เช้าวันรุ่งขึ้น ซินตื่นขึ้นมาและอาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกไปทำงาน วันนี้เธอมีบินไปปักกิ่งและบินกลับกรุงเทพเลย ซึ่งเป็นไฟลท์ที่ใช้เวลาติดต่อกันค่อนข้างนาน และลูกเรือในวันนี้มีเชส เพื่อนสนิทของเธอบินไปด้วย
“ลูกสาว แม่เตรียมอาหารไว้ให้แล้วนะคะ หนูจะกินข้าวเช้าก่อนออกไปด้วยมั้ยลูก” คุณนิเอ่ยถามเมื่อเห็นลูกสาวเดินลากกระเป๋าประจำตัวออกมาจากห้อง
“ไม่ดีกว่าค่ะแม่ เดี๋ยวไม่ทัน ซินยังเรียกรถไม่ได้เลย ว่าจะลงไปรอแท็กซี่อีกทาง ซินไปก่อนนะคะแม่ วันนี้บินปักกิ่ง กลับมาน่าจะดึกมากแม่ไม่ต้องรอซินนะคะ ซินบินพร้อมเชส เดี๋ยวเชสมันมาส่ง” ซินเดินเข้าไปหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่ แล้วรีบออกจากห้องเพื่อลงมาหารถไปสนามบิน
ติ๊ง!!...ประตูลิฟท์ของคอนโดเปิดออกในชั้นที่ซินพักอยู่ คนในลิฟท์และคนด้านนอกที่เงยหน้าขึ้นมองอีกคนพร้อมกัน ต่างฝ่ายต่างมีอาการสะดุ้งตกใจเล็กน้อย ก่อนที่คนด้านในลิฟท์จะขยับหลบไปด้านข้างเพื่อให้ซินก้าวเข้าไปยืนในลิฟท์ด้วยอีกคน
อาการตกใจของซินเกิดขึ้นเพราะไม่คิดว่าจะมีคนอยู่ในลิฟท์ด้วย แต่อาการตกใจของคนที่ยืนอยู่ในลิฟท์ก่อนแล้วอย่างเตนั้นมีหลากหลายความรู้สึก อย่างแรกเค้าไม่คิดว่าโลกจะกลมถึงขนาดที่เค้าและเธอจะพักอยู่คอนโดเดียวกัน อย่างที่สองเค้าไม่คิดว่าจะบังเอิญได้เจอเธออีก เตอยู่คอนโดนี้มาตั้งกี่ปี แต่กลับไม่เคยเจอกับเธอเลย และสุดท้ายสิ่งที่เพื่อนกรอกหูเมื่อวานมันวนกลับมาในหัวของเตแทบจะในทันทีที่เตเห็นหน้าเธอ
“เชส มึงออกจากบ้านรึยัง” ซินกดโทรหาเพื่อนทันทีที่ประตูลิฟท์เปิด โดยมีเตเดินตามหลังออกมาติด ๆ
‘ยังมึงตื่นสายนิดหน่อย กำลังแต่งตัว มีอะไร’ เชสตะโกนตอบ เพราะกำลังแต่งตัวไปด้วย
“โอ๊ย ช้ากว่ากูไปอีก กูเรียกรถไม่ได้เลย นี่ลงมารอแท็กซี่ข้างล่างแล้ว แต่ถ้ามึงยังแต่งตัวอยู่ กว่ากูจะรอมึงมารับแม่งจะยิ่งช้าไปอีกเนี่ย” ซินบ่น
‘ไอ้ซิน กูบอกแล้วให้มึงขับรถ รอกูไปรับมั้ย ไฟลท์เดียวกันยังไงก็ต้องไปพร้อมกัน กูไม่สายหรอก’ เชสตอบ
“ไม่!! กูต้องไปเตรียมบรีฟกับกัปตัน ถ้ารอมึงไฟลท์ดีเลย์กันพอดี แค่นี้นะ กูรอแท็กซี่ก็ได้” ซินตัดสายเพื่อนไป ก่อนจะใช้ความพยายามกดเรียกรถในมือถือต่อ พร้อมกับมองหาแท็กซี่วางไปด้วยอีกทาง
เตยิ้มมองตามหลังซินที่ก้มหน้าก้มตาอยู่กับโทรศัพท์ในมือ ก่อนจะเดินแยกไปทางที่จอดรถ เพื่อขับรถออกไปทำงาน แต่เมื่อวนรถออกมาด้านหน้าคอนโดแล้วยังเห็นซินยืนรอรถอยู่ เตจึงตัดสินใจจอดรถตรงหน้าซินพร้อมทั้งลดกระจกลง
“เรียกรถจากตรงนี้ไปสนามบินในเวลานี้ ค่อนข้างยากนะครับ ขึ้นรถเถอะเดี๋ยวพี่ไปส่ง” สิ่งที่เตทำในตอนนี้ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเพื่อนทั้งสองคนคงจะพากันแซวไปอีกนาน แต่เค้าแค่อยากช่วยคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเท่านั้น ซินยืนขมวดคิ้วมองเตที่อยู่ในรถ พยายามคิดว่าเธอรู้จักคนตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่
“คิดนานจะสายกว่านี้นะครับน้องซิน เดี๋ยวไฟลท์ดีเลย์นะครับ” เตยิ้มถามย้ำไปอีกครั้ง
“เอ่อ...พี่เป็นใครคะ รู้จักซินได้ยังไง” ซินถามออกไป
“ขึ้นรถก่อนมั้ย เดี๋ยวพี่แนะนำตัวระหว่างทาง” ซินมองการจราจรด้านนอก แล้วก้มลงมองหน้าจอที่ยังคงรอการตอบรับของรถที่เธอเรียกไป ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูรถด้านหลังเพื่อยกกระเป๋าขึ้นไปเก็บ แล้วขึ้นมานั่งในรถด้านข้างคนขับ
“พี่ชื่อเตครับ” เตเริ่มแนะนำตัว เมื่อพารถออกมาสู่การจราจรด้านนอกเรียบร้อย “พี่เคยเจอน้องซินถ้านับวันนี้ก็ครั้งที่ 3 แล้ว”
“ทำไมซินไม่คุ้นหน้าพี่ ถ้าเราเคยเจอกันจนพี่รู้จักชื่อซิน ซินต้องคุ้นหน้าพี่บ้างสิ” ซินถามต่อ
“สองครั้งแรกพี่เจอน้องซินที่ร้านกาแฟแถวลาดพร้าว ครั้งแรกน้องซินมากับเพื่อนชื่อเชส มาตามดูไอ้เกื้อกับผู้หญิงอีกคน ส่วนครั้งที่สองพี่เจอวันที่น้องซินบอกเลิกไอ้เกื้อมัน ซึ่งก็คือเมื่อวานนี้” เตอธิบาย
“พี่เป็นเพื่อนพี่เกื้อหรอคะ” ซินถามอีกครั้ง
“เรียกว่าอดีตเพื่อนสนิทดีกว่าครับ พี่เลิกนับมันเป็นเพื่อนมาตั้งแต่ปี 1 แล้ว” ซินพยักหน้าทำความเข้าใจ
“เท่ากับว่าเราไม่ได้รู้จักกัน” เตหัวเราะเมื่อได้ยินซินพูดแบบนั้น
“จะเรียกแบบนั้นก็ได้นะ แต่ตอนนี้เราก็รู้จักกันแล้ว ถูกมั้ยครับ” เตถามต่อ
“รู้แค่ว่าพี่ชื่อเต และซินชื่อซิน เป็นอดีตแฟนของอดีตเพื่อนสนิทพี่ แค่นี้พี่ก็กล้าจอดรถรับซินมาส่งแล้วเนี่ยนะคะ” ซินถามย้ำ
“แต่น้องซินก็กล้าขึ้นรถมากับพี่เหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วน้องซินไม่ได้รู้จักพี่เลยนะครับ” เตหัวเราะ
“อ่าว...ซินรีบค่ะ อะไรที่ทำให้ซินไปถึงสนามบินทันตอนนี้ ซินไปหมดแหละ ซินจะคิดว่าพี่เป็นแกร๊บแล้วกันนะคะ เดี๋ยวจ่ายค่ารถให้” เตเพิ่มเสียงหัวเราะดังขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินซินตอบ
“ไม่ต้องหรอกครับ พี่แค่เห็นว่าน้องซินรีบและตัวพี่ก็ไม่ได้รีบอะไรขนาดนั้น เลยอาสาไปส่ง พี่ไม่คิดเงินหรอกครับ” เตตอบ
ครืด...ครืด...เสียงสั่นจากสายเรียกเข้าโทรศัพท์ของซิน ดังแทรกบทสนทนาของทั้งสองคนขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าของเชส ซินจึงรีบกดรับสายทันที
‘ไอ้ซิน ได้รถยัง กูกำลังจะออกจากบ้าน ถ้ายังไม่ได้รถเดี๋ยวจะแวะไปรับ นี่กูรีบมากนะแม่ทำกับข้าวไว้ให้ยังไม่ได้แตะเลย แต่งตัวยังไม่เรียบร้อยเลยเนี่ย’ เชสถามพร้อมบ่นออกมาให้เพื่อนฟัง
“กูขึ้นรถมาแล้ว มึงรีบออกมาได้แล้ว ถ้ามึงเลทกูจะให้ลูกเรือคนอื่นขึ้นบินแทนคอยดู” ซินขู่เพื่อน
‘ไม่ต้องมาขู่กู แล้วขึ้นแท็กซี่หรอไม่เห็นส่งทะเบียนมา หรือเรียกแกร๊บได้’ เชสถามอีกครั้ง เพราะทุกครั้งที่ซินนั่งแท็กซี่ จะถูกกำชับจากเชสให้ส่งทะเบียนรถให้ตลอด เพราะเค้าเป็นห่วงความปลอดภัยของเพื่อนสาว
“เปล่า เดี๋ยวกูค่อยเล่าได้มั้ย มึงรีบออกมาซะที” ซินเลี่ยงที่จะตอบเพื่อนตอนนี้
‘ไม่ได้!! กูขึ้นรถมาแล้วคุยได้ ตกลงมึงไปยังไง ไม่ใช่ไอ้พี่เกื้อตามไปง้อนะ เอ๊ะหรือใช่วะ มึงมากับพี่มันหรอ’ เชสเริ่มซักไซ้ถาม
“โอ๊ย…ตามมาง้อกูก็ไม่เอาแล้วป่ะ ไม่ใช่รถพี่เกื้อ” ซินตอบ
‘ต้องให้กูเค้นมั้ยไอ้ซิน ตกลงมึงมากับใคร’ เชสถามเสียงเข้มเมื่อไม่ได้คำตอบที่ต้องการ
“พี่เค้าชื่อเต และไม่ต้องถามอะไรมากกว่านี้ เพราะถึงมึงถามกูก็ตอบไม่ได้ กูเพิ่งรู้จักชื่อเค้าเมื่อกี้นี้เอง” ซินหันมองหน้าเจ้าของชื่อที่หลุดขำออกมาเมื่อได้ยินสิ่งที่ซินตอบเพื่อน
‘ไอ้ซิน!!’ ซินยกโทรศัพท์ออกจากหูเมื่อเชสตะโกนเสียงดังลั่นผ่านโทรศัพท์มา ‘มึงขึ้นรถไปกับคนที่ไม่รู้จักเนี่ยนะ ขนาดแท็กซี่กูยังให้มึงส่งทะเบียนให้ทุกครั้ง แต่มึงกล้าขึ้นรถไปกับใครก็ไม่รู้ แท็กซี่ก็ไม่ใช่ด้วยเนี่ยนะ กูให้แม่มึงฟาดดีมั้ย ห๊ะ!!’ เชสตะโกนด่าจนเตได้ยินชัดทุกประโยค
“ไอ้เชส!! ได้ยินกันทั้งรถแล้วเนี่ย เอาเป็นว่าพี่เค้ารู้จักกู และเค้าไม่ได้พากูไปทำอะไรแบบที่มึงคิดหรอก เพราะตอนนี้กูอยู่ใกล้สนามบินแล้ว เลิกด่ากูแล้วรีบขับรถมา แค่นี้นะ” ซินตัดสายเพื่อนไปทันที
“เพื่อนดุนะครับ” เตหัวเราะถาม “อันนี้คงไม่ใช่เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อเนอะ ห่วงกันขนาดนี้”
“ไอ้เชสมันเป็นเกย์ค่ะ มันไม่ได้พิศวาสซินแน่นอน เราสนิทกันมาตั้งแต่มัธยมแล้ว” ซินตอบ
“อ่อ...ว่าแต่ ทำไมไม่ขับรถมาเองครับ หรือว่าหาที่จอดยาก” เตชวนคุย
“ซินขับรถไม่เป็นค่ะ แล้วก็ไม่ชอบขับรถด้วย” เตเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
“ขับเครื่องบินให้คนเป็นร้อย ๆ นั่ง แต่ขับรถไม่เป็นเนี่ยนะครับ ขับรถมันน่าจะง่ายกว่าด้วยซ้ำ” เตถามกลับ
“บนฟ้าเครื่องบินไม่ติดนะคะพี่เต ไม่เหมือนรถติดทุกที่ที่ไปเลย อีกอย่างขับเครื่องบินซินไม่ต้องกลัวจะขับไปเฉี่ยวใครเหมือนขับรถ แถมยังต้องเดี๋ยวเร่งเดี๋ยวเบรก ขับเครื่องบินง่ายกว่าเยอะค่ะ” ซินเถียง
“โอเคครับ ง่ายกว่าก็ง่ายกว่า 555” เตหัวเราะขำ “เดี๋ยวให้พี่จอดส่งตรงไหนดี” เตถามเมื่อเลี้ยวเข้ามาด้านในสนามบินเรียบร้อย
“พี่วนส่งด้านหน้าเลยก็ได้ค่ะ จะได้วนออกได้เลย” เตพยักหน้ารับ ก่อนจะขยับมาจอดเทียบด้านหน้าตรงจุดรับส่งผู้โดยสารให้ซินลง “ตกลงไม่คิดค่ารถจริง ๆ หรอคะ” ซินหันมาถามอีกครั้ง
“ไม่คิดครับ น้องซินรีบไปทำงานเถอะ ขับเครื่องบินดีดีนะครับ” เตและซินหัวเราะออกมาพร้อมกัน
“ขับรถกลับดีดีเช่นกันค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่มาส่ง” ซินโบกมือลา แล้วลากกระเป๋าเดินเข้าไปในตัวอาคาร หลังจากเตเห็นว่าซินเดินเข้าไปด้านในเรียบร้อยแล้ว เค้าก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมข้อความส่งทิ้งไว้ให้เพื่อน ๆ ก่อนจะขับรถตรงไปที่ทำงานต่อทันที
Line Friendsss
เต : เดี๋ยวจะหาว่ากูไม่บอก กูเจอน้องซินว่ะ
เตทิ้งข้อความไว้ โดยไม่สนใจเสียงไลน์ที่เด้งแจ้งเตือนขึ้นมารัว ๆ หลังจากเค้าส่งข้อความนั้นไปเรียบร้อย ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคงเป็นแชทของนน ที่ส่งข้อความมาซักไซ้ถามรายละเอียด เตจึงปล่อยให้เพื่อนแสดงความอยากรู้ต่อไปอย่างเต็มที่ ส่วนตัวเองก็ขับรถต่ออย่างสบายใจ
หลังจากซินบรีฟรายละเอียดงานทั้งหมดของไฟลท์นี้กับกัปตันเสร็จเรียบร้อย ทั้งนักบินและลูกเรือก็แยกย้ายไปเตรียมตัวเพื่อจะเดินทางไปเตรียมความพร้อมบนเครื่องต่อ
“ไอ้ซิน ตกลงพี่เตนี่เป็นใคร แล้วเค้ารู้จักมึงได้ยังไง ไปไงมาไงถึงมาส่งได้ เล่ามาให้หมดเลยนะ” เชสเดินเข้ามาถามซินเมื่อเห็นว่ามีเวลาอีกเล็กน้อยก่อนลูกเรือจะเดินทางไปเตรียมพร้อมที่เครื่อง
“พี่เค้าบอกว่าเป็นอดีตเพื่อนสนิทพี่เกื้อ ที่เลิกนับพี่เกื้อเป็นเพื่อนตั้งแต่ปี 1 และบังเอิญไปเจอพวกเราที่ร้านสองครั้ง ครั้งแรกคือตอนที่กูไปกับมึง อีกครั้งคือเมื่อวานที่กูบอกเลิกไอ้พี่เกื้อ และวันนี้คือพี่เค้าอยู่คอนโดเดียวกับกู เห็นกูรีบและเรียกรถไม่ได้ เลยอาสามาส่ง” ซินเล่าให้เพื่อนฟังแบบสรุป
“จีบมึงชัวร์” เชสสรุปทันทีที่ซินเล่าจบ
“โอ้โห...มึงสรุปง่ายไปไอ้เชส แค่อาสามาส่งครั้งเดียวมึงสรุปว่าเค้าจีบกูเลย” ซินหัวเราะถาม
“ความรู้สึกกูมันบอก เรื่องบังเอิญเยอะไป ตั้งแต่เค้าเป็นเพื่อนไอ้พี่เกื้อ ยันบังเอิญมาเจอมึงสองครั้งแถมมีประเด็นกับไอ้พี่เกื้อทั้งสองครั้ง และสุดท้ายดันโผล่มาอยู่คอนโดเดียวกันอีก บังเอิญจนเหมือนเป็นเนื้อคู่กันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน” เชสอธิบาย
“แล้วอะไรในประโยคเมื่อกี้ของมึง คือเหตุผลที่สรุปว่าเค้าจีบกู” ซินถาม
“ความรู้สึกไง แค่นั้นเลย แล้วพี่เค้าหล่อมะ เทียบกับไอ้พี่เกื้อนี่ใครหล่อกว่ากันวะ” เชสถามต่อ
“หล่อ หล่อกว่าเยอะ หล่อแบบพี่เกื้อเทียบไม่ติดอ่ะ” ซินยิ้มตอบ
“ไอ้ซิน!! กูจะฟ้องแม่มึง ชมผู้ชายออกนอกหน้า เค้ามาส่งวันเดียวชมเค้าไม่ขาดปากเลยนะมึง” เชสเบะปากมองหน้าซิน
“เอ้า!! ก็มึงถามเอง กูก็ตอบตามความจริง ผิดตรงไหนวะ” ซินตอบพร้อมเดินหนีเชสไปเตรียมตัวทำงานต่อ
ทางด้านของเต หลังจากฝ่าสภาพการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่นมากกว่าปกติมานานนับชั่วโมง ในที่สุดเตก็เดินทางมาถึงบริษัท และทันทีที่ได้รับรายงานจากเลขาหน้าห้อง เตก็ระเบิดเสียงหัวเราะเดินเข้าห้องไปทันที
“ประโยคเดียวของกูทำให้พวกมึงวิ่งแจ้นกันมาขนาดนี้เลยหรอวะ” เตเปิดประตูเข้าไปทักสองเพื่อนซี้ที่นั่งไขว่ห้างรออยู่ในห้องทำงาน “ไอ้นนนี่กูไม่แปลกใจนะ แต่มึงเนี่ยมาได้ยังไงครับไอ้ก้าว งานการไม่ทำรึไง”
“วันนี้กูว่าง ไม่มีประชุม พอเห็นประโยคนั้นพร้อมกับการที่มึงหายไปโดยไม่ตอบข้อความพวกกูอีกเลย มันยิ่งทำให้กูอยากรู้ สุดท้ายก็ขับรถมาถึงนี่แล้ว แต่ก็ยังช้ากว่ามัน” ก้าวตอบพลางชี้นิ้วไปทางนน
“นั่งแล้วเล่ามาเดี๋ยวนี้ ไปเจอกันที่ไหนอีก ร้านเดิมหรอ แล้วทำไมมึงเพิ่งมาถึงบริษัท มึงควรมาถึงก่อนพวกกูด้วยซ้ำ ตอบคำถามมาให้หมด” นนเริ่มยิงคำถามใส่เต
“เอาคำถามไหนก่อนดี” เตนั่งยิ้มสบายอารมแต่กลับไม่ยอมตอบอะไรออกมาซักคำ
“มึงไล่มาเลยตั้งแต่มึงตื่นอ่ะ เร็ว ๆ ไอ้สัส อย่าลีลา” ก้าวเร่ง
“กูเจอน้องซินในลิฟท์ที่คอนโด” / “เชี่ย!!” / “เนื้อคู่!!” หลังจากประโยคแรกหลุดออกจากปากเต ก้าวและนนก็ตะโกนกลับมาทันที
“พวกมึงหนิ เบา ๆ ดิวะ จะแหกปากกันเพื่อ!!” เตเอ่ยเตือนเพื่อน
“มึง!! อยู่คอนโดเดียวกันเลยนะเว้ย มึงอยู่ที่นั่นมาตั้งนาน เคยเจอกันรึเปล่า อยู่ดีดีแม่งเจอกันในลิฟท์ ไม่น่าตกใจได้ไงวะ” ก้าวถามกลับ
“แล้วไง เจอกันแล้วไงต่อ มึงได้ทักทายน้องมั้ย กูบอกแล้วว่าเจอกันอีกรอบให้จีบเลย เนื้อคู่ชัด ๆ ได้จีบมั้ยเพื่อน” นนยิงคำถามต่อ
“ก็เจอกันในลิฟท์ ไม่ได้คุยอะไร พอลงมาถึงข้างล่างน้องก็โทรศัพท์หาเพื่อนเลย” เตเล่าต่อ
“แค่นี้??” ก้าวถาม “มึงทำให้เพื่อนผิดหวังมากไอ้เต กูถ่อมาจากบริษัทเพื่อมาฟังเรื่องสั้น ๆ แค่นี้หรอวะ” เตหัวเราะก้าวที่ทำหน้าเหมือนผิดหวังกับตัวเค้าอย่างหนัก ส่วนนนก็ได้นั่งอ้าปากค้างมองหน้าเต
“เสียเวลากินข้าวกับครอบครัว” นนทิ้งตัวพิงโซฟา “มึงคิดดูนะไอ้ก้าว พ่อกับแม่กูกำลังนั่งรอกูกินข้าวเช้า พอกูเห็นข้อความไอ้เตปุ๊บ กูวิ่งลงไปบอกพ่อกับแม่ว่า ไปหาไอ้เตก่อนนะเพื่อนเจอเนื้อคู่ แล้วมึงดูสิ่งที่มันทำ” เตปล่อยเสียงหัวเราะลั่นเมื่อได้ฟังนนเล่า
“กลับมั้ย?” เตถาม ก้าวและนนมองหน้าเตอีกครั้ง ก่อนจะพากันลุกออกจากโซฟาเดินตรงไปที่ประตูห้องทำงานของเต “มันก็ไม่มีอะไรจริง ๆ กูก็แค่เห็นน้องรีบไปบิน แต่เรียกรถไม่ได้ เลยอาสาไปส่งน้องที่สนามบินมา แค่นั้นเอง” ก้าวและนนพุ่งตัวกลับเข้ามานั่งจ้องหน้าเตอีกครั้งทันที
“ไอ้สัส!! เรื่องสำคัญเสือกไม่เล่า” เตหัวเราะพร้อมเอนตัวหลบฝ่ามือของก้าว
“เพื่อนเตไม่เคยทำกูผิดหวังจริง ๆ น้องยอมไปกับมึงได้ยังไง เลิกกั๊กแล้วเล่ามาให้หมด” นนชี้หน้าเค้นถามต่อ เตจึงเล่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่เจอกันในลิฟท์ให้เพื่อนทั้งสองฟังอย่างละเอียด
“เอาจริง ๆ นะ จีบเลยเถอะถ้ามึงจะอาสาไปส่งน้องขนาดนี้” ก้าวเอ่ยยิ้ม ๆ
“จะไปจีบยังไง กูไม่ได้ขอช่องทางการติดต่อไว้ซักอย่างเลย จริง ๆ เมื่อเช้ากูก็แค่เห็นว่าน้องรีบ เลยอาสาไปส่งแค่นั้นเอง ไม่มีอะไรเลยจริง ๆ” เตตอบ
“ถุย!! แค่เห็นสายตามึงตอนเล่ากูก็รู้แล้วไอ้เต แมน ๆ ตอบกูมา มึงชอบน้องใช่มั้ย” นนถาม
“ชอบ” เตยิ้มตอบสั้น ๆ แต่น้ำเสียงหนักแน่น
“ชอบเพราะพวกกูยุหรือชอบน้องจริง ๆ วะ สิ่งที่พวกกูพูดก็แค่ความรู้สึก ถ้ามึงไม่ชอบก็อย่าไหลตาม มันไม่ดีกับใครเลยซักคน ทั้งมึงทั้งน้อง” ก้าวถามอีกครั้ง
“ก็ชอบแหละ ไม่ได้เกี่ยวกับที่พวกมึงยุหรอก หน้าตาดึงดูด เก่ง และไม่โลเล” เตตอบ
“หึ...หน้าตากับความเก่งนี่ แพ้คำว่าไม่โลเลไปเลยนะ” ก้าวหัวเราะ ส่วนเตก็ได้แต่ยิ้มตอบกลับมา
“ไม่ต้องห่วงมึง กูเชื่อว่ามึงจะได้เจอน้องอีก ถ้ารอบหน้ามึงปล่อยน้องไปโดยไม่ขอช่องทางติดต่อไว้ มึงมายืนให้กูด่าว่าโง่เลย 3 วัน” นนเอ่ยขึ้น
“อ่าว ไอ้สัสนี่หาเรื่องด่ากูแล้วไง” เตหัวเราะ “เอาจริง ๆ นะมึง กูไม่รู้ว่าจะได้เจออีกมั้ย มึงคิดตามนะ กูกับน้องอยู่คอนโดเดียวกันแต่ไม่เคยเจอกันเลย แม้แต่เฉียด ๆ ก็ไม่มี กูมั่นใจเลยว่า ถ้าเฉียด ๆ มากูก็ต้องจำได้ แล้วจะมีโอกาสได้เจออีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”
“เอาน่ามึง มึงกับน้องเนี่ย มีแรงดึงดูดบางอย่าง และกูเชื่อว่าสุดท้ายก็ต้องถูกดูดให้มาเจอกันอีกครั้งอยู่ดี แค่อย่าโง่ให้น้องหลุดไปอีกก็พอ” ก้าวย้ำ
“เอ๊ะ!! พวกมึงนี่ด่ากูกันเก่งจังวะ ทีตอนมึงยังมองดูน้องรักคนอื่นอยู่ได้เลย มึงก็ไม่ต่างจากกูหรอก” เตย้อน
“แต่พอมีโอกาสแล้วกูรุกว่ะ ไม่ได้ปล่อยโอกาสให้ลอยไปต่อหน้าต่อตา ไม่งั้นกูจะได้น้องมาหรอ” ก้าวตอบ
“เถียงอะไรกันไม่เกรงใจคนโสด กูไปสนามดีกว่า ไม่อยากสนใจคนมีเมียเค้าแลกเปลี่ยนความคิดกับคนที่กำลังจะมีเมียหรอก” นนเบะปากประชดประชันเพื่อน
“ลาก่อนเพื่อนรัก วันนี้กูกลับไปนอนบ้านนะครับเพื่อน เจอกันอีกทีวันจันทร์” เตโบกมือไล่นน
“รั้งสิ พวกมึงต้องรั้งกูสิ” นนหันมามองหน้าเพื่อนทั้งสองคนอีกครั้ง
“รั้งทำเชี่ยไร ไปได้แล้วกูก็จะไปทำงานแล้วเนี่ย ปล่อยไอ้เตมันทำงานไป” ก้าวลุกขึ้นไปกอดคอนนไว้ “ไปแล้วนะมึง ถ้าเจออีก อัพเดทพวกกูด้วย ห้ามมีความลับ” เตพยักหน้าตอบ