี่น้องมีนาใกล้เรียนจบแล้วใช่ไหมครับ” “ใช่ค่ะ” “มีอะไรปรึกษาพี่ได้นะ พี่หมายถึงเรื่องเรียนต่อน่ะครับ ^_^” “ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวถ้า…..” กำลังพูดกับพี่ธีร์แต่สายตาดันเหลือบไปเห็นแปงกับกลุ่มเพื่อนของเขาพอดีทำให้ต้องชะงัก “มีอะไรหรือเปล่าครับ” “ปะ เปล่าค่ะเราไปเดินดูของทางนั้นดีไหมคะ” ฉันชี้ไปอีกทางเพื่อเลี่ยงการประจันหน้ากับคนที่ไม่อยากเจอ “ครับ วันนี้ถ้าอยากได้อะไรบอกพี่ได้เลยนะเดี๋ยวพี่จ่ายให้ ถือซะว่าเป็นของขวัญการเจอกันครัับแรกในรอบสิบปีของเรา ^_^” “รีบไปกันดีกว่าค่ะ” หมับ! เพราะอยากให้พี่ธีร์รีบๆ ฉันก็เลยเผลอจับมือเขาให้รีบเดินตาม พอตั้งสติได้ก็รีบปล่อยมือ “จะรีบไปไหน เธอนี่มันใจร้ายเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ เลยนะมีนา” เฮือก! คิดว่าหนีพ้นแต่พอได้ยินเสียงท้วงหัวใจดวงน้อยมันก็หล่นมาอยู่ที่ตาตุ่ม ไม่ต้องหันมองก็รู้ว่าเป็น ‘แปง’ “ไอ้แปงมึงอยากดูหนังไม่ใช่หรอวะรีบเหอะเดี๋ยวแม่งก็ไม่ทันรอบพอดี” คีเวิร์ดพยายามพูดเพื่อให้แปงรีบถอยออกไปจากฉัน แต่เขาทำสิ่งตรงกันข้าม “กูเปลี่ยนใจแล้ว” “เปลี่ยนใจเหี้ยอะไรไอ้สัส กูมากับมึงเพื่อดูหนังเลยนะเว้ย” “เอ่อ เพื่อนน้องมีนาหรอครับ” พี่ธีร์ขมวดคิ้วมองฉันและแปง คงด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตรของแปงด้วยเลยทำให้พี่ธีร์ตั้งคำถามแบบนี้ “ค่ะ” “ก็ไม่เชิงเป็นเพื่อนนะครับ แบบว่า….” “เรากับกันดีกว่าค่ะพี่ธีร์” ฉันรีบเดินนำหน้าพี่ธีร์ จากนั้นก็ได้ยินเสียงคุยกันของคีเวิร์ดและแปงตามหลัง “ไอ้คีกลับ!!” “เดี๋ยวดิวะแล้วหนังกูอะ” “กูไม่มีอารมณ์ดู” “ไอ้เชี้ย! รู้งี้ก็ไปกับน้องแนนก็ดีไม่น่าหลวมตัวมากับมึงเลย” #ลานจอดรถ โชคชะตาคงกำลังเล่นสนุกอะไรกับฉันอยู่แน่ๆ เพราะรถของแปงก็จอดอยู่ไม่ไกลจากรถของพี่ธีร์เลย คิดว่าจะหนีพ้นแต่ยิ่งหนีกลับยิ่งเจอ บ้าที่สุด “น้องมีนาครับ…” “รีบกลับไปบริษัทก่อนดีกว่าค่ะ” ฉันพูดตัดบทพี่ธีร์จึงไม่ซักถามอะไรนอกจากพยักหน้าตอบแล้วเปิดประตูเข้ามานั่งภายในรถ ขณะที่รถกำลังเคลื่อนตัวออกจากลานจอดจู่ๆ ก็มีเสียงดังสนั่นพร้อมกับการกระแทกที่ไม่แรงมากแต่ก็ทำให้หน้าฉันกระแทกมาข้างหน้า “กะ เกิดอะไรขึ้นคะ” “เหมือนจะถูงรถคันหลังชนท้ายนะครับ” พี่ธีร์รีบเปิดประตูลฃจากรถ ฉันเองก็เหมือนกัน แต่เมื่อลงจากรถแล้วก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเดิมเพราะรถคู่กรณีคือรถของแปง ด้วยท่าทางของเขาคงไม่ใช่อุบัติเหตุแต่เป็นการตั้งใจมากกว่า “น้องคนนั้นนี่ ทำไมขับรถแบบนี้ล่ะครับ” “โทษทีพอดีเมื่อกี้ไม่ทันมอง” พูดกับพี่ธีร์แล้วแปงก็ตวัดสายตามองหน้าฉัน ก่อนจะพูดต่อ “ขึ้นรถ” ฉันรีบหันหลังเตรียมจะกลับขึ้นรถแต่ทว่าเสียงของแปงก็ดังขัดขึ้นมาอีกรอบ “หมายถึงรถฉัน…ไม่ใช่รถมัน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD