“หึ…”
รอยยิ้มไม่สบอารมณ์ปรากฏขึ้นที่มุมปาก แววตาเย็นชาไร้มนุษย์สัมพันธ์ละจากหนังสือนิยายเล่มนั้น แล้วมองหญิงสาวที่ยืนทำหน้าเหวอ พร้อมกับไล่สายตาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก่อนจะระบายเสียงทุ้มออกมาเป็นคำพูด
“เป็นพี่สาวสินะ”
เธอไม่ตอบ แต่รีบปรับสีหน้าให้ดูเชิดเข้าไป
“วันนั้นไม่ได้เจอกัน ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอ”
“ก็ไม่คิดว่าจะได้เจอเหมือนกันย่ะ…”
กระดุมพึมพำพร้อมกับดึงหนังสือนิยายคืนให้นักอ่าน แต่ปฏิกิริยาของสองสาวกลับเคลิบเคลิ้มในความหล่อเหลาของผู้ชายตรงหน้า ทั้งที่ไอ้หมอนี้เป็นคนที่ถูกกล่าวถึงในนิยาย และเป็นคนที่น่าจับหยุ้มหัว ไม่ใช่ยิ้มให้!!
“พี่สุดหล่อมีไอจีให้พวกหนูตามฟอลโล่ไหมคะ~”
เอ๊ะ! นังชะนีน้อย (!-*-)
พวกหล่อนจะหักหลังต่อหน้าฉันแบบนี้ไม่ได้นะ ไหนบอกว่าเกลียดนักเกลียดหนาไง ทำไมกลับลำไวขนาดนี้ หมอนี่ก็ไม่ได้หล่อขนาดนั้นป่ะ แค่หน้าตาดี ผิวขาว ตัวสูง คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ปากเป็นกระจับน่าจูบ เท่านั้นเองนะ!
[พยายามปฏิเสธความหล่อของไอ้ลิงหัวแดงสุดชีวิต แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายิ่งโต หมอนี่ก็ยิ่งหล่อขึ้นมากก]
อ๊าก! นี่ฉันกำลังคิดอะไรอยู่นะ
ฉันต้องโกรธแค้นมันเซ้ มันเป็นคนทำให้กระดาษต้องเสียน้ำตา ฉะนั้นดึงหน้าตึงเข้าไว้กระดุมอย่าไปหย๋อง!
คนตัวเล็กสะบัดหัวไล่ความคิด ก่อนจะเดินหลบไปยืนรออยู่ประตูหน้าลิฟต์ โดยที่ไม่สนใจว่านักอ่านของตัวเองนั้น จะย้ายฝั่งไปตามกรี๊ดคนที่ถูกดึงคาแรคเตอร์มา
ถึงจะมีความหงุดหงิดที่ในชีวิตจริงรูปลักษณ์มักจะมาก่อนอุปนิสัย แต่ถ้าสาวๆ ได้รู้ว่าหมอนี่เป็นต้นแบบของผู้ชายแบดเลว อาจจะถอยหนี หรือถ้าทนกับเจ็บปวดเพื่อแลกกับมีแฟนหล่อได้ ก็ตามนั้น เธอไม่สามารถไปห้ามใครได้อยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นเธอ เธอจะไม่คว้าผู้ชายคนนี้มาเป็นแฟนอย่างแน่นอน [เกลียดยังไงก็ยังคงเกลียดอย่างนั้นค่า]
ติ้ง!
เสียงสวรรค์ดังขึ้น สองขาเรียวสวยรีบก้าวเข้าไปยืนในตัวลิฟต์ แต่ในจังหวะที่ประตูกำลังจะปิดลง ก็มีมือของใครบางคนสอดเข้ามากั้นเอาไว้ ก่อนที่คนตัวสูงจะย่างก้าวเข้ามายืนข้างกาย เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่กลัวอะไรง่ายๆ อยู่แล้ว เลยกดชั้นที่ตัวเองจะต้องขึ้นแล้วรอให้ประตูปิดลง
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก!
ไอ้ก้อนเนื้อไม่รักดี จะเต้นแรงทำไมฮะ!
ได้แต่สบถอยู่ในใจ ส่วนภายนอกนั้นชิลมาก ยืนกอดอกรัดเต้าขาวอวบที่กำลังล้นออกมาจากเสื้อกล้ามสีดำตัวจิ๋ว ใบหน้าจิ้มลิ้มกวาดดวงตากลมโตมองไปรอบๆ อย่างไม่รู้ว่าภัยอันตรายใกล้จะมาถึงตัวในอีกไม่ช้า เพราะคนข้างกายรับรู้แล้วว่าเธอเอาเขามายำในนิยายของตัวเอง
ติ้ง!
เสียงสวรรค์ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง กระดุมไม่รอช้าที่จะก้าวขาออกไปให้พ้นจากความกดดันนี้ แต่แล้วเธอก็ต้องใจสั่นระริก เมื่อไอ้ลิงหัวแดงเถือกนั้น เดินตามหลังมาด้วย
“ตามมาทำไม?”
ร่างเล็กกะทัดรัดหันขวับไปถามชายหนุ่มที่เดินตามมาติดๆ แต่คำตอบที่ได้มีเพียงสายตาราบเรียบกึ่งเย็นชา ก่อนที่เขาจะเดินเลี่ยงไป ด้วยความที่เธอไม่ชอบอะไรที่ทำให้รู้สึกอึดอัด เลยคว้าแขนที่เต็มไปด้วยเส้นเลือด พร้อมกับใช้น้ำเสียงกึ่งหาเรื่อง เค้นถามในสิ่งที่อีกฝ่ายคับข้องใจ
“ถ้ามีปัญหาก็บอกมาตามตรง ไม่ต้องมาเล่นเกมกดกันกันแบบนี้ ฉันไม่ชอบ” โทนเสียงกล้าแกร่งถูกระบายอย่างไม่นึกเกรงกลัว เจ้าของสายตาเย็นชาคู่นั้นจึงมองต่ำไปที่มือเธอ ก่อนจะบิดข้อแขนตัวเองให้หลุดพ้นจากการสัมผัส แล้วเดินตรงไปยังห้องของเธอ ที่อยู่ไม่ไกลจากจุดนี้
“นี่นาย! ฉันไม่ว่างพอที่จะมาเล่นสงครามประ...”
ประโยคต่อท้ายขาดหายไป เพราะผู้ชายคนนั้นเอื้อมมือไปเปิดตัวล็อกรหัสประตูห้อง ที่อยู่ถัดไปจากห้องของเธอ พร้อมกับกดรหัสผ่าน พอเสียงปลดล็อกดังขึ้นเท่านั้นแหละ กระจกที่เคลือบเงาอยู่บนใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราร่างกราวลงไปสู่พื้นทันที เธอหนิแทบจะมุดดินหนีเลย
“หึ...”
เสียงเค้นหัวเราะเย้ยหยันในลำคอ เจ็บปวดยิ่งกว่าการที่เขาเอ่ยปากด่าเสียอีก เธอไม่เคยรู้สึกหน้าแตกขนาดนี้มาก่อน โดยเฉพาะกับที่ตัวเองเกลียด ไม่น่าไปโชว์โง่เลย!
ริมฝีปากสีสวยขบเม้มติดกันแน่น ก่อนจะบิ้วตัวเองให้หน้าด้านเข้าไว้ แล้วชิ่งหนีกลับเข้าห้องไปเลย จะได้จบ!
“หยุดก่อน”
แต่มันไม่ได้อย่างที่ใจคิดไว้
“ได้เงินจากการแต่งนิยายไร้สาระนั่นเท่าไร”
“นี่! อย่ามาว่านิยายฉัน เป็นว่าเป็นนิยายไร้สาระนะย่ะ” เรื่องนี้ยอมให้ใครดูถูกไม่ได้เด็ดขาด คนอุตส่าห์ทนนั่งหลังขดหลังแข็ง เพื่อเค้นเนื้อหาออกมาจากก้นบึ้งของความรู้สึก ถึงจะมาจากความรู้สึกเกลียด แต่เรื่องราวและจุดจบที่เขียนลงไป มันมาจากความสามารถของเธอล้วนๆ
“งั้นตอบมาก็พอ ว่าเธอได้เงินเท่าไรจากเรื่องนี้”
ไอ้ลิงหัวแดงยังคงเอ่ยถามด้วยสีหน้าตายด้าน
“ทำไมฉันต้องบอกรายได้กับนายด้วย?”
ร่างเล็กยืนกอดอก อย่างทะนงในความเป็นตัวเอง ถึงจะเพิ่งหน้าแตกไปหมาดๆ แต่เรื่องเงินเรื่องทอง ไม่มีใครเขาเปิดเผยกันง่ายๆ หรอกนะ โดยเฉพาะกับคนที่ตัวเองไม่รู้จัก ถ้าเข้าขั้นเกลียดด้วยล่ะก็ ไม่มีทางบอกอย่างแน่นอน!
“ก็...”
เขาเกริ่นด้วยน้ำเสียงยานคางในลำคอ ที่ฟังดูแล้วเซ็กซี่ชะมัดยาก เอ๊ย! ไม่ ฉันต้องห้ามหลงคารมของหมอนี่
“เธอเอาเรื่องราวเกี่ยวกับฉันไปแต่งลงในนิยาย”
“ละ แล้วยังไง?”
เสียงแอบสั่นเล็กน้อย เพราะไอ้ลิงหัวแดงนั่นกำลังโน้มตัวลงมา ทำให้ใบหน้าของเราห่างกันไม่ถึงคืบ ชนิดที่ว่าลมหายใจร้อนผ่าวรดรินผิวแก้มของอีกฝ่ายเลยทีเดียว
“เธอต้องแบ่งรายได้จากเรื่องนี้ให้ฉันครึ่งหนึ่ง”
บ้าบอ! ใครจะไปแบ่งให้เยอะขนาดนั้นกันล่ะ
เรื่องนี้แต่งมาห้าปีแล้ว เรื่องรายได้ไม่ต้องพูดถึง เพราะมันเยอะมาก ที่คนเขาบอกกันว่านักเขียนมักจะไส้แห้ง อาจจะใช่สำหรับคนที่ยังไม่มีฐานแฟนคลับ แต่กลับนักเขียนที่แต่งนิยายมาเกือบแปดปี คงไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีฐานแฟนคลับมากมายขนาดไหน รายได้ต่อปีไม่ต่ำกว่าสิบล้านไม่ใช่เรื่องที่เกินฝัน ถึงจะหักภาษีไปแล้ว เธอก็เหลือกินเหลือใช้ จนสามารถสร้างบ้านให้พ่อแม่ได้สบายๆ
ถ้าเอารายได้ทั้งหมดห้าปีเต็มมารวมกัน
เพื่อหารครึ่ง แล้วยกให้คนที่เธอเกลียดเข้าไส้
แน่นอนว่าเธอจะไม่มีทางทำอย่างนั้นเด็ดขาด!
“ฉันคงแบ่งให้นายไม่ได้ เพราะเรื่องราวที่ฉันเขียนลงไปเป็นเพียงประสบการณ์ชีวิตเท่านั้น” คนตัวเล็กพูดพลางยักไหล่อย่างไม่เกรงกลัวคนตรงหน้า แต่ก็แอบหวั่นเรื่องคาแรคเตอร์เหมือนกันนะ เล่นจ้างวาดปกนิยายที่มีเบ้าหน้าของหมอนี่ไปด้วย ถ้าเขาจะเอาผิด เธอก็คงต้องยอมไกล่เกลี่ยอีกรอบ เรื่องจะได้ไม่ใหญ่โต้จนทำให้ชื่อเสียงเสียหาย [ฉันจะไม่ยอมเสียชื่อ เพราะไอ้ลิงหัวแดง]
“ประสบการณ์ชีวิตคนอื่น ที่เธอเอาไปยำสินะ”
“ฉันไม่ได้เอามายำ…”
“แต่เธอเอาเรื่องของฉันไปเขียนลงในนิยาย”
“มันก็ไม่ใช่เรื่องของนายทั้งหมดไหมล่ะ สิบเปอร์เซ็นต์ที่ฉันสร้างคาแรคเตอร์แบบนี้ขึ้นมาจากตัวนาย แต่หลังจากนั้น เรื่องราว ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันเป็นคนกำหนดขึ้นมาเองกับมือ แล้วนายจะมาเรียกร้องอะไรฮะ?”
“ก็เรียกร้องที่เธอเอาคาแรคเตอร์ฉันไปนี่ไง” ไม่พูดเปล่า หยิบหนังสือนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาให้เธอดูหน้าปก ที่มีตัวละครเหมือนเขาอย่างกับฝาแฝด ยอมใจนักวาดเลย ขนาดไม่มีรูปถ่ายประกอบ ยังวาดออกมาได้เหมือนตัวจริง
“หน้าฉันอยู่บนปกนิยายของเธอ ชื่อฉันอยู่ในนิยายของเธอ แบบนี้มันละเมิดสิทธิส่วนบุคคลกันชัดๆ ฉันสามารถฟ้องเอาเรื่องเธอได้เลยนะ” หืม! ไอ้หมอนี่ไปรู้เรื่องกฎหมายพวกนี้มาจากที่ไหนเนี่ย สาธยายซะไฟแล่บเลย
“เหมือนตรงไหน ในปกไม่เห็นมีรอยสักเลยนะ”
เธอยังแถข้างๆ คูๆ เพราะในคาแรคเตอร์ไม่มีรอยสัก ถึงเบ้าหน้าจะเหมือนกัน (มาก!) แต่ก็เอาผิดยาก เพราะในบรีฟที่เธอส่งให้นักวาด มีรายละเอียดหน้าตาเป็นกาเขียน ไม่มีรูปถ่ายของเขาแปะลงไปในบรีฟด้วย ถ้าไม่ได้มีเวลาว่างจริงๆ คงไม่มาเอาผิดเธอให้เสียเวลาหรอก
“เธอจะไม่ยอมรับใช่ไหม?”
“ไม่” เชิดหน้าใส่ ยังไงก็ไม่ยอม
“ได้ งั้นฉันจะเอาเรื่องนี้ไปบอกกระดาษ”
“เสียใจใสเจีย เพราะตอนนี้กระดาษไปฮันนีมูนที่มัลดีฟส์ค่า อีกอย่างน้องสาวของฉันแต่งงาน มีลูก มีสามีเรียบร้อยแล้ว ต่อให้นายไปฟ้อง กระดาษก็ไม่ว่าอะไรฉันอยู่ดี~” กระดุมตอกกลับอย่างไม่รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจ ถึงกระดาษจะไม่รู้ว่าเธอเอาผู้ชายคนนี้มายำในนิยาย แต่ถ้ารู้ก็คงไม่มีปัญหาเพราะเขาไม่มีค่ากับกระดาษอีกต่อไปแล้ว