“คุณหญิงสไบทองหยอกลูกแรงไปนะคะ” ฉันว่าติดตลกแต่จิตใจเริ่มลนลาน แต่งงานบ้าบออะไร!
“ชาลีลูกรัก ใบหน้าที่งดงามของแม่ดูเหมือนหยอกไหมลูก” คุณหญิงสไบทองวางท่านิ่ง ซึ่งฉันเริ่มร้อนรนแล้วล่ะ
“แม่พูดกำกวมเกินไปค่ะ และชาไม่มีแฟนชาจะแต่งกับใครคะ ให้แต่งกับตาสีตาสาชาไม่เอาหรอกค่ะ” ฉันเริ่มใช้คำพูดเป็นเกาะปกป้องตัวเอง
“คนนี้ดีลูก...แม่ง่วงละหนูจะค้างไหม” คุณหญิงสไบทองว่าแค่นั้น แล้วท่านก็ปรับโมทสนทนาสรรหาเรื่องง่วงมากล่าวอ้าง
นี่แหละคุณหญิงสไบทองมารดาของฉัน!
“มายมัมแบบนี้ชาลีไม่โอ” ฉันโผเข้ากอดหวังอ้อนให้ท่านเห็นใจ
“แต่สไบทองโอ” แม่ของฉันฉีกยิ้มกว้างอย่างสุขใจ
ให้มันได้แบบนี้สิ ฉันรีบสอดส่องสายตาเพื่อหวังจะพบร่างท้วมของคุณทองสุขบิดาสุดที่รักของฉัน
“คุณทองสุขตัวช่วยของชาลีหลับแล้วลูก” แม่ของฉันยิ้มอย่างมีชัยเหนือกว่า
“ชามีนัดกับเพื่อนขอตัวนะคะ” ฉันจำยอมต้องถอยทับ พรุ่งนี้ฉันจะไปอ้อนพ่อให้ท่านเห็นใจ
“ทุกอย่างเริ่มจัดเตรียมแล้ว ชาลีของแม่อย่าฝันลมๆแล้งๆว่าคุณทองสุขจะช่วยนะคะ” คุณหญิงสไบทองว่าเมื่อล่วงรู้ความคิดของฉัน
ให้ตายเถอะ! ฉันโดนคุณหญิงสไบทองดักทาง
“บึ้งมาเลยนะมึง วันนี้วันเกิดสามีกู มึงช่วยฉีกยิ้มสวยๆด้วยค่ะ” วาสนากระซิบ เมื่อฉันก้าวขาเข้ามาในงานด้วยอาการเซ็งบรม
“จะพยายาม” ฉันฝืนยิ้ม เพราะรู้สึกเกรงใจสามีของเพื่อนที่ยืนอยู่เคียงข้างวาสนา
“สุขสันต์วันเกิดนะคะคุณชัต" ฉันฉีกรอยยิ้มสดใสให้สามีของวาสนาพร้อมยื่นกล่องของขวัญที่ถูกจัดเตรียมอย่างฉุกละหุก
“ขอบคุณนะครับคุณชาลี” สามีของวาสนาพูดอย่างสุภาพ คือฉันต้องขออธิบายเลยนะว่าคุณชัตสามีของวาสนาเป็นคนที่พูดจาไพเราะ แตกต่างจากอีวาสมากที่มันปากหมา ซึ่งฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคนต่างขั้วอยู่ด้วยกันได้ยังไง แต่ทั้งสองก็อยู่ด้วยกันมาสามปีแล้วนะ
“ด้วยความยินดีค่ะ งั้นชาขอตัวก่อนนะคะ”
“ชาช่ากับสายไหมนั่งอยู่กับแฟนตรงโต๊ะเก้า” อีวาสบอกด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม ไม่ต้องแปลกใจค่ะ นางจะค่อนข้างสุภาพนิดนึงเวลาอยู่กับสามี
ฉันแยกตัวจากคุณชัตและวาสนาเพื่อเดินมาหาเพื่อนอีกสองคนที่นั่งประกบคู่กับสามีของพวกนาง
“สวัสดีค่ะคุณดล คุณนาจ” ฉันยกมือไหว้สามีของเพื่อนอีกสองคนเพราะเขาทั้งสองอายุมากกว่าฉันสามปี
“สวยเหมือนเดิมเลยนะครับคุณชาลี” แล้วทั้งสองก็เอ่ยพร้อมกันในประโยคเดียวกัน
“อีวาสบอกว่ามึงเข้าไปหาแม่” ชาช่าขยับให้ฉันนั่ง
“อืม” ฉันขานรับอย่างเซ็งๆเพราะดันคิดถึงสิ่งที่คุณหญิงสไบทองได้บอก
“เล่าไหม? หรือจะดื่ม” ชาช่าเอ่ยถามพร้อมยื่นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในแก้วให้ฉัน ฉันจึงยื่นมือรับโดยไม่ต้องคิด จากนั้นฉันก็ยกถี่เรื่อยๆโดยที่เพื่อนและสามีของเพื่อนนั่งมองตาปริบๆ
“พอแล้วชาลี” สายไหมคว้าแก้วที่ฉันกำลังจะกระดกดื่มลงคอ
“เออ กินอะไรขนาดนั้นวะ เครียดอะไรเล่ามาอย่าเก็บ” เสียงชาช่าว่าเสริม
“แม่กูจะให้กูรับตำแหน่งประธานบริษัทในอีกสองเดือน” ฉันเปิดปากพูด
“ก็ดีแล้วนิ เป็นตำแหน่งที่มึงอยากได้มึงต้องดีใจดิ แต่ทำไมเหมือนมึงเครียดวะ” สายไหมถามขึ้น
“งานรับตำแหน่งจะเกิดขึ้นอีกสองเดือน...พร้อมกับงานแต่งของกู” ฉันเอ่ยประโยคหลังเบาๆ
“ห๊ะ!” เพื่อนทั้งสองพร้อมสามีของเธออุทานอย่างพร้อมเพรียงกัน ส่วนฉันก็กระดกเครื่องดื่มลงคอ
“มึงช่วยพูดประโยคหลังดังๆอีกครั้งซิชาลี” สายไหมบอกพร้อมจับจ้องรอคำตอบจากปากของฉัน
“พร้อมกับงานแต่งของกู ชัดไหม?” ฉันพูดเสียงดังฟังชัด ซึ่งเพื่อนทั้งสองและสามีของพวกมันถึงกับอ้างปากค้าง
“ใครคือเจ้าบ่าว” เมื่อชาช่าตั้งสติได้นางก็เอ่ยถามฉัน
“กูไม่รู้” ฉันให้คำตอบพร้อมกับส่ายหน้าไปมา
“งานเข้ามึงละชาลี” สายไหมถึงกับทำให้หน้าเอือมและเอาหน้าสวยๆซบที่ไหล่ของสามีอย่างคุณดล
“งานใหญ่ซะด้วย พ่อมึงช่วยได้ไหม” ชาช่าถามไถ่
“คุณหญิงสไบทองบอกว่างานถูกเตรียมแล้ว คุณทองสุขทำอะไรไม่ได้หรอก และอีกอย่าง เฮ้อ...เรื่องใหญ่ขนาดนี้คุณทองสุขกล้าขัดคุณหญิงสไบทองที่ไหนล่ะ” ฉันส่ายหัวไปมาหลังจากพูดจบ
“คงจะแก้อะไรไม่ได้ ที่ทำได้คงต้องลุ้นให้ผัวในอนาคตอันใกล้ของมึง หล่อ ดูดี เพอร์เฟค และอบอุ่นใจดี” สายไหมว่าพร้อมกอดซบที่แขนของสามีเธอ
“เป็นการลุ้นที่ดูจะได้ผลตรงกันข้ามเนอะ ถ้ามีอย่างที่มึงว่าผู้หญิงคนอื่นคงคาบไปกกแล้วล่ะ แม่ง! พูดแล้วเครียด” ฉันทักท้วงในความต้องการของเพื่อนที่มันวาดฝันว่าสามีของฉันจะเพอร์เฟคทุกอย่าง
“เดี๋ยววันนี้ลากกลับ เมาให้ยับไปเลยไม่ต้องเครียด” ชาช่าเอ่ย นางคงมองออกว่าฉันเครียดมากกับการที่โดนแม่บังคับแต่งงานในครั้งนี้
ซึ่งฉันนั้นโคตรจะเครียด!