“ว่าไงนะคะพี่ศรุต! จะให้จันทร์ไปงานเป็นเพื่อนพี่”
หญิงสาวร้องถามเสียงดังลั่น พร้อมกับมองใบหน้าหล่อคมของทนายความหนุ่มประจำตระกูลที่มาขอร้องให้เธอไปงานเป็นเพื่อนถึงบริษัทด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ
“ใช่! เป็นงานประมูลเพชรที่พวกไฮโซทั้งหลายไปกัน พี่ไม่ชินกับงานแบบนี้เลยอยากให้จันทร์ไปเป็นเพื่อนพี่หน่อย”
ศรุตยืนยันอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เช่นเดียวกับใบหน้าหล่อเหลาจริงจังบ่งบอกชัดว่าเขาไม่ได้พูดเล่นแต่อย่างใด
“แล้วทำไมพี่ศรุตถึงไม่ชวนพี่ดาไปละคะ จันทร์เป็นแค่น้องสาวจะมาชวนไปงานประมูลเพชรทำไม”
“เพราะพี่ต้องไปง้อเธอที่นั้นไงถึงต้องตามเธอไปที่งานประมูลเพชรนั่น สองสามวันมานี้ดาเอาแต่หลบหน้าไม่ยอมเจอ แถมยังไม่ยอมรับสายพี่อีก จนพี่ต้องใช้วิธีนี้แหละไปดักรอเพื่อพูดคุยกับเธอ”
“ที่แท้ก็จะไปง้อแฟน แล้วที่เอาจันทร์ไปด้วยแบบนี้ไม่ใช่แค่เอาไปเป็นเพื่อนแล้วมั่ง แต่พี่จะให้จันทร์ไปช่วยง้อพี่ดาด้วยละสิ”
จันทร์เจ้ามองเกมอย่างรู้ทัน ซึ่งทนายความหนุ่มก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด
“ก็ถ้าดาไม่ยอมคุยกับพี่ จันทร์ก็ต้องช่วยพี่สิ”
“นั่นไง ว่าแล้วว่าพี่ศรุตต้องมีแผน”
“จันทร์จะว่าพี่ยังไงก็ช่าง แต่คืนนี้ต้องไปเป็นเพื่อนพี่ก่อน”
“แต่จันทร์ไม่มีชุด”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่จัดการให้เอง”
“สรุปว่าจันทร์ต้องไปกับพี่ให้ได้เลยใช่ไหมคะ”
“แน่นอน”
ศรุตสรุปให้ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น โดยที่หญิงสาวนั่งเงียบไม่โต้แย้งใดใดอีก เพราะรู้อยู่แล้วว่ายังไงเสียก็ปฏิเสธงานนี้ไม่ได้อยู่ดี
“ว่าแต่ผู้ชายสองคนที่เฝ้าอยู่หน้าห้องเป็นใครเหรอจันทร์ คงไม่ใช่การ์ดที่จันทร์จ้างมาป้องกันพวกคุณอาหรอกใช่ไหม” ดูเหมือนศรุตเพิ่งจะนึกได้เลยเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“เป็นคนของเขาค่ะ เขาให้คนตามเฝ้าจันทร์ไว้คงกลัวลูกหนี้หนี”
หญิงสาวบอกออกไปตรงๆ อย่างไม่คิดปิดบัง ศรุตเพียงพยักหน้าน้อยๆ เมื่อนึกถึงคนที่อยู่เบื้องหลังการทวงคืนบริษัทให้กับจันทร์เจ้า แม้จะยังไม่เคยเห็นหน้าแต่ก็พอจะทราบว่าอีกฝ่ายนั้นมีอิทธิพลทั้งต่อตัวและหัวใจของหญิงสาวตรงหน้าอยู่ไม่น้อย
“มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกนะจันทร์ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบคุณค่ะพี่ศรุต แต่ตอนนี้จันทร์ขอช่วยพี่ทวงความรักคืนก่อน”
หญิงสาวกล่าวขอบคุณก่อนจะพูดติดตลกในตอนท้ายเล็กน้อยเพื่อไม่ให้บรรยากาศตึงเครียดมาจนเกินไป ทั้งสองพูดคุยกันอีกพักใหญ่ ก่อนที่จะนัดหมายเวลากันเพื่อไปงานในค่ำคืนนี้
………………………………………….
“นั่นคุณจันทร์เจ้านี่ครับท่าน”
เจมส์ที่ก้าวตามหลังมาเฟียหนุ่มเข้ามาในโรงแรมหรูใจกลางเมืองกรุง เนื่องจากได้นัดลูกค้ามางานเลี้ยงที่นี่เอ่ยขึ้น เมื่อเห็นร่างบางระหงในชุดราตรีสีชมพูหวานเดินเคียงคู่มากับบุรุษหนุ่มร่างสูงเข้าไปในอีกห้องหนึ่งของโรงแรมโดยมีการ์ดสองคนตามติดเข้าไปด้วย
ไรอันหันไปมองตามสายตาของเลขาคนสนิท ก่อนที่จะกำหมัดแน่นตวัดถามเลขาด้วยน้ำเสียงเข้มห้วนทันที
“มันเป็นใคร กล้าดียังไงมาจับมือเธอ!”
“ใจเย็นครับท่านที่นั่นมีนักข่าวเยอะมาก ผมไม่อยากให้เข้าไปเสี่ยง คุณจันทร์เจ้ากับผู้ชายคนนั้นอาจจะเป็นแค่พี่น้องกัน หรือไม่ก็เพื่อนสนิทก็ได้ครับ”
เมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายกำลังจะพุ่งตรงไปทางที่หญิงสาวอยู่เจมส์ก็ปรามเอาไว้พร้อมกับพูดให้สติอีกฝ่าย แต่แล้วก็ต้องก้มงุดมองต่ำเมื่อเสียงเข้มห้วนสวนกลับมาแทบจะทันที
“จันทร์เจ้าไม่มีพี่น้อง ฉันเป็นคนให้นายสืบประวัติเธอมารายงานฉันเอง ความจำเสื่อมแล้วหรือไง! และอีกอย่างฉันไม่เชื่อว่าผู้หญิงกับผู้ชายจะเป็นเพื่อนกันได้”
‘นั่นมันความคิดของท่านคนเดียวเลยนะครับ’
เจมส์อยากจะเถียงกลับไปในประโยคท้าย แต่ก็ทำได้เพียงเถียงในใจเพราะทราบดีว่าผู้เป็นนายกำลังอยู่ในอารมณ์ไม่รับรับฟังใครทั้งนั้น
“ไปลากคอไอ้สองตัวนั้นมาหาฉันเดี๋ยวนี้!”
เมื่อไม่สามารถไปด้วยตัวเองได้ ไรอันก็ออกคำสั่งให้ไปดึงตัวการ์ดทั้งสองที่คอยติดตามหญิงสาวไม่ห่าง เจมส์น้อมรับคำสั่งพร้อมกับปฏิบัติตามทันทีโดยไม่ซักถามอะไรให้รำคาญใจ เพียงไม่นานสองการ์ดก็มายืนอยู่ต่อหน้าไรอันพร้อมที่จะตอบคำถามผู้เป็นนาย
“ฉันให้พวกนายตามดูแลเธอ แล้วทำไมถึงปล่อยให้เธอมากับผู้ชายคนอื่นได้ห๊า!”
เสียงเข้มห้วนตวัดถามลูกน้องดังลั่นโดยไม่คิดจะเกรงในใครหน้าไหน แต่จะว่าไปแล้วมุมอับที่ไรอันใช้พูดคุยกับลูกน้องก็ไม่ได้มีใครเดินผ่านไปมาแต่อย่างใด
“ขอโทษครับท่าน คุณจันทร์เธอขอมางานประมูลเพชรกับคุณศรุตแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้นครับท่าน”
“แล้วไอ้หมอนั่นเป็นคนเดียวกับที่ไปหาจันทร์เจ้าที่บริษัทหรือเปล่า”
“คนเดียวกันครับ”
“มันเป็นใคร ถึงได้กล้าจับมือถือแขนผู้หญิงของฉัน”
“คุณศรุตเป็นทนายความประจำตระกูลของคุณจันทร์เจ้าครับท่าน”
“เป็นทนาย มีสิทธิอะไรมาจับมือถือแขนเธอ”
“เอ่อ…”
สองการ์ดมองหน้ากันเลิกลักกับคำถามโลกแตกที่ไม่สามารถให้คำตอบได้ ก่อนจะก้มหลบสายตาวาวโรจน์ของผู้เป็นนาย กระทั่งเสียงทุ้มห้วนออกคำสั่งดังลั่นขึ้นอีกครั้ง
“เอาตัวจันทร์เจ้ากลับเพนท์เฮ้าส์เดี๋ยวนี้!”
“ครับท่าน!!” สองการ์ดน้อมรับคำสั่ง พร้อมปฏิบัติตามทันที
……………………………………..
ทางด้านจันทร์เจ้าบีบมือทนายความหนุ่มเบาๆ เป็นการให้กำลังใจอีกฝ่ายที่ยังคงมีอาการประมาท ตื่นเต้น กับงานไฮโซครั้งแรกที่เข้ามา แค่ได้เห็นความพยายามของศรุต จันทร์เจ้าก็เชื่อแล้วว่าทนายความหนุ่มรุ่นพี่รักและจริงจังกับสาวรุ่นพี่จริงๆ
“พี่ดา สวัสดีค่ะ”
จันทร์เจ้าเอ่ยทักสาวรุ่นพี่ พร้อมกับยกมือไหว้อย่างมีมารยาท เมื่อพบหน้าอีกฝ่ายซึ่งมางานนี้ตามที่ศรุตได้คาดการณ์เอาไว้
“อ้าวจันทร์…มางานนี้ด้วยเหรอ”
ดารินส่งยิ้มกว้างพร้อมกับเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นหลังจากที่ไม่ได้เจอหน้าสาวรุ่นน้องผู้แสนดีมาสักพักใหญ่ๆ
“ค่ะ จันทร์มาเป็นเพื่อนพี่ศรุต พอดีเห็นพี่เขาบอกว่ามีเรื่องอยากจะมาปรับความเข้าใจกับพี่ดา”
ทันทีที่ได้ยินชื่อคนรัก รอยยิ้มบนใบหน้าหวานก็หุบลงแทบจะทันที ดารินหันไปอีกด้านเพิ่งสังเกตเห็นว่าศรุตกำลังเดินเข้ามาหาตน พร้อมกับอ้อนขอในสิ่งที่ต้องการ
“ขอเวลาผมได้คุยกับดาสองต่อสองได้ไหมครับ”
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ”
ดารินบอกกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงกระด้างต่างจากที่พูดกับจันทร์เจ้าอย่างสิ้นเชิง ก่อนที่จะทำตัวเสียมารยาทเดินหนีออกไปดื้อๆ โดยที่ศรุตตามไปติดๆ ทิ้งให้จันทร์เจ้าต้องยืนเดียวดายอยู่คนเดียว
“เดี๋ยวก่อนดา ฟังผมก่อน”
ศรุตคว้าข้อมือเล็กเอาไว้ แต่หญิงสาวสะบัดออกอย่างแรงพร้อมกับหันมาตวัดเสียงใส่ใบหน้าหล่อเหลาด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด!
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ ต่อไปนี้เราต่างคนต่างแยกย้ายเถอะ!”
“ผมรู้นะว่าผมผิด แต่ขอโอกาสอีกสักครั้งได้ไหม สัญญาว่าจะไม่เป็นไอ้ศรุตคนเดิมที่ขี้ขลาดตาขาวไม่กล้าสู้หน้าครอบครัวคุณอีก นะครับดา ให้โอกาสผมนะ”
ที่ทั้งสองทะเลาะกันใหญ่โต เพราะก่อนหน้านี้ศรุตไม่ยอมไปพบกับครอบครัวของดารินเลย อาจจะเป็นเพราะรู้สึกว่าฐานะของเธอนั้นสูงส่งเกินไป แตกต่างจากเขาที่เป็นเพียงทนายความประจำของตระกูลไฮโซ ซึ่งเทียบกับเธอไม่ติดเลยแม้แต่น้อย นั่นเลยเป็นเหตุที่เขาไม่กล้าสู้หน้าครอบครัวฝ่ายหญิง และพยายามบ่ายเบี่ยงมาตลอดกระทั่งดารินหมดความอดทนจนต้องขอตัดสัมพันธ์อย่างจริงจัง
“ถ้าคุณพูดเพื่อจะให้ฉันกลับมาคืนดีด้วยบอกไว้เลยว่าไม่! เพราะฉันต้องการผู้ชายที่มีความกล้ามากพอที่จะจับมือฉันแล้วเดินไปสารภาพรักกับครอบครัวของฉันอย่างลูกผู้ชาย และยิ่งกว่านั้นฉันต้องการคนที่มั่นใจในตัวเองไม่ใช่ยื้อเวลาหาข้ออ้างไปวันๆ”
“ผมไม่ได้อยากจะให้คุณเชื่อในตัวผมนะดา ที่ผ่านมาคุณก็รู้ว่าผมรักคุณมากแค่ไหน แต่ที่ผมขี้ขลาดไม่กล้าไปเจอหน้าครอบครัวของคุณก็เพราะผมรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับคุณ”
“อย่าดูถูกดาและครอบครัวดาแบบนั้นสิคะ คุณก็รู้ว่าดาไม่เคยมองคนที่เปลือกนอก คนเราจะรักกันจริงฐานะครอบครัวไม่ใช่เรื่องสำคัญ”
ดารินสวนกลับทันที ถ้าหากเธอมองคนที่เปลือกนอกก็คงไม่ตกลงคบกับเขาเป็นแฟนตั้งแต่แรก ซึ่งข้อนี้ศรุตทราบดีและโทษตัวเองมาตลอดว่าเขาผิดเองที่ขี้ขลาดตาขาวไม่กล้าที่จะทำเพื่อความรัก
“ผมขอโทษครับดา ให้โอกาสผมอีกครั้งนะ นะครับ ผมรักคุณจริงๆ”
น้ำเสียงอ้อนวอนของคนรักหนุ่มที่เต็มไปด้วยความสำนึกผิด และคำขอโทษที่จริงใจ ไม่สามารถทำให้ดารินใจแข็งได้นาน ในที่สุดเธอก็พยักหน้าใจอ่อนให้โอกาสเขาได้แก้ตัวอีกครั้ง
“ก็ได้ค่ะ ดาจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง”
“ขอบคุณมากครับ ผมรักคุณนะดา”
ศรุตดึงร่างบางมาสวมกอดไว้แน่นด้วยความดีใจ โดยที่ไม่สนใจอีกแล้วว่าใครจะเห็นหรือจะมองยังไง สิ่งเดียวที่เขารู้ตอนนี้คือเธอสำคัญกับชีวิตเขามาก และเขาสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือไปไหนอีก
……………………………………….