เธอเดินออกมาจากโซนโต๊ะพวกพี่ค่ายได้สักพัก เริ่มรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว สายตาเหลือบเห็นโซฟาจึงรีบพาตัวเองไปนั่ง เธอฟุบใบหน้าลงพนักวางแขนของโซฟาพร้อมกับหายใจหอบ มือไม้เลื่อนขึ้นมาขยุ้มคอเสื้อแน่น พอเงยหน้าขึ้นมองรอบข้าง ทุกอย่างกลับดูเลือนราง หูทั้งสองพลันอื้อขึ้นมาดื้อๆ ไม่ได้ยินเสียงดนตรี
นี่เธอเป็นอะไร
หลังจากเดินออกมาจากโต๊ะของพวกพี่ค่าย เธอก็มีสภาพเป็นแบบนี้เลยทันที หรือพี่ค่ายวางยาเธอ? ลำพังเหล้าแก้วเดียวไม่มีทางทำให้เธอเป็นได้ขนาดนี้ เว้นแต่ในแก้วไม่ได้มีแค่เหล้าอย่างเดียว
เฮือก!
เธอสะดุ้งอย่างแรง เมื่อมีมือเย็นๆ ของใครบางคนสัมผัสที่แขน พอเงยหน้าขึ้นมองพบว่าเป็นพี่ค่ายกับพี่คิงส์
“ไหวไหมนิ้ง” ค่ายถามคะนิ้งด้วยท่าทางเป็นห่วง
“ไหวค่ะ”
“แต่พี่ว่าท่าทางเราดูไม่ไหวเลยนะ” คิงส์พูดเสริม
“นิ้งไหวค่ะ”
“แล้วน้องนิ้งมายังไง ขับรถกลับไหวไหม” คิงส์เอ่ยถาม ก่อนจะหันไปมองค่ายด้วยสายตาร้ายกาจ สองรุ่นพี่มีแผนร้าย คะนิ้งรู้ว่าตัวเองกำลังเผชิญกับอะไร ทว่าร่างกายที่เริ่มจะไม่ไหว มันไม่สามารถทำอะไรได้เลย
“ให้พวกพี่ไปส่งไหม พวกพี่กำลังกลับพอดี” คิงส์ยังคงพูดกับคะนิ้ง สองรุ่นพี่แสดงความเป็นห่วงต่อรุ่นน้อง หากแต่ในความเป็นจริงสวนทาง
ความหวังดีสำหรับสองรุ่นพี่ไม่เคยมี ความคิดตอนนี้เต็มไปด้วยความคิดที่ไม่ดีกับรุ่นน้องสาว
“มะ…ไม่เป็นไรค่ะ นิ้งกลับไหว” เธอตอบกลับทั้งสองคน ก่อนจะค่อยๆ ประคองตัวเองลุกขึ้นอย่างยากลำบาก แรงจะยืนยังไม่มีเลย
หมับ
ค่ายคว้าแขนคะนิ้งเอาไว้
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะ นิ้งขอบคุณพวกพี่ๆ มาก แต่นิ้งกลับเองได้ค่ะ” เธอค่อยๆ แกะมือพี่ค่ายออกจากแขน ทว่าเขากลับไม่ยอมปล่อย
“อย่าดื้อเลยหน่านิ้ง พวกพี่เป็นห่วงนะ”
เป็นห่วงจริงเหรอ? ไม่ใช่หรอกมั้ง เป็นห่วงประสาอะไรแอบวางยาในแก้วเหล้าที่ยื่นให้เธอดื่ม
“นิ้งกลับเองได้จริงๆ ค่ะ” เธอออกแรงแกะมือพี่ค่ายออก เขาที่เห็นว่าเธอต่อต้านหนักขึ้น จึงกดแรงลงมาที่แขนจนเธอรู้สึกเจ็บ
“นิ้งเจ็บค่ะพี่ค่าย!”
“พวกพี่เป็นห่วงนิ้งนะ ดูสภาพนิ้งตอนนี้สิ เมามากแล้วนะ ขับรถกลับยังไงไหว”
เธอไม่ได้เมา แต่โดนวางยาต่างหาก
“พวกพี่เป็นห่วงนิ้งจริงๆ เหรอคะ”
ค่ายยอมปล่อยมือจากแขนคะนิ้ง เพราะคิงส์สะกิดบอก ค่ายสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ท่าทางดูเล่นตัวของคะนิ้งทำให้ค่ายรู้สึกหงุดหงิด ตอนนี้คะนิ้งกำลังมีสติดี หากใจร้อนมากไปคงไม่ยอมไปด้วยง่ายๆ
“พี่สองคนเป็นห่วงนิ้งจริงๆ ไอ้คิงส์ไปเข้าห้องน้ำ เห็นนิ้งท่าทางไม่ดีเลยไปเรียกพี่ พวกพี่แค่เป็นห่วงกลัวนิ้งขับรถกลับไม่ไหว” ค่ายพยายามพูดให้ตัวเองดูดีมากที่สุด ในขณะที่คะนิ้งมองอย่างไม่เชื่อ
“ขอบคุณนะคะ แต่นิ้งกลับไหว” ไม่ไหวแต่บอกไหวไว้ก่อน ไม่ไว้ใจให้สองคนนี้ไปส่งจริงๆ
“พวกพี่ดูไม่น่าไว้ใจขนาดนั้นเลยเหรอ?” ค่ายเริ่มควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
“ค่ะ…” เธอตอบตรงๆ ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่ไหวแล้ว ยืนยังเซ ใบหน้าของรุ่นพี่ทั้งสองคนที่สะท้อนเข้ามาในดวงตา ค่อยๆ พร่ามัวมองไม่ชัด
ปึก…
เธอถอยหลังชนอะไรก็ไม่รู้ กลิ่นน้ำหอมของผู้ชายเจือด้วยแอลกอฮอล์อ่อนๆ ลอยผ่านจมูก ลมหายใจอุ่นที่เป่ารดลงศีรษะทำให้เธอหันไปมอง พยายามเพ่งมองว่าเขาคือใครสุดความสามารถ เพราะตอนนี้ดวงตาพร่ามัวจากฤทธิ์ยาบางอย่าง ที่พวกรุ่นพี่เลวๆ พวกนั้นผสมเข้าไปในเหล้า
พอรู้ว่าคนๆ นั้นคือใครหัวใจมันกระตุกวูบขึ้นมา ก่อนจะรีบขยับออกห่างตามสัญชาตญาณ
เขาคือ…คุณดีแลนด์
“ขะ…ขอโทษค่ะ” เธอเอ่ยขอโทษคุณดีแลนด์เสียงสั่น
“…” เจ้าของสายตาคมเข้มไร้ความรู้สึกมองคะนิ้งนิ่งๆ ก่อนจะเบนไปมองผู้ชายสองคนตรงหน้า
ทั้งค่ายและคิงส์ทำตัวไม่ถูก รู้จักคนตรงหน้าดีว่าเป็นใคร ไม่รู้บังเอิญมาตรงนี้หรือเพราะคะนิ้งเป็นเพื่อนกับภรรยาเพื่อนสนิทตัวเอง แต่หากยอมถอยตอนนี้ คืนนี้คงพลาดที่จะได้แอ้มคะนิ้ง แผนการทุกอย่างที่เตรียมมาคงพัง
“สวัสดีครับคุณดีแลนด์”
ค่ายและคิงส์ยกมือไหว้ทักทายดีแลนด์ ส่วนมาเฟียหนุ่มแค่พยักหน้ารับ
“ขอโทษที่น้องพวกผมชนเมื่อกี้ด้วยนะครับ พอดีน้องพวกผมเมาหนัก กำลังจะพากลับแล้ว”
คะนิ้งส่ายหน้าเบาๆ หลังจากดีแลนด์หันมามอง
“ช่วยคะนิ้งด้วย…” เธอขยับเข้าไปใกล้ๆ คุณดีแลนด์ แล้วเอ่ยขอความช่วยเหลือจากเขา ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ช่วยคะนิ้งด้วยนะคะ…”
“เราเมามากแล้วนะคะนิ้ง เวลาเมาชอบพูดจาเลอะเทอะ” สองรุ่นพี่หนุ่มเลิ่กลั่ก เป็นค่ายที่รีบพูดแก้ตัว
“เวลาคะนิ้งเมาแล้วชอบพูดแบบนี้ตลอด เพราะอยากอยู่สนุกต่อ” คิงส์แก้ตัวเสริม
“นิ้งไม่ได้เมา พะ…พี่ค่ายปล่อยนิ้งนะ” พี่ค่ายเข้ามาจับแขนเธอ แล้วดึงออกห่างจากคุณดีแลนด์ เธอไม่สามารถต่อต้านได้เพราะแรงไม่มี ทำได้แค่เพียงหันไปมองคุณดีแลนด์แล้วส่งสายตาอ้อนวอน
คะนิ้งถูกค่ายลากออกไป คะนิ้งไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะขัดขืน ทำให้ดูเหมือนสมยอมไปกับรุ่นพี่หนุ่มทั้งสองคน
หมับ
แขนอีกข้างของคะนิ้งถูกคว้าเอาไว้ ค่ายหันกลับไปมองอย่างหงุดหงิด แต่พอรู้ว่าเจ้าของการกระทำเป็นดีแลนด์จึงลอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ
“ผู้หญิงคนนี้เป็นของกู”
“น้องคะนิ้งมากับพวกผมนะครับ”
“จะปล่อยดีๆ หรือให้คนของกูกระทืบพวกมึงสองคน”
ค่ายรีบปล่อยคะนิ้ง เมื่อลูกน้องของดีแลนด์ก้าวออกมาพร้อมกันสองคน ใครจะกล้าให้ตัวเองเจ็บตัวเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียว อยากได้นักตนยอมยกให้
ดีแลนด์มองคะนิ้งที่ซบอยู่ตรงอกในสภาพไม่สู้ดี ดูออกตั้งแต่ครั้งแรกเลยว่าถูกวางยา สายตาคมเข้มยังคงจ้องมองใบหน้าสวยหวานไม่ละไปไหน มือหนาเลื่อนขึ้นมาเกลี่ยพวงแก้มสีระเรื่อที่เนียนราวกับผิวเด็ก หยาดเหงื่อที่ไหลผ่านขมับตกลงสู่เนินอก พลันทำหัวใจแกร่งกระตุกวูบ
รู้จักผู้หญิงคนนี้ เป็นเพื่อนสนิทของเมียเพื่อนสนิทตน เห็นบ่อยเวลามาดื่ม แต่ไม่ค่อยได้คุยกันเยอะเท่าไรนัก อย่างมากแค่โดนทักทายแล้วยกมือไหว้
“องศา”
“ครับ?”
“ไปเตรียมรถให้กู”
“นายจะกลับแล้วเหรอครับ” องศา คนสนิทของดีแลนด์ถามอย่างแปลกใจ ปกติเจ้านายไม่เคยกลับเร็วแบบนี้
“ใช่”
“ได้ครับ” ตนไม่ถามเยอะ เพราะกลัวเจ้านายหงุดหงิด ตอบรับคำสั่งแล้วเดินออกไปเตรียมรถ
“อื้อ~ ระ…ร้อน” เธอเริ่มร้อนมากขึ้น จนอยากกระโดดลงน้ำ หรือถอดเสื้อผ้าที่สวมใส่ออกให้หมด คอแห้งอย่างรู้สึกกระหายน้ำ กลิ่นตัวหอมๆ ของคุณดีแลนด์ทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา
“ตัวของคุณดีแลนด์หอมจัง…” เธอแหงนหน้าขึ้นพูดกับเขา
ดีแลนด์หลับตาลงแล้วสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เมื่อกี้คะนิ้งยื่นหน้าเข้ามาใกล้ลำคอจนปลายจมูกรั้นสัมผัสโดนลูกกระเดือก
“ขอดมอีกได้ไหมคะ”
“อย่าทำตัวเป็นโรคจิตแถวนี้”
“ตัวคุณดีแลนด์หอม”
“ถ้ายังไม่หยุด ฉันจะส่งเธอคืนให้พวกมันสองคนเหมือนเดิม”
คะนิ้งพยายามควบคุมตัวเองให้ดี ไม่อยากโดนส่งกลับคืนให้ค่ายและคิงส์ ยาที่ออกฤทธิ์หนักมากขึ้น กำลังครอบงำทุกส่วนบนร่างกายของคะนิ้ง ทว่าหญิงสาวก็พยายามฝืนตัวเองเต็มที่