ทุกอย่างตราตรึงอยู่ในหัวใจเรา

1745 Words
แคลร์และนีน่านั่งดูรายการโทรทัศน์อยู่ในห้องรับแขก พอสังเกตเห็นเรา แคลร์ก็ลุกขึ้นและเดินมาดึงแขนฉันไปนั่งข้างเธอที่โซฟา แม้ตอนนี้แคลร์จะมีท่าทีละอายใจและสำนึกผิด แต่ใจฉันยังไม่นิ่งเท่าไหร่ ดูเหมือนว่ามาร์คจะรับรู้ได้ เขายกเก้าอี้สตูลมานั่งขนาบฉัน วางมาดราวกับบอดี้การ์ด “ฉันคิดว่าเธอคงยังโกรธฉันอยู่ แต่ฉันก็อยากขอโทษเธออีกครั้ง และอยากให้เราทุกคนปรับความเข้าใจกันใหม่” น้ำเสียงของแคลร์สั่นเครือด้วยอารมณ์อ่อนไหว เธอหันไปมองมาร์ค และนีน่า ก่อนจะเวียนมาหยุดที่ฉันเป็นคนสุดท้าย “ไม่ต้องกังวลนะคะ ฉันเข้าใจ” ฉันบีบมือแคลร์เบา ๆ “ที่ผ่านมาคุณดีกับฉันมากและคุณก็เป็นห่วงเราทุกคนอย่างจริงใจ แม่กับปะป๊าของฉันก็ห่วงลูกจนเป็นทุกข์ ฉันรู้ว่ามันยากสำหรับคนเป็นพ่อแม่ที่จะห้ามตัวเองไม่ให้ก้าวก่ายเรื่องของลูก” “ฉันขอบใจเธอมากนะ อารยา ตอนนี้ฉันสามารถพูดได้เต็มปากแล้วว่า ฉันยินดีต้อนรับเธอเข้ามาเป็นคนในครอบครัว” แคลร์ยิ้มให้ฉัน ด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นและมีเมตตา “ขอบคุณค่ะ” ฉันเอามือกุมหน้าอกตรงตำแหน่งหัวใจ วินาทีถัดมา มวลความสุขจำนวนมหาศาลก็ถาโถมเข้าใส่ ฉันสูดอากาศจนเต็มปอด แต่ยังกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ เสียงสะอื้นของฉันเล็ดลอดออกมาจากลำคอ แคลร์ขยับเข้าใกล้เพื่อโอบกอดฉัน “ฉันดีใจที่เห็นเธอมีความสุข แต่ฉันชอบที่เธอหัวเราะมากกว่านะ” คำพูดปลอบโยนเป็นเชิงหยอกล้อของแคลร์ ทำให้ฉันหัวเราะทั้งน้ำตา ภายในครึ่งวัน... ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความหวัง ถูกเวลาบังคับให้รอคอยด้วยความตื่นเต้น เพื่อเผชิญหน้ากับความหวาดกลัว แล้วก็ต้องบาดเจ็บชอกช้ำ ก่อนที่จะได้รับความรักจากผู้มอบให้อย่างเต็มใจ และตักตวงความรู้สึกปราโมทย์อย่างขอบคุณ ฉันยิ้มกว้างได้อย่างเต็มที่เมื่อการสอบจบลงแล้ว ผลประเมินการฝึกงานที่บริษัทอิรอนเดลทำให้ฉันมีคะแนนสอบภาคปฏิบัติสูงสุดในมหาวิทยาลัยฯ และฉันมั่นใจว่าตัวเองคือหนึ่งในจำนวนของนิสิตที่มีรายชื่ออยู่ในกลุ่มของผู้สำเร็จการศึกษา เอ็มม่า เกว็น และเมลิน รอฉันอยู่ที่ม้านั่งใต้ต้นอาคาเซียซึ่งกำลังผลิดอกส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ ทุกคนมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า “เสียดายเนอะ วันนี้วันจันทร์ ผับในเมืองอันซีปิดกันหมด” เอ็มม่าบ่น แต่แววตายังระรื่น “เราไปจัดปาร์ตี้ที่อะพาร์ตเมนต์ของอารยากันดีไหม” เมลินเป็นคนเสนอความคิด และเกว็นส่งเสียงสนับสนุน “ไอเดียเลิศ หนุ่มข้างห้องอารยาหล่อน่ากินที่สุดและบรรยากาศตรงระเบียงก็แจ่ม” “พวกเธอนี่ ไม่คิดจะพักผ่อนกันเลยนะ” ฉันแสร้งประชด ในใจแอบปาดเหงื่อ ก่อนหน้านี้ฉันลืมนึกถึงเพื่อนๆ ไปเสียสนิท แถมยังปากเปราะเกริ่นกับมาร์คไปว่านักศึกษาปีสี่จะสอบเสร็จวันที่22 และแอบหวังให้เขาโผล่มาทำเซอร์ไพร์สวันเกิด เอ็มม่าชำเลืองมองฉันอย่างรู้ทัน เธอกระแอมทีหนึ่ง “พวกเราเคยตกลงกันว่า ตลอดฤดูใบไม้ผลิอันสุดแสนสดใสนี้ ในวันธรรมดายกเว้นคืนวันศุกร์ ทุกคนจะต้องครองตัวเป็นสาวพรหมจรรย์” “ไม่มีใครลืมหรอกน่า” เกว็นพูดโพล่งขึ้น ด้วยความร้อนตัว “ถ้าอย่างนั้น ฉันขอกลับไปเก็บกวาดห้องก่อนนะ” พอพูดจบ ฉันรีบเผ่นทันที ตั้งใจจะจัดการปัญหาโลกสองใบให้เรียบร้อย โดยที่ไม่ให้เพื่อนจับได้ว่าฉันแอบละเมิดข้อตกลง ระหว่างที่ฉันมีความรักหวานชื่น ทั้งสามสาวต่างก็ทยอยเลิกรากับแฟนหนุ่ม เหลือเวลาอีกแค่หนึ่งเดือนเศษที่พวกเราจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน หลังจากนั้นทุกคนจำเป็นต้องแยกย้าย เกว็นมีตำแหน่งงานในบริษัทผลิตกระเป๋าแบรนด์ดังรอเธออยู่ เมลินต้องกลับไปช่วยกิจการร้านตัดเย็บชุดวิวาห์ของครอบครัว ส่วนเอ็มม่าได้เซ็นสัญญาเข้าร่วมทีมดีไซเนอร์กับบริษัทที่เธอไปฝึกงานด้วยครั้งล่าสุด เช่นเดียวกับฉัน ซึ่งจะเริ่มทำงานกับบริษัทอิรอนเดลในเดือนกรกฎาคมนี้ ฉันขับรถมาจอดที่หน้าอะพาร์ตเมนต์ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งถึงมาร์ค บอกเล่าให้เขารับรู้ว่าคืนนี้ฉันกับสามสาวจะจัดปาร์ตี้ฉลองสอบเสร็จที่ห้อง และได้รับข้อความตอบกลับ ในหนึ่งนาทีถัดมา ขอให้สนุกนะครับ อย่าลืมคิดถึงผมด้วย Je t’aime...มาร์ค เขาตอบสั้น ๆ แค่นี้เอง ? เราไม่ได้เจอหน้ากันมาตั้งสองสัปดาห์แล้วนะ ฉันนั่งจ้องหน้าจอมือถือจนแสงสว่างดับลง แอบผิดหวังที่มาร์คไม่เรียกร้องความสนใจ ความจริงฉันควรจะโล่งอกที่สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างง่ายดาย เฮ้อ... บางที ฉันก็ไม่เข้าใจตัวเอง เย็นวันนั้น ทุกคนแต่งองค์ทรงเครื่องกันแบบจัดเต็มโดยที่ไม่ได้มีการนัดแนะ ฉันใส่วิกผมสีทองหยิกยาวฟูฟ่องและสวมเดรสเกาะอกสั้นเสมอหูสีชมพูนีออน เอ็มม่าแต่งหน้าทำผมเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้และสวมเดรสปอมปอมสีฟ้าสดใส เกว็นมาในคราบร็อคเกอร์สาวที่สวมเสื้อเกาะอกกับกางเกงขาม้าปักเลื่อมสีดำรุ้งสะท้อนแสงทั้งชุด ส่วนเมลินมาในชุดเดรสทูนิคสีทองและแต่งหน้าสวมมงกุฎดอกไม้สไตล์เทพธิดากรีก พวกเราหัวเราะขบขันกันเองเสียงดังลั่น ช่วยกันถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกและเปิดเพลงเต้นรำอย่างสนุกสนาน เวลาผ่านไปประมาณ3ชั่วโมง ค็อกเทลหลากสีสูตรตามใจเอ็มม่าก็เริ่มแผลงฤทธิ์ ตอนออกมาจากห้องน้ำ ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดสังเกต อาทิ สามสาวเต้นเบาลง เสียงเพลงเบาลง เสียงหัวเราะถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย จู่ ๆ ไฟฟ้าก็ดับพรึบ ! ใครบางคนนำแสงเทียนเข้ามาจากทางประตูระเบียง ในระหว่างที่ฉันคลำหาโทรศัพท์มือถือเพื่อเปิดไฟฉาย แล้วเสียงร้องเพลงสุขสันต์วันเกิดก็ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง สิ่งเดียวที่อยู่ในสายตาของฉันคือมาร์ค เขาประคองถาดใส่เค้กก้อนโตเดินเข้ามาหาฉันด้วยความระมัดระวัง เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่าเนื้อเพลงอวยพรเจ้าของวันเกิดยืดยาวเกินไป ฉันหลับตาอธิษฐานและเป่าเทียนอย่างตื่นเต้น เมลินเป็นคนยกเบรกเกอร์ปลดปล่อยกระแสไฟฟ้าให้ทำงานตามปกติ มาร์ควางถาดเค้กลงบนเคาน์เตอร์ทำอาหาร เขาอ้าแขนรับร่างที่โถมเข้ากอดได้ทันท่วงที เราจูบกันอย่างดูดดื่มและเนิ่นนาน ท่ามกลางเสียงกรี๊ดกร้าดและเสียงโวยวายของสามสาว “คุณพระช่วย นี่ปาร์ตี้เซอร์ไพร์สงานวันเกิดหรือเทศกาลจูบมาราธอน” เอ็มม่าเริ่มประท้วง “เธอนั่นแหละ ผู้สมคบคิดรายแรก คราวนี้ได้ตาร้อนกันสมใจเลยไหมล่ะ” เกว็นบ่นทับถม “แต่เธอก็ช่วยเสนอไอเดียให้แฟนของอารยาเหมือนกันนะ” เมลินโต้แย้งอย่างแข็งขัน “ไม่ต้องเถียงกันแล้ว รีบสลายตัวเถอะ” เอ็มม่าตัดบท ฉันกับมาร์คทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นว่าสามสาวแอบย่องออกไปจากห้องระหว่างที่เราพลอดรักกัน กระทั่งได้ยินเสียงประตูล็อคอัตโนมัติถูกปิดลง เราผละห่างริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยเต็มใจ “คุณไปทำความรู้จักกับเพื่อนๆ ของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” “ผมแอบจำเบอร์มือถือของเอ็มม่า ตอนที่เธอโทรหาคุณ วันเสาร์ที่ผ่านมาผมส่งข้อความไปขอความช่วยเหลือจากเธอกับเพื่อนๆ และทุกคนก็ตกลงกันว่าจะเซอร์ไพร์สคุณด้วยวิธีนี้” มาร์คก้มหน้าลงมา จูบฉันอีกครั้ง ร่างกายเราดึงดูดเข้าหากันราวกับแม่เหล็กต่างขั้ว สองสัปดาห์ที่ห่างเหิน ทำให้เราโหยหากันและกันเหมือนบ่อทรายต้องการน้ำ แค่จุมพิตคงไม่เพียงพอที่จะชดเชยความกระหายไม่รู้อิ่มของเรา “พรุ่งนี้คุณต้องไปทำงานหรือเปล่าคะ” ฉันไม่ลืมว่าเป็นคืนวันจันทร์ แต่ก็ไม่อยากให้เขารีบกลับ “ผมมาแท็กซี่ และลากิจไว้ล่วงหน้าแล้ว” คำตอบของมาร์คคลี่คลายทุกความกังวล ฉันโอบแขนคล้องต้นคอเขา เพื่อโน้มใบหน้าหล่อเหลาก้มต่ำลง พลางเขย่งปลายเท้าขึ้นไปจูบริมฝีปากของเขา “เดี๋ยวครับ” “คะ ? ” อารมณ์รักของฉันค้างเติ่ง “เราข้ามขั้นตอนบางอย่าง” “คุณอยากให้เราอาบน้ำก่อนหรือคะ” เขายิ้มขัน “เปล่าครับ ผมหมายถึงเรื่องของขวัญ” ฉันหน้าแดง รีบหดแขนกลับทันที รู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูกที่ตัวเองแสดงความหื่นออกมาเร็วจนเกินไป “อยู่ไหนล่ะคะ” ฉันทำทีเป็นมองหาของขวัญแก้เก้อ มาร์คล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ควักกล่องกำมะหยี่สีครีมออกมา เขาย่อตัวคุกเข่าลงข้างหนึ่ง จากนั้นก็เปิดฝากล่องและพูดว่า “คุณยินดีจะเป็นเจ้าสาวของผมไหมครับ” ฉันเบิกตากว้าง เอามือทาบหน้าอกตรงตำแหน่งหัวใจที่เต้นกระหน่ำรุนแรงเหมือนนักดนตรีรัวกลอง ฉันรู้สึกประหม่าจนแทบจะเป็นลม คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องโรแมนติกเกินฝันเกิดขึ้นกับตัวเอง “ค่ะ ฉันยินดี” ฉันตอบเสียงเบา เหมือนกระซิบ ริมฝีปากของมาร์คโค้งขึ้นเป็นร้อยยิ้มกว้าง เขาสวมแหวนเพชรที่นิ้วนางข้างซ้ายของฉัน แล้วก็บรรจงจูบบนแหวนวงนั้น “ผมอยากแต่งงานกับคุณเร็ว ๆ เราจะได้อยู่ด้วยกันสักที” มาร์คลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทำให้ฉันต้องเงยหน้าเพื่อมองสบตากับเขา “ฉันก็เหมือนกันค่ะ” คืนนั้น เราจูบกันตั้งแต่ที่ห้องครัวไปจนถึงห้องนอน สร้างความทรงจำแสนหวานไปทั่วทุกพื้นที่ ไม่เว้นแม้กระทั่งบนเคาน์เตอร์ทำอาหารหรือในอ่างอาบน้ำ ชั่วขณะที่เร่งจังหวะเคลื่อนไหว เสียงบอกรักของเราดังซ้ำไปซ้ำมา กลิ่น รส และสัมผัสผิวกาย ทุกอย่างตราตรึงอยู่ในหัวใจของเรา (จบบริบูรณ์)

Great novels start here

Download by scanning the QR code to get countless free stories and daily updated books

Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD