EPISODE 04 แฟนเก่า

1587 Words
พอตื่นเช้ามาเขาก็ไม่ได้อยู่ในห้องเพราะกลับไปแล้วและฉันเป็นคนนอนตื่นสายด้วยจึงไม่รู้ว่าเขาออกไปตอนไหน ต่อแต่นี้เป็นต้นไปฉันคงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เจอผู้ชายคนนี้อีก... !! ความคิดที่มุ่งมั่นของฉันยังไม่ทันจบลง สายตาก็เหลือบไปเห็นบางอย่างที่วางอยู่บนหัวเตียง นาฬิกาข้อมือราคาแพงของเขา สร้อยล็อกเกตที่เขาบอกจะมาเอาคืน ตอนนี้ยังคงอยู่ในห้องฉันเหมือนเดิมแล้วมันตามเพื่อนมาอีกชิ้นด้วย ลืมจริงหรือตั้งใจ? ฉันเม้มปากมองของที่เขาทิ้งเอาไว้แล้วกำหมัดทุบกับที่นอนอย่างหงุดหงิด "ไอ้บ้าคิว!" หลายชั่วโมงต่อมา "เอาอะไร" "สปาเกตตีซอสมะเขือเทศปลาหมึก" ฉันตอบยัยเค้กแล้วเล่นมือถือตัวเองดูอะไรเรื่อยเปื่อย "มาม่าผัดขี้เมาทะเล" ต้องตาที่นั่งข้างฉันพูดต่อ "ยัยคะนิ้งมันจะเอาอะไร ไม่มาซักที สงสัยเมื่อคืนหนัก" เค้กบ่นอุบอิบก่อนจะกดมือถือตามคะนิ้งในแชทกลุ่มของพวกเรา คำพูดของยัยเค้กทำให้สมองฉันเริ่มทำงานหนักอีกครั้ง ฉันไม่อยากมีความลับกับเพื่อนเลยแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรบอกหรือเปล่านะ แล้วถ้าพวกมันรู้ทีหลังล่ะฉันจะถูกมองยังไง "พวกแก..." ฉันพูดออกไปแค่นั้นเสียงอีกคนก็ดังขึ้นมาแทรก "มาแล้ว" ต้องตาพูดแล้วเงยหน้าขึ้นมองหน้าร้านก็เห็นยัยคะนิ้งกำลังเดินเข้ามาพอดี "ไง เมื่อคืนพี่เขาจัดหนักให้แกเหรอ" ยัยเค้กพูดแซะแต่ยัยคะนิ้งกลับทำหน้าบอกบุญไม่รับ "จัดหนักอะไร ส่งฉันหน้าหอแล้วกลับไปเลย" ยัยนั่นตอบแล้วหยิบน้ำขึ้นมาจิบ "เขามีอะไรที่น่าสนใจกว่าแกปะ" ยัยเค้กหัวเราะเบาๆเหมือนสมน้ำหน้าเพื่อน ส่วนฉันได้แต่นั่งเงียบฟังพวกมันเพราะเรื่องนี้เข้าฉันเต็มๆ "จะมีอะไรน่าสนใจกว่าฉัน เมื่อคืนฉันจัดเต็มขนาดนั้น" คะนิ้งพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ "หมายถึงอ่อยจัดเต็มใช่มั้ย" ประโยคนี้ต้องตาเป็นคนพูด "เออ อีกนิดเดียวก็จะแก้ผ้าให้ดูแล้ว ถุย!" คะนิ้งตอบอย่างประชด ฉันก็ได้แต่เงียบฟังอย่างกังวล ส่วนเค้กก็ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา สองคนนี้มักจะพูดไม่ถูกคอกันเท่าไหร่ เพราะยัยเค้กมันบอกว่าคะนิ้งทำตัวไม่น่ารักนั่นแหละ สำหรับฉันก็เฉยๆนะไม่ได้คิดอะไรมากกับนิสัยของเพื่อนหรอก ยิ่งตอนนี้สอนใครไม่ได้เลยเพราะฉันก็ไม่ใช่คนดีอีกแล้ว "หรือพี่เขารู้ว่าฉันมีแฟนถึงไม่อยากยุ่งวะ" "รู้ตัวก็ดีนะ ไม่มีใครอยากยุ่งกับคนมีเจ้าของหรอก" เค้กคนเดิมที่ชอบตอกย้ำคะนิ้ง "แต่เท่าที่รู้มาพี่คิวเขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้นะเว้ย ได้ฉายาคาสโนว่าแห่งเอนจิเนียร์มาแล้ว ไม่น่าปล่อยให้ผู้หญิงน่ารักอย่างฉันหลุดมือปะ" ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ ยิ่งได้ยินสิ่งที่ยัยนิ้งพูดยิ่งอึดอัด "งั้นเขาจะยอมมาเหรอที่ฉันชวน" ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขานะแต่ความกังวลของยัยนั่นมีผลมาจากฉันนี่แหละ เพราะเมื่อคืนเขามาหาฉัน "แกไม่น่าสนใจพอไง" "รำคาญ" "พอๆข้าวมาแล้ว" ฉันรีบตัดบทแล้วสนใจกับข้าวที่พนักงานเอามาเสริฟ แล้วบทสนทนาเรื่องผู้ชายก็จบลงแค่นั้น บางที่ก็อยากภาวนาอีกเรื่อง นั่นคือขอให้ยัยคะนิ้งเลิกสนใจพี่คิวซักที แต่ดูเหมือนจะยากพอควรเพราะเท่าที่เห็นมามันสนใจคนนี้มากสุดแล้ว หลังจากกินข้าวเสร็จพวกเราก็ไปเดินเล่นที่ห้างกันต่อ เพราะอยู่หอมันก็เบื่อๆ ทีแรกว่าจะหาหนังดูซักเรื่องแต่ไม่มีเรื่องที่พวกเราถูกใจเลยแม้แต่เรื่องเดียวเลยเปลี่ยนเป็นเดินชอปปิ้งแทน "ไปห้องน้ำนะ เดี๋ยวมา" ฉันบอกพวกมันที่กำลังเลือกเสื้อผ้าอยู่ในร้านเสื้อผ้าแฟชั่น ซึ่งร้านนี้ถือเป็นร้านที่สาวๆมหาวิทยาลัยย่านนี้รู้จักดีเพราะถือว่าใหญ่ที่สุดและมีของให้เลือกเยอะที่สุดด้วย ฉันเดินออกมาจากร้านก็เดินเลี้ยวไปตามทางเดิน เข้าห้องน้ำเสร็จก็ออกมา แต่ยังไม่ถึงร้านฝีเท้าของฉันก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นผู้ชายกับผู้หญิงคู่หนึ่งเดินมาทางนี้เข้า "..." ผู้ชายคนนั้นพอเห็นฉันก็เหมือนจะตกใจเหมือนกันแต่เขาก็ส่งยิ้มให้นิดๆ แล้วก็แกล้งหันไปมองทางอื่น ส่วนผู้หญิงตอนแรกไม่เห็นฉัน พอเห็นยัยนั่นก็ยิ้มให้เหมือนกัน แต่สาบานเลยว่าฉันไม่ได้มองโลกในแง่ร้าย รอยยิ้มเย้ยหยันนั่นใครจะดูไม่ออก "ผีเน่ากับโลงผุ" ฉันพูดขึ้นลอยๆตอนที่กำลังจะเดินผ่านสองคนนั้นไป พอยัยนั่นได้ยินก็หยุดเดินแล้วทำท่าจะหันมาเอาเรื่องฉัน "ปิ่น ไม่เอา" "พี่ดรีม ก็เมียเก่าพี่มันปากหมาใส่อะ" เมียเก่าเป็นสรรพนามที่ไม่ควรใช่กับฉันหรอกนะเพราะฉันกับไอ้พี่ดรีมไม่เคยมีอะไรกันแม้แต่ครั้งเดียว ตลอดเวลาที่คบกันเขาทำตัวเป็นสุภาพบุรุษสุดๆ มากสุดก็แค่จูบ จับไม้จับมือ จนฉันวางแผนอนาคตเอาไว้ว่าจะฝากชีวิตไว้กับผู้ชายคนนี้ "ปากหมาก็ดีกว่านิสัยหมาๆล่ะวะ" ฉันหยุดเดินแล้วหันไปยิ้มให้สองคนนั้น "พวกหมาเดือนสิบสอง" "อีเด็กนี่!" นังนั้นทำท่าจะเข้ามาตบฉัน แต่ฉันก็กอดอกยืนยิ้มให้ รอฝ่ามือของมันมาประทะใบหน้า เอาสิ ตบมาฉันจะสวนคืนให้รัวๆ "ไปเถอะ" พี่ดรีมพยายามฉุดกระชากลากว่าที่เจ้าสาวของเขาออกไปขณะที่ฉันที่ยืนยิ้มอยู่ก็ค่อยเปลี่ยนสีหน้าทีละนิด ฉันอวดเก่งไปอย่างนั้นแหละ พอเห็นเขามากับคนใหม่หัวใจที่เคยคิดว่าหายดีมันก็จุกขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้เริ่มมีน้ำใสๆเอ่อนองเกาะขอบตาแล้วด้วย ฉันหันหลังจะเดินกลับไปที่ร้านก็เห็นผู้ชายกับผู้หญิงคู่หนึ่งสวนมาพอดี ผู้ชายคนนั้นหันมามองด้วยสีหน้าเรียบนิ่งก่อนที่คิ้วเข้มจะค่อยๆขมวดเข้าหากัน ฉันยกมือขึ้นปาดน้ำตาลวกๆแล้วรีบก้าวเท้าไปข้างหน้าทันที พี่คิวมากับผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง เรื่องนี้ยัยคะนิ้งต้องรู้ด้วยมั้ย แต่คงไม่สำคัญหรอกมั้ง ต่างคนต่างไม่ได้จริงจังอยู่แล้วนี่ โลกนี้ไม่มีใครดีที่สุดสินะ เราต่างมีเรื่องเลวๆเป็นของตัวเอง รวมถึงฉันด้วย "ทำไมไปนานจัง" ต้องตาหันมาถามแล้วถือชุดที่ตัวเองเลือกไว้ยื่นให้พนักงาน ยัยเค้กก็กำลังเดินมาทางฉันด้วย "เจอแฟนเก่ากับเมียใหม่" ฉันตอบออกไปตามตรงแค่เรื่องของพี่ดรีมส่วนเรื่องพี่คิวไม่ได้บอก "แล้วเป็นไง" เค้กถามแล้วเดินมายืนใกล้ๆ "มีเสียดสีกันนิดหน่อยแต่ไม่มีอะไร" ฉันบอกแล้วเดินไปดูเสื้อผ้าต่อ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่มีอารมณ์ซะแล้วสิ "แกร้องไห้มาหรือไง จะร้องทำวะมันก็ผ่านมาครึ่งปีแล้วปะ" ยัยคะนิ้งพูดแล้วส่ายหน้า "คนอย่างแกมันจะไปรู้สึกอะไร ความหนักแน่นในความรักอะแกสัมผัสไม่ได้หรอก ยัยคนเจ้าชู้!" เค้กต่อว่าคะนิ้งเสร็จก็เดินหนีไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ทันที ยัยนิ้งจึงไหวไหล่อย่างไม่แคร์ก่อนจะเดินหนีไปอีกทาง พอซื้อเสื้อผ้ากันเสร็จพวกเราก็แยกย้ายกลับหอพัก กลับมาเก็บเสื้อผ้า รีดผ้าที่ซักไว้แล้วงีบพักสมองซักหน่อย จนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วแต่ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อมือถือสั่นเตือนว่ามีสายเรียกเข้า 'Kanink' "อือ" ฉันกดรับสายของยัยคะนิ้งแล้วลุกไปเปิดไฟเพราะตอนนี้เวลาค่ำแล้วทั้งห้องจึงเกือบมืดสนิท (แกไปร้านเหล้าเป็นเพื่อนฉันหน่อย...) "ตอนไหน" ฉันถามแล้วทิ้งตัวนอนอีกรอบอย่างเพลียๆ (สองทุ่มไปรับ) "แล้วเพื่อนคนอื่นล่ะ" (พวกนั้นไม่ชวนดีกว่า เดี๋ยวบ่นอีกเมื่อวานก็ไป) "แกไม่คิดจะพักบ้างหรือไง" ฉันถอนหายใจออกมา เพราะเมื่อคืนเราก็เที่ยวกันแล้ว ดื่มมาแล้วก็ใช่ว่าจะรู้สึกดี (ฉันเหงาอะ นะเตย...แกไปเป็นเพื่อนหน่อยฉันเลี้ยง แกอกหักด้วยไงต้องไปปลดปล่อย) ยัยคะนิ้งพยายามหาเหตุผลมาให้ฉันไปด้วย "อืม ร้านไหน" ฉันคงเป็นคนที่ปฏิเสธคนไม่เก่งที่สุดแล้วมั้ง เพราะฉันมักจะใจอ่อนกับทุกเรื่องเสมอ (ร้าน XXX ไม่ไกล) "อืม มารับแล้วกัน" ———————— พี่คิวคะ ครั้งหน้าจะใช้มุขลืมของไม่ได้แล้วนะ คนรู้กันหมดแล้วอะ ???
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD