ความบังเอิญ

2335 Words
ความบังเอิญ “ดา ยกของว่างไปให้คุณดนย์ที่ออฟฟิศหน่อย เด็กๆ ไม่ว่างกันเลย” “คุณดนย์ เอ่อ...ใครเหรอคะ” “อ๋อ ตายจริงพี่ลืมบอก คุณดนย์ หรือชื่อเต็มๆ ว่าธีรดนย์เป็นเจ้าของที่นี่ ปกติเขาจะมากินของว่างตอนบ่ายๆ ที่คาเฟ่ แต่ช่วงนี้คงยุ่ง เลยไม่ได้แวะมา ดาเพิ่งมาทำงานเลยไม่มีโอกาสได้เจอน่ะ” “อ๋อค่ะ งั้นดายกของว่างไปให้คุณดนย์ที่ออฟฟิศนะคะ” ยอมรับว่าชื่อจริงเจ้าของรีสอร์ตทำให้เธอนึกถึงผู้ชายอีกคน เพราะมีชื่อตัว ‘ธี’ นำหน้าเหมือนกัน และเหมือนอีกคนหนึ่งที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของเธอด้วย “จ้า พี่เตรียมไว้ให้แล้ว ที่หน้าเคาน์เตอร์นะจ๊ะ” “ค่ะ” ดาริณ ซึ่งสวมชุดกันเปื้อนและผ้าคลุมผม ยกถาดของว่างที่เป็นชามะนาวกับเค้กกล้วยฝีมือเธอ ตรงไปยังส่วนของออฟฟิศ ซึ่งอยู่ห่างจากคาเฟ่ไม่มากนัก เมื่อเข้ามาด้านในเธอก็ถามพนักงานต้อนรับว่าห้องทำงานคุณดนย์อยู่ตรงไหน “ชั้นสอง ขวามือ ริมสุดค่ะ” “ขอบคุณค่ะ” เมื่อเดินมาหยุดหน้าห้องก็ประคองถาดด้วยมือเดียว ก่อนเคาะประตูบานเลื่อนเบาๆ “เข้ามาเลย” เสียงตอบรับนั้นสั้นๆ ห้วนๆ แต่น้ำเสียงก็ชวนฟัง เพราะมีกังวานทุ้ม ดาริณเลื่อนประตูกระจกเข้าไป มองเห็นผู้ชายตัวสูง รูปร่างดีกำลังยืนอยู่ข้างหน้าต่าง มองออกไปด้านนอกกระจก “ของว่างจากคาเฟ่ค่ะ” เธอเอ่ยขึ้นหลังจากวางยกเครื่องดื่มและจานเค้กกล้วยหอมบนโต๊ะหน้าโซฟาเรียบร้อยแล้ว เจ้าของร่างสูงหันหน้ามาทางเธอ พร้อมส่งยิ้มบาง ดาริณรู้สึกตาพร่าไปชั่วขณะ เพราะใบหน้าของเขามีส่วนละม้ายใครบางคน ไม่เพียงแค่ชื่อเท่านั้น “หน้าผมมีอะไรติดอยู่เหรอครับ” เสียงทุ้มติดจะเย้าหยอก เพราะเขายิ้มล้อเลียนด้วย ทำให้ดาริณรู้สึกตัว หญิงสาวจึงยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม ยอมรับว่าอีกฝ่ายนอกจากรูปร่าง บุคลิกดี หน้าตาก็หล่อแล้ว ดูเป็นกันเองอีกต่างหาก ทำให้เธอรู้สึกไม่เกร็งที่จะพูดคุยกับเขา “เป็นพนักงานใหม่เหรอ ไม่เคยเห็นหน้าเลย” เขาเดินมานั่งบนโซฟาหน้าโต๊ะที่เธอเพิ่งวางของว่างลง “ค่ะ ดิฉันชื่อดาริณ เพิ่งทำงานที่คาเฟ่ได้ห้าวันแล้วค่ะ อยู่แผนกเบเกอรี่ค่ะ” “งั้นเมนูนี้ที่คุณแพรเชียร์ให้ผมทาน ฝีมือเด็กใหม่อย่างคุณใช่หรือเปล่า” “ค่ะ” ตอบรับด้วยรอยยิ้ม “เห็นว่าแขกหลายคนติดใจ” “แต่ก็ไม่รู้ว่าจะถูกปากคุณธีรดนย์หรือเปล่า” “เอ่อ เรียกผม คุณดนย์ก็ได้ครับ แต่ขนมเนี้ย ไม่ถูกปากผมไม่เป็นไรหรอกนะ ขอแค่ถูกปากแขกในร้าน ผมก็พอใจแล้ว” เขาตอบแล้วหัวเราะเบาๆ “งั้นดิฉันขอตัวนะคะ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ เธอจึงเดินถือถาดกลับไปยังคาเฟ่ ธีรดนย์ตักเค้กกล้วยหอมเข้าปาก กลืนลงคอแล้วก็ยอมรับว่าสมราคาคุยของแพรไหม หวานน้อยแต่อร่อยมาก กล้วยกับช็อกโกแลตชิพได้รสชาติกลมกล่อม แถมคนทำก็...สวย น่ารักดี กิริยาท่าทางก็ดูเรียบร้อย อ่อนหวาน ซึ่งบุคลิกแบบนี้หาได้ยากกับสมัยนี้จะปราดเปรียว ปรูดปราด ยิ่งเก่ง ฉลาด ยิ่งหาความอ่อนหวานไม่เจอ เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นขัดจังหวะห้วงคิด ยกหน้าจอมาดู ก็เห็นว่าเป็นผู้หญิงอีกคนที่แตกต่างจากผู้หญิงเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็เป็นคนที่เขาคบหามานานหลายปี และวางแผนจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันเร็วๆ นี้ “ครับ” [ตกลงพี่ดนย์จะกลับทันวันเกิดหนิงไหมคะ] “ก็ต้องทันสิ วันมะรืนพี่ก็กลับแล้วไง ตอนนี้พี่กำลังเคลียร์งานอยู่ไง” [เดือนที่แล้วก็บอกว่ากำลังเคลียร์ ป่านนี้ยังไม่เสร็จอีกหรือไง!] “ครั้งนี้เคลียร์จบแน่นอน เพราะอีกไม่กี่วันไอ้ธีก็มาดูแลที่นี่เองแล้ว” [ค่ะ งั้นหนิงรอนะคะ] “ครับ ที่รัก” เมื่อปลายสายวางไปแล้ว เขาก็หันมากินของว่างต่อกระทั่งหมดเกลี้ยง ถนนในตัวเมืองช่วงเย็นของวันสุดสัปดาห์ รถก็ติดไม่ต่างจากกรุงเทพฯ ชายหนุ่มเอื้อมไปเปิดเพลงเบาๆ ขณะรอรถเคลื่อน จากนั้นก็มองถนนหนทางไปเพลินๆ กระทั่งสายตาเหลือบไปเห็นหญิงสาว ที่แม้ว่าจะเจอเพียงครั้งเดียว แต่ก็เพิ่งเจอเมื่อบ่ายนี่เอง เธอกำลังจูงมือเด็กชายคนหนึ่งที่ยังอยู่ในชุดโรงเรียนอนุบาล เดินไปตามฟุตบาต กระทั่งไปหยุดที่ป้ายรถประจำทาง เมื่อรถข้างหน้าเคลื่อนไปได้ ธีรดนย์จึงขับไปจอดหน้าป้ายรถประจำทางทันที แล้วเลื่อนกระจกลง “ไปไหนครับ” เขาทักทาย พร้อมกับพุ่งสายตามองไปยังเด็กชายที่กำลังจ้องเขาเป๋ง แววตามีความสงสัย นั่นทำให้เขาเกือบช็อก นอกจากความเป็นเด็กจะทำให้เขาสนใจแล้ว ทว่าหน้าตาเด็กคนนี้เหมือนคนในครอบครัวของเขา ตั้งแต่พ่อยันไอ้น้องชายต่างแม่ เพราะสองคนนั่นเหมือนกันมาก ยิ่งเอาภาพสมัยยังเด็กมาเทียบเคียงเหมือนราวกับแฝด และถ้าเอาเด็กคนนี้ไปรวมด้วย ก็แฝดสามดีๆ นี่เอง แต่ในโลกนี้เขาเคยเห็นคนหน้าเหมือน หรือคล้าย ทั้งที่ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด ในกรณีก็คงจะเหมือนกัน เพราะพ่อของเขา หลังจากแม่ของธีธัสหนีไปก็ไม่เคยมีผู้หญิงคนใหม่อีกเลย ส่วนเจ้าน้องชายต่างแม่ ตั้งแต่รู้จักกันมาก็ไม่เคยเห็นคบหาใครจริงจัง แล้วเด็กคนนี้เป็นอะไรกับดาริณ... เพราะเธอน่าจะอายุแค่ยี่สิบกว่าๆ เท่านั้น ทำให้เขาสนใจดาริณมากยิ่งกว่าเดิม นอกเหนือจากหน้าตาบุคลิกที่น่ารักอ่อนหวานของเธอ ยอมรับว่าอีกฝ่ายมีบางอย่างคล้ายกับแฟนคนแรกสมัยมัยธมปลายของเขา “คุณดนย์ คือเอ่อ...กำลังจะกลับที่พักค่ะ” “ขึ้นรถเลยครับ ผมไปส่ง” เขาพูดพร้อมปลดล็อกประตู “เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ ที่พักอยู่ใกล้แค่นี้เอง” “ขึ้นมาเถอะ พอดีผมมีเรื่องอยากคุยด้วย” “ค่ะ” ดาริณรับคำ เพราะเขาเป็นระดับเจ้านาย จะขัดคำสั่งแล้วโต้เถียงอยู่ริมถนนคงไม่เหมาะ หญิงสาวเปิดประตูแล้วพยุงลูกชายขึ้นไปนั่งบนรถก่อน แล้วเธอก็ตามขึ้นไปนั่งแล้วปิดประตู ก่อนจะเอ่ยกับลูกชาย “น้องดรีมครับ นี่คุณดนย์เป็นเจ้านายของแม่” ถ้อยคำที่ดาริณพูดกับเจ้าตัวเล็ก ก็ทำให้ธีรดนย์กระจ่างในทันที ว่าเด็กชายเป็นลูกของเธอนั่นเอง แสดงว่าแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะเด็กชายน่าจะอายุห้าหรือหกขวบ “หวัดดีคับ เจ้านายของแม่” พูดพร้อมกับยกมือป้อมๆ ขึ้นไหว้ ธีรดนย์ยกมือรับไหว้ แล้วเอ่ยทักทายตอบ “หวัดดีครับน้องดรีม เรียนอยู่ชั้นอนุบาลไหนแล้วครับ” ธีรดนย์ชวนคุย ขณะรถเลื่อนไปบนท้องถนน เพื่อตรงไปยังร้านอาหารที่เขานึกอยากกินข้าวเย็นนอกรีสอร์ต เพราะสามทุ่มเขามีนัดกับเพื่อนคนหนึ่งที่เพิ่งเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ที่บ้านพักตากอากาศของอีกฝ่าย “น้องดรีมอยู่อนุบาลสามคับ” “งั้นก็อายุห้าหรือหกขวบแล้วสิ” “น้องดรีมอายุห้าขวบกว่าๆ แล้ว” ดาริณเป็นคนตอบ “หน้าตาหล่อมากเลยนะ” พูดออกไปแล้วก็เหมือนชมพ่อกับน้องชายตัวเอง เพราะสองคนนั่นหน้าตาเหมือนน้องดรีม มากกว่า ส่วนเขามีส่วนผสมระหว่างพ่อกับแม่ที่ชัดเจน ส่วนธีธัสแทบไม่มีอะไรเหมือนแม่ตัวเองเลย ทุกอย่างคือพ่อหมด “คุยไปด้วย และกินมื้อค่ำเป็นเพื่อนผมด้วยแล้วกัน” ธีรดนย์บอก เมื่อเคลื่อนรถเข้ามาในร้านอาหาร ดาริณยอมรับว่าลุ้นระทึกกับเรื่องที่อีกฝ่ายบอกว่าจะคุยด้วย เธอกังวลว่าการทำงานที่เพิ่งเริ่มต้นได้เพียงสัปดาห์เดียวนั้น ไม่ประทับใจผู้บริหารหรือเปล่า กระทั่งเข้ามานั่งในร้านอาหาร อีกฝ่ายก็ยื่นเมนูให้เธอ “ตามสบายเลยนะครับไม่ต้องเกรงใจ น้องดรีมอยากกินอะไรบอกคุณแม่ได้เลยนะครับ” ท้ายประโยคนั้นเขาหันมาบอกกับเด็กชาย “ดรีมอยากกินไก่ทอดคับ” เจ้าตัวบอก แล้วหันไปทางคุณแม่ เพราะเมนูนี้แม่จะให้กินไม่บ่อยนัก แม่บอกว่าของทอดไม่ดีต่อสุขภาพ กินได้ แต่นานๆ ครั้ง ดาริณสั่งเมนูโปรดของลูกชาย และสำหรับตัวเองอีกหนึ่งเมนู ส่วนธีรดนย์ก็สั่งอีกสองเมนูเช่นกัน ขณะรออาหารธีรดนย์ก็ชวนคุย “เด็กอนุบาลปกติจะเลิกเร็วไม่ใช่เหรอครับ” “ค่ะ เลิกสองโมงครึ่ง แต่ดาเลิกงานห้าโมงเย็น ก็เลิกฝากครูพี่เลี้ยงดูแลค่ะ” “แล้วเสาร์ อาทิตย์ล่ะ” เพราะพนักงานคาเฟ่ต์นั้น มีวันหยุดสัปดาห์ละหนึ่งวัน แต่ห้ามหยุดเสาร์อาทิตย์ ถ้าไม่จำเป็น เพราะวันหยุดมีลูกค้าเข้าร้านมากกว่าวันปกติ “ดาฝากลูกไว้ที่ศูนย์รับดูแลเด็กค่ะ” “ถ้าน้องดรีมไม่ซนจนทำร้านพัง พาไปด้วยก็ได้ อีกอย่างที่ รีสอร์ตก็มีสนามเด็กเล่น น้องดรีมน่าจะชอบนะ” เมื่อได้ฟังคำพูดหญิงสาว ธีรดนย์ค่อนข้างมั่นใจว่าสามีของเธอ ไม่ได้อยู่ด้วยกัน หรือเธออาจเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว “ขอบคุณคุณดนย์มากๆ ค่ะที่เมตตา แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ น้องดรีมอยู่ที่ศูนย์ดูแลเด็กได้” ดาริณรู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่งว่าเรื่องที่เขาจะคุยกับเธอคงไม่ใช่เรื่องที่กังวลก่อนหน้านั้น “ดรีมอยากไปคับ” ลูกชายกลับโพล่งออกมาดื้อๆ ทำให้ธีรดนย์ยิ้มอย่างถูกใจ “งั้น วันหยุดก็พาน้องดรีมไปเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ แต่น้อง ดรีมห้ามซนในร้านรู้ไหมครับ” ธีรดนย์หันไปพูดกับเด็กชาย ที่ตอนแรกมองเขาอย่างสงสัย และเหมือนเกรงๆ พอตอนนี้เริ่มยิ้มบ้างแล้ว ให้ตายสิ ยิ้มแล้วยิ่งเหมือนไอ้น้องชายของเขาไปอีก เห็นหน้าครั้งแรกก็ถูกชะตา พอมาเห็นรอยยิ้มเขาก็รู้สึกเอ็นดูทันที ปกติก็ไม่ได้รักเด็ก ไม่เคยคลุกคลีกับเด็กคนไหนมาก่อน เพราะฉะนั้นตอนที่คนรักของเขา บอกว่าไม่อยากมีลูก แม้จะต้องแต่งงานกันในวันหนึ่ง เขาก็ตอบตกลงทันที เพราะไม่คิดอยากมีลูกเช่นกัน ทว่าตอนนี้เริ่มลังเลแล้ว ธีธัสอยากจะถามดาริณว่าพ่อเด็กเป็นใคร อยู่ที่ไหน อย่างไร แต่รู้ว่าเป็นการเสียมารยาท เพราะเขาก็เพิ่งรู้จักกับเธอแค่วันเดียวเอง “เอ่อ ไม่ทราบว่าคุณดนย์มีเรื่องจะคุยอะไรกับดิฉันหรือเปล่าคะ” เธอร้อนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่ามันมีอะไรเกี่ยวกับการทำงานหรือเปล่า “อ๋อ...คือ อยากถามว่าคุณดาอยากทำงานตำแหน่งอื่นใน รีสอร์ตไหมครับ” จริงๆ แล้วเขาก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรจะคุยกับเธอ เพียงแต่ตอนนั้นยกมาเป็นข้ออ้างเพื่อให้เธอขึ้นรถมากับเขาเท่านั้น “ไม่มีค่ะ ดา เออ ดิฉันอยากทำงานในคาเฟ่ ชอบอบขนมมากกว่า” “อือ โอเคครับ แต่ถ้าวันไหนอยากลองทำตำแหน่งอื่นก็บอกได้นะครับ” “ขอบคุณมากค่ะ” ดาริณยกมือไหว้ชายหนุ่ม “ไม่เป็นไร แต่ขออย่างนะครับ” “อะไรเหรอคะ” “คุณดา แทนตัวเองว่าดาเฉยๆ ก็ได้ คำว่าดิฉัน มันดูสูงวัยไปนะ” จริงๆ แล้วมันดูไม่เป็นกันเองมากกว่า “ได้ค่ะ” ดาริณตอบรับด้วยสีหน้าโล่งอก จากนั้นอาหารที่สั่งไปก็เริ่มทยอยมาเสิร์ฟ ธีรดนย์ชวนคุยกับเธอและลูกชายอย่างเป็นกันเอง จนเจ้าตัวเล็กไว้ใจเขา พูดคุยอย่างไม่เกร็ง แถมยังบอกให้น้องดรีมเรียกเขาว่า ‘ลุงดนย์’ “น้องดรีมชื่อจริงว่าอะไรเหรอครับ” “ชื่อเด็กชายธีรดา แสงสีมาคับ แล้วลุงดนย์ล่ะคับ” “โห ชื่อจริงเรา คล้ายกันนะ เพราะชื่อจริงลุงคือ ธีรดนย์ อรุณกรครับผม” “ธีรดนย์ อู้ว คล้ายธีรดาคับ” เด็กชายพูด ดวงตี่ๆ นั้น ขยายกว้างขึ้นมาทันที “บังเอิญจังนะครับ” ประโยคนั้นเขาหันไปพูดกับดาริณ ซึ่งหญิงสาวก็ได้แต่ยิ้มรับ เพราะจะบอกว่าเธอตั้งชื่อลูกชายให้ตัวอักษรแรกและคำตรงกับชื่อพ่อของลูก แต่ก็ไม่มีเหตุจำเป็นต้องบอกขนาดนั้น ดาริณไม่รู้ว่าธีรดนย์จะคุยกับเด็กเก่งขนาดนี้ คุยยาวไปถึงของเล่นต่างๆ การ์ตูนที่ชอบ และเล่นกีฬาที่เล่น เธอเองก็ฟังเพลิน กระทั่งกินอิ่ม “อ๋อ ผมลืมบอก มะรืนนี้ผมจะกลับแล้วกรุงเทพฯ และจะมีน้องชายมาดูแลรีสอร์ตต่อนะครับ” อีกฝ่ายบอก เมื่อมาส่งเธอกับลูกชายหน้าหอพัก สองหนุ่มต่างวัยก็โบกมือให้กัน พร้อมสัญญาว่าหากกันอีกครั้งจะไปเล่นเตะบอลด้วยกัน จากนั้นธีดนย์ก็เคลื่อนรถออกไป ดาริณเลยไม่รู้รายละเอียดกับน้องชายธีรดนย์ที่จะมาดูแล รีสอร์ตต่อจากเขา แต่ภาวนาให้เป็นคนใจดี มีเมตตาเหมือนธีรดนย์ แต่ไม่ว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นอย่างไร พนักงานอบขนมในคาเฟ่อย่างเธอ คงไม่ได้ข้องเกี่ยวกับคนระดับเจ้าของรีสอร์ตอยู่แล้ว เพราะเธอไม่ได้ทำงานในส่วนของออฟฟิศเสียหน่อย เกี่ยวข้องมากสุดก็แค่...อาจจะได้ยกของว่างไปบริการ ในวันที่พนักงานเสิร์ฟวุ่นกับการต้อนรับลูกค้าในร้านเท่านั้น ...................
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD