หมออิฐ

1259 Words
“วันนี้ทำสถิติตรวจคนไข้หมดภายในเที่ยงวันเลยค่ะหมออิฐ” พยาบาลสาววัยสี่สิบโผล่หน้าเข้ามาในห้องตรวจ หมอหนุ่มกำลังพิมพ์รายงานอยู่พยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย แต่ไม่อาจกลบความเหนื่อยล้าได้ “ข้าวกล่องมาส่งแล้ว หมออิฐจะกินพร้อมพวกเราไหมคะ” พยาบาลคนเดิมยังเอ่ยถามด้วยความเคยชิน “ถ้าไม่รบกวนพี่แวว ผมขอนั่งกินข้าวด้วยแล้วกันครับ ตอนบ่ายต้องขึ้นราวน์วอร์ด” “อ้าว ไม่ใช่เวรหมอก้อยหรือคะ” “แลกกันครับ พอดีหมอก้อยมีธุระ พาลูกไปทำอะไรสักอย่างนี่แหละ ผมลืมไปแล้ว” เขาหัวเราะในลำคอ เป็นคนโสดนี่นะ ใครๆ ก็มองว่าว่างตลอด อิทธิพลรัวนิ้วจิ้มคีย์บอร์ดสรุปเคสผู้ป่วยเสร็จก็ปิดคอมพิวเตอร์ เขายืดตัวแล้วบิดเอวไปมา จริงๆ เขาเกรงใจพยาบาลอยู่บ้าง แรกทีเดียวเพราะพยาบาลสั่งข้าวกล่องมากินในแผนก ช่วงนั้นโควิด-19ระบาดหนัก โรงอาหารของโรงพบาบาลปิดปรับปรุง เขาเองก็ไม่อยากออกไปหาซื้อของกินเอง เหล่าพยาบาลใจดีถามเขาเผื่อสั่งข้าวกล่องมากินด้วยกัน เขาจึงฝากด้วย กินได้สองสามมื้อก็ติดใจรสชาติอาหารร้านนี้ เขาจึงฝากสั่งเป็นประจำ จนช่วงหนึ่งเขาไปเป็นประจำอยู่โรงพยาบาลสนาม จึงไม่ได้กินอาหารร้านนี้อีก แต่เมื่อกลับทำงานปกติ โรงอาหารเปิดแล้ว แต่เขายังติดใจรสชาติอาหารนั้นอยู่ พอดีกับที่พยาบาลที่นี่มักจะถามเขาเสมอหากวันไหนที่สั่งอาหารที่ร้านนี้ “ของหมออิฐข้าวผัดปูค่ะ” พยาบาลสาวยื่นจานข้าวให้ “คราวหน้าใส่กล่องให้ผมก็ได้ครับ ไม่ต้องใส่จานหรอก ผมเกรงใจ” “เกรงใจอะไรกันค่ะ หมออิฐก็เลี้ยงพวกเราบ่อยๆ แค่นี้เรื่องเล็กน้อยค่ะ” พยาบาลอีกคนพูดขึ้นแล้วเลื่อนถ้วยน้ำซุปส่งให้ และขวดน้ำเสาวรส หมอหนุ่มเงยหน้าใช้สายตาแทนคำถาม จำได้ว่าของเขามีแค่ข้าวผัดปูนี่นะ แต่เหล่าพยาบาลพากันหัวเราะคิกคักก่อนเฉลยให้เขารู้ “ร้านที่หมออิฐสั่งข้าวกล่องเป็นประจำ แม่ค้าแถมน้ำซุปกับน้ำผลไม้มาให้ค่ะ พวกพี่ๆเลยได้อานิสงส์กันคนละขวด” ชายหนุ่มพยักหน้ารับแต่ก็อดถามไม่ได้ “เขาจะไม่ขาดทุนแย่เหรอครับ” “หมออิฐก็สั่งบ่อยๆ สิคะ แม่ค้าจะได้ไม่ขาดทุน” พยาบาลสาวหัวเราะน้อยๆ “แต่ร้านอื่นก็ไม่ถูกปากหมออิฐนี่น่า” “เอ...ผมไม่ใช่คนกินยากขนาดนั้นเสียหน่อย” เขาหัวเราะแก้เก้อแล้วก้มหน้ากินมื้อกลางวันของตน เขามั่นใจว่าตัวเองไม่ใช่คนเรื่องมากจริงๆ ข้าวกล่องก็ยังกินได้ ไม่ใช่ว่าต้องไปนั่งกินในร้านอาหารเสียหน่อย “ค่ะๆ หมออิฐเป็นคนกินง่ายค่ะ” คนที่นิยามตัวเองว่า ‘กินง่าย’ ไม่รู้ตัวว่าตัวเอง ‘กินยาก’ในสายตาคนอื่น แม้เจ้าตัวจะไม่แสดงออกว่า ‘ชอบ’หรือ ‘ไม่ชอบ’ อาหารมื้อนั้น แต่คนที่ทำงานด้วยกันมักสังเกตเห็น ช่วงที่ที่ไปอยู่โรงพยาบาลสนาม อาหารการกินเลือกมากไม่ได้ นอกจากอาหารกล่องที่เจ้าหน้าที่เตรียมให้ ก็มีคนใจบุญนำข้าวกล่องของกินมามอบให้ด้วย เขาต้องแอบซื้อขนมปังสารพัดไส้กับนมกล่องไว้กินอยู่บ่อยๆ พอได้กลับมาทำงานที่เดิม เจอร้านอาหารที่ทำกับข้าวถูกปาก เขาก็แทบไม่เคยเปลี่ยนร้านอื่นอีกเลย นายแพทย์หนุ่มคิดอะไรเรื่อยเปื่อย กินมื้อเที่ยงเสร็จแล้วก็นึกขึ้นได้ เอ่ยถามกับพยาบาลที่สนิทสนมกัน “พี่แววครับ ร้านที่สั่งข้าวประจำนี้พี่สั่งที่ไหนครับ เขามีขายในแอปหรือเปล่า” “ร้านนี้อยู่ใกล้โรงพยาบาลเราค่ะ” พยาบาลสาวพูดขึ้นแล้วเอี้ยวตัวไปหยิบกระดาษขนาดครึ่งA4 ที่มีรายการอาหารส่งให้คุณหมอ “ช่วงโควิดทางรัฐไม่ให้นั่งกินอาหารที่ร้าน ทางร้านก็เลยปรับมาเป็นแบบเดลิเวอรี่ แต่พวกเราไม่ได้สั่งผ่านแอปหรอกค่ะ โทรสั่งกับเจ้าของร้านแล้วน้องก็ขับรถมาส่งให้เอง ทำแบบนี้ร้านได้เต็มๆไม่หักเปอร์เซ็นต์ให้ทางแอปด้วย ถ้าหมออิฐอยากกินอะไรเป็นพิเศษก็สั่งได้นะคะ” “ขอบคุณครับ” มือใหญ่ยื่นมือไปรับกระดาษแผ่นนั้นมา เป็นรายการอาหารง่ายๆ แต่มีรูปประกอบเป็นลายเส้นน่ารักจนเผลอยิ้มออก นอกจากรายการอาหารก็ยังมีชื่อร้านและช่องทางติดต่อ คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย ที่อยู่ร้านคุ้นๆ ไม่ไกลโรงพยาบาลและใกล้คอนโดที่เขาพักอยู่ในตอนนี้ เขาอาจได้ใช้บริการมากกว่ามื้อเที่ยง “หมออิฐวางจานไว้ตรงนั้นแหละค่ะ เดี๋ยวพวกเราจัดการเอง” “จะดีเหรอครับ” เขาถามอย่างเกรงใจ “แหม หมออิฐเลี้ยงขนม เลี้ยงข้าวพวกเราบ่อยๆ แค่นี้เล็กน้อยค่ะ หมอไปพักเถอะค่ะ ประเดี๋ยวก็ต้องทำงานแล้ว” “ขอบคุณครับ” เขายิ้มแล้วเดินออกมาพร้อมเป้สะพายหลัง ตั้งใจเดินกลับไปที่ห้องพัก ก่อนหน้านี้ไปประจำที่โรงพยาบาลต่างจังหวัด เพิ่งย้ายกลับมาทำงานที่โรงพยาบาลเดิม ส่วนหนึ่งคือตามใจพ่อกับแม่ที่อยากให้เขาอยู่ใกล้ๆ ด้วย แม้มีบ้านอยู่ใจกลางกรุงแต่เขายังพาตัวเองไปอยู่คอนโดที่ซื้อไว้เองอยู่ดี “อายุขนาดนี้แล้ว ยังหาเมียไม่ได้อีกเรอะ” นั้นเป็นเสียงบ่นของพ่อที่ทำให้ไม่อยากอยู่บ้านนัก ใครล่ะไม่อยากมีเมีย มีครอบครัว แต่ก็ไม่รู้ทำไม คนที่คิดว่าใช่ แต่ก็ไม่ใช่ทุกที “พี่เอ็งสองคนมีเมียมีลูกกันแล้ว เอ็งยังจะหวงความโสดไว้ทำไม จะอยู่คนเดียวไปจนตายหรือไง” “ก็ว่าจะอยู่เกาะพ่อเกาะแม่ไปจนตายเหมือนกันครับ” จำได้ว่าเขาย้อนพ่อไปแบบนั้น “บ๊ะ! ไอ้ลูกคนนี้ จะทำให้พ่อแม่เป็นห่วงไปถึงไหน” “ผมสามสิบกว่าแล้วนะพ่อ เรียนจบมีงานทำแล้ว แค่ยังหาเมียไม่ได้แค่นั้นเอง แล้วเดี๋ยวนี้ใครเขามาคิดเรื่องพวกนี้กันเล่า” “เอาน่าๆ พ่อลูกคู่นี้ก็คุยกันดีๆ ไม่เป็นหรือไง” แม่ออกโรงห้ามทัพก่อนที่พ่อลูกจะปะทะฝีปากกันมากไปกว่านี้ “พ่อกับแม่ก็แค่เป็นห่วง แต่ถ้าแกอยากอยู่คนเดียวไปทั้งชีวิตก็เตรียมวางแผนซื้อประกันชีวิตหรือดูบ้านพักคนชราไว้ก็ดีนะลูกนะ” คราวนี้เขาถึงกับหน้าหน้ายู่ อายุแค่สามสิบสี่ให้วางแผนใช้ชีวิตที่บ้านพักคนชรา แต่พ่อกลับหัวเราะพรืดออกมาแล้วพยักหน้าเห็นด้วยกับแม่ บ้านนี้มีลูกชายสามคน พี่ชายสองคนแต่งงานแยกกันไปสร้างครอบครัวของตัวเอง ส่วนเขาที่ยังโสดแต่ไม่อยากอยู่บ้านเดียวกับพ่อแม่ ย่องไปซื้อคอนโดไว้ซุกหัวนอน แต่ก็กลับบ้านทุกเดือน เช่นเดียวกับพี่ชายทั้งสองที่แวะเวียนพาลูกมาเยี่ยมคุณปู่คุณย่าบ่อยๆ แต่พอกลับไปแล้วบ้านก็เงียบ ตอนนี้พ่อที่เกษียณตัวเองมาปลูกต้นไม้เล็กๆ น้อยๆ ขายเป็นงานอดิเรกจึงว่างมาเทศนาสั่งสอนเกมบังคับให้เขาแต่งงานเสียที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD