แค่ฉันลองคิดดูก็รู้สึกผิดแล้ว
ฉันก็คงไม่กล้าจะทำแล้ว
เมื่อฉันนึกภาพเธอกำลังนั่งเสียใจ
แค่เท่านี้น้ำตาก็เอ่อล้น
มันเจ็บแทบทนไม่ไหว
อยากจะรู้เธอทำได้ยังไง
ถ้าเป็นฉันนั้นคงทำมันไม่ได้
**(เพลง แค่คิดก็ผิด – Chilling Sunday)**
เพลงคุ้นหูที่เธอเปิดฟังแทบทุกวันในช่วงนี้ ถูกเปิดคลอเบา ๆ ผ่านหูฟังระหว่างทางกลับคอนโด ‘ซิน’ นั่งเหม่อมองภาพบรรยากาศของกรุงเทพฯ ในยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงสีสว่างสดใสด้านนอกหน้าต่างรถ ซึ่งต่างจากความรู้สึกขุ่นมัวในหัวใจกับเรื่องที่เธอกำลังทำใจยอมรับมันในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
เสียงเพลงหยุดลง และถูกแทรกด้วยสายเรียกเข้าของเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอแทน ซินกดรับโทรศัพท์แต่ไม่ได้ส่งเสียงตอบรับอะไรออกไป เธอทำเพียงแค่รอให้อีกฝ่ายพูดธุระออกมาก่อนเท่านั้น
‘ซิน มึงแลนด์แล้วใช่มั้ย อยู่ไหนแล้วเนี่ย’ คำถามจากเชส เพื่อนสนิทของซินดังมาจากปลายสาย
“แลนด์แล้วดิไม่งั้นมึงจะโทรติดหรอ ตอนนี้อยู่บนแท็กซี่แล้ว” ซินตอบคำถามกลับไป
‘กูมีไฟลท์ญี่ปุ่นรอบเตียงนะ (เที่ยวบินที่แลนด์แล้ว นับไปอีก 24 ชั่วโมงก็จะบินกลับ) มึงรู้มั้ยว่าใครเป็นนักบินผู้ช่วยไฟลท์นี้’ เชสถามกลับมา
“พี่เกื้อล่ะสิ” ซินยิ้มมุมปากตอบคำถามเพื่อนสนิทกลับไป “ไม่ต้องถามต่อกูก็รู้ แอร์ฯ ที่บินพร้อมกันก็คงเป็นมินิ” ซินพูดต่อก่อนที่เชสจะเอ่ยถามกลับมาอีกครั้ง
‘มึงเดาเก่งหรือรู้เรื่องนี้อยู่แล้ววะ’ เชสถามเพื่อนต่อด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกชัดเจนถึงความเป็นห่วง
“กูไม่ได้ถามพี่เกื้อหรอก ว่าบินไปไหนวันไหน แค่มึงถามกูมา กูก็รู้แล้วว่าพี่เกื้อบิน ส่วนอีกคนมันก็เหมือนจะเป็นเรื่องปกติไปแล้วป่ะ ขนาดควิกเทิร์น (เที่ยวบินที่บินไปแล้วบินกลับทันที) แม่งยังแลกไปเลย” ซินตอบ
‘มึงพูดเหมือนชัวร์แล้วเรื่องสองคนนี้’ เชสถามออกมาอีกครั้ง
“ไม่รู้ว่ะ มึงอยากรู้ก็ลองสังเกตดูดิ แต่ถ้ากูเจอจัง ๆ กับตาเมื่อไหร่ก็คือจบ” ซินตอบเพื่อนกลับไป
‘เข้มแข็งให้ได้อย่างที่พูด เดี๋ยวกูกลับมาแล้วจะโทรหา กลับไปนอนพักผ่อนเยอะ ๆ นะมึง ช่วงนี้มึงบินถี่ไปแล้ว ถ้าไม่ติดว่าชั่วโมงบินเกินกำหนด มึงก็คงไม่หยุด’ เชสบ่น
“เออ...รู้แล้ว บ่นพอ ๆ กับแม่กูเลยมึงเนี่ย เซฟไฟลท์นะมึง กูหยุดสองวัน กลับมาค่อยเจอกัน” ซินวางสายเพื่อนเมื่อบอกลากันเสร็จเรียบร้อย
ซินกับเชสสนิทกันมาตั้งแต่เรียนมัธยม หลังจากเรียนจบมัธยมปลาย ทั้งสองคนเลือกเรียนต่อที่มหาลัยเดียวกันเพียงแต่คนละคณะเท่านั้น เนื่องจากต่างคนต่างก็มุ่งเป้าไปที่เป้าหมายในอาชีพที่แต่ละคนตั้งเป้าไว้อย่างชัดเจนตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนมัธยม แม้จะเรียนคนละคณะ แต่ทั้งคู่ก็ยังคงติดต่อกันอยู่เสมอ
สำหรับเชส เค้ามีความฝันตั้งแต่เล็กว่าอยากจะเป็นสจ๊วตทำงานบนเครื่องบิน แม้คนภายนอกจะมองว่าผู้ชายกับสายอาชีพนี้ดูไม่เหมาะกันเท่าไหร่นัก แต่นั่นไม่ใช่ในความคิดของเชสและครอบครัว ทุกคนที่ใกล้ชิดกับเชสรู้ดีว่า แม้ร่างกายภายนอกจะเป็นชาย และจิตใจก็ยังไม่ถึงกับอยากเป็นหญิง แล้วตัวเค้าเองก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงเช่นกัน ครอบครัวของเชสทุกคนรับเรื่องนี้ได้ และมันก็ทำให้เชสสามารถเดินหน้าทำตามฝันได้อย่างเต็มที่ โดยมีครอบครัวเป็นแรงสนับสนุนที่ดีมาโดยตลอด
ส่วนซิน แม้จะเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างดี มีความสูงพอดีเกณฑ์มาตรฐาน 160 เซนติเมตร และหน้าตาที่สวยคมค่อนข้างโดดเด่น เหมาะที่จะเป็นแอร์โฮสเตสได้ แต่กลับมีความฝันที่จะเป็นนักบินมาตั้งแต่เด็ก แม้ในตอนแรกแม่ของซินปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าไม่ยอมให้เธอเรียนเป็นนักบินแน่ ๆ แต่ด้วยความตั้งใจและเหตุผลที่เธอมี ทำให้แม่ของเธอยอมใจอ่อนและคอยสนับสนุนอยู่ข้าง ๆ เธอมาตลอด
ซินทุ่มเทกับการเรียนอย่างหนักตั้งแต่มัธยม เธอเลือกเรียนในมหาลัยและคณะที่เปิดสอนเพื่อเป็นนักบินโดยเฉพาะ และเลือกสอบเพื่อไปเรียนการบินที่ประเทศแคนาดาตอนปี 3 จนได้ License ของประเทศแคนาดา และกลับมา Convert License ที่ไทยเพื่อให้ได้ License ของประเทศไทย และทำงานในสายการบินของประเทศไทยได้
หลังจากเรียนจบปริญญาตรี พร้อมกับมีใบอนุญาตนักบินพาณิชย์ตรีในมือ ซินก็ยื่นใบสมัครงานแทบทุกสายการบินที่เปิดรับนักบินหญิง เธอใช้ความสามารถและทักษะทั้งหมดที่มีอย่างเต็มที่ จนสามารถผ่านการสอบเข้าทำงานในสายการบินที่ทำอยู่ทุกวันนี้ได้เป็นที่แรก
นอกจากเธอจะเริ่มทำงานเป็นนักบินตั้งแต่อายุ 21 แล้ว ในตอนนี้เธอยังเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในกลุ่มคนสายอาชีพเดียวกัน เพราะเธอเป็นนักบินหญิงที่ได้รับการเลื่อนระดับจากนักบินผู้ช่วยระดับจูเนียร์ เป็นนักบินผู้ช่วยระดับซีเนียร์ หรือที่เรียกกันว่านักบินผู้ช่วยอาวุโส ที่มีอายุน้อยที่สุด
ด้วยไหวพริบ ความรู้ และความมั่นใจในความรู้ที่มี ทำให้เธอสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและเฉียบขาดในเวลาปฏิบัติงาน เธอจึงได้รับความเชื่อมั่นจากกัปตันและกัปตันอาวุโสของสายการบินทุกคนที่ทำงานร่วมกับเธอเป็นอย่างดี จนทุกคนลงความเห็นเป็นเอกฉันท์พิจารณาให้เธอสามารถเลื่อนระดับได้
แม้เส้นทางในสายอาชีพที่เธอฝันจะดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่สิ่งหนึ่งที่ซินยังคงขาดประสบการณ์อยู่มาก นั่นก็คือประสบการณ์ในเรื่องของความรัก ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอทุ่มเทให้กับการเรียนมาโดยตลอด ทำให้เธอไม่เคยมองหรือสนใจผู้ชายคนไหนเป็นพิเศษ
จนกระทั่งเมื่อสองปีก่อน ซินบังเอิญได้เจอกับ ‘เกื้อ’ นักบินหนุ่มรุ่นพี่ที่อายุมากกว่าเธอ 2 ปี แต่เพิ่งเข้ามาทำงานเป็นนักบินผู้ช่วยของสายการบินนี้ได้ไม่นาน
เกื้อประทับใจในตัวซินอย่างมากและเดินหน้าจีบซินอย่างหนัก เค้าสืบจนรู้ตารางบินของซินแทบทุกไฟลท์ และนั่นทำให้เกื้อคอยอาสาตามรับตามส่งซินอยู่ตลอด ไม่มีใครในสายการบินไม่รู้ว่าเกื้อกำลังจีบซิน ในขณะที่ซินก็มีเชสเพื่อนสนิท ที่ทำงานเป็นสจ๊วตอยู่ที่สายการบินเดียวกัน คอยจับตาดูเกื้อให้อีกทาง จนในที่สุดเมื่อปีก่อน ซินก็ตอบตกลงยอมคบกับเกื้อหลังจากที่โดนตามตื้อมาเกือบปี
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ราบรื่นด้วยดีมาตลอด แม้ซินจะไม่ได้เป็นผู้หญิงที่ออดอ้อนออเซาะเอาใจผู้ชายเก่ง แต่ก็ดูจะไม่เป็นปัญหาสำหรับเกื้อเลยแม้แต่น้อย ตลอดเวลาที่คบกัน ซินไม่เคยงี่เง่าหรือเรียกร้องอะไรในตอนที่เกื้อบอกว่าไม่ว่างมาหา เพราะซินรู้ดีว่าอาชีพนักบินไม่เคยมีเวลาเป็นปกติเหมือนอาชีพอื่น ๆ
แต่เธอก็ไม่คิดว่า การที่เธอไม่งี่เง่า ไม่เรียกร้อง และไม่ตาม จะทำให้อีกคนเอาเวลาที่ควรจะมีให้กันไปแบ่งให้กับแอร์โฮสเตสสาวที่เข้ามาทำงานใหม่เมื่อไม่กี่เดือนก่อน
แรก ๆ เธอตั้งคำถามกับภาพของเพื่อน ๆ ในสายการบิน ที่มองมาที่เธอด้วยสายตาของความสงสาร บางคนเหมือนจะอยากเข้ามาพูดอะไรกับเธอแต่ก็ไม่กล้า จนในที่สุดเพื่อนสนิทอย่างเชสก็เล่าเรื่องที่สงสัยให้ฟัง
มินิแอร์โฮสเตสสาวน้องใหม่ ที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่กี่เดือนนั้น มีทีท่าว่าจะสนใจในตัวนักบินหนุ่มเนื้อหอมอย่างเกื้อเป็นพิเศษ จนถึงขั้นขอแลกไฟลท์บินตามเกื้อไปแทบทุกไฟลท์ที่สามารถแลกได้
แอร์โฮสเตสรุ่นพี่บางคนที่สนิทกับเชส เคยเข้าไปเตือนมินิแล้วว่าเกื้อกำลังคบอยู่กับซิน แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้สนใจกับคำเตือนนั้นเลย เธอยิ้มกลับมาเหมือนนั่นเป็นเพียงคำบอกเล่าเท่านั้น เมื่อเห็นว่าเตือนไม่ได้ จึงไม่มีใครคิดที่จะยุ่ง แต่ก็มีหลาย ๆ คนที่ไม่ยอมแลกไฟลท์ให้ เพราะรู้เหตุผลของการแลกไฟลท์ของมินิดี
ที่ผ่านมาซินและเชสทำได้เพียงแค่สังเกตและจับตาดู แต่นอกจากทั้งคู่บินพร้อมกันบ่อย ๆ แล้ว ก็ไม่เคยเห็นกับตาว่าทั้งสองคนเดินควงกันไปไหนต่อไหน เกื้อระวังตัวอย่างดี และไม่เคยแสดงท่าทีสนอกสนใจมินิต่อหน้าคนอื่น ๆ แม้แต่น้อย แต่พวกเธอก็ไม่รู้ว่าลับหลังที่เธอและเชสไม่เห็น มันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
บางทีไฟลท์ญี่ปุ่นรอบนี้ เชสอาจจะได้เจอเรื่องดีดีกลับมาบ้างก็ได้ ซินทำใจกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นไว้แล้ว เธอไม่ได้ผูกพันกับเกื้อมากถึงขนาดที่จะเลิกกันไม่ได้ หรือร้องไห้ฟูมฟายเมื่อต้องเลิกกัน ถ้าถามว่าเสียใจมั้ย เธอก็คงตอบได้ทันทีว่าเสียใจและผิดหวัง แต่ซินคิดเพียงแค่ว่า ระหว่างคนสองคนถ้าไม่รักกันก็จบ แต่อย่าคบกันแล้วทำให้เธอเป็นคนโง่แบบนี้ ถ้าวันไหนที่เธอมีหลักฐาน เธอก็พร้อมที่จะเดินออกมาทุกเมื่อ
ซินออกจากห้วงความคิดของตัวเอง เมื่อแท็กซี่หยุดรถที่หน้าคอนโดของเธอ หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อย ซินก็ลากกระเป๋าเดินเข้าไปด้านใน ก่อนจะมุ่งตรงไปที่ลิฟท์เพื่อขึ้นไปบนห้องทันที เพราะตอนนี้ร่างกายของเธอกำลังเรียกร้องการพักผ่อนหลังจากที่บินมาตลอดทั้งวัน
“กลับมาซะทีลูกสาว ทำไมหน้าตาอิดโรยแบบนั้นลูก” คุณนิ ชนิศา แม่ของซินเอ่ยทักลูกสาว
“เหนื่อยนิดหน่อยค่ะแม่ แต่พรุ่งนี้กับมะรืนได้พักสองวัน” ซินทิ้งตัวลงนอนหนุนตักคุณนิที่นั่งอยู่บนโซฟา
“ถ้าเหนื่อยหนูก็ต้องบินแบบพอประมาณ เค้าจัดตารางให้ก็บินตามตาราง แม่รู้ว่าหนูอยากเก็บชั่วโมงสอบเป็นกัปตัน แต่ไปแบบช้า ๆ แล้วไม่เหนื่อยมากมันดีกว่านะลูก” คุณนิลูบหัวลูกสาวเบา ๆ
“ค่ะแม่ ซินสัญญาว่าจะไม่หักโหม แม่กินข้าวแล้วใช่มั้ยคะ” คุณนิพยักหน้ายิ้มตอบ
“หนูหิวมั้ย มีผัดผักกับไก่อบอยู่ เดี๋ยวแม่ไปอุ่นให้” ซินส่ายหน้าตอบ
“ไม่หิวเลยค่ะ เดี๋ยวซินจะไปอาบน้ำ อยากนอนจะแย่แล้ว” ซินหันตัวมุดเข้าไปกอดแม่ไว้
“เหนื่อยก็ไปพักจ่ะ บินน้อย ๆ แล้วเอาเวลาไปหาลูกเขยให้แม่ดีกว่า ไม่เห็นพาแฟนมาแนะนำให้แม่รู้จักซักที” คุณนิเอ่ยถาม
“ไม่ต้องรู้จักหรอกค่ะ เร็ว ๆ นี้ก็น่าจะไม่ใช่แฟนแล้ว รู้จักไปก็เสียเวลาจำชื่อเปล่า ๆ” ซินเงยหน้ายิ้มตอบ
“เกิดอะไรขึ้น ตกลงที่เหนื่อยนี่ เหนื่อยเพราะบินหรือเหนื่อยเพราะเรื่องนี้คะ” คุณนิถามด้วยความตกใจ
“เหนื่อยเพราะงานค่ะ เรื่องนี้ซินไม่ได้เหนื่อยอะไรหรอก ถ้ามันไม่ใช่ก็จบซินทำใจไว้แล้ว มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่กลัว ก็แค่ผู้ชายที่ไม่รู้จักพอคนนึง เลิกไปก็ดีจะได้ไม่มาถ่วงเวลาชีวิต” ซินตอบ
“ลูกสาวแม่เย็นชาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ มีแฟนคนแรกก็เจอผู้ชายนอกใจ แบบนี้จะเข็ดจนไม่กล้ามีแฟนมั้ยเนี่ย” คุณนิลูบหัวลูกสาวเบา ๆ
“ซินไม่ได้ไขว่คว้าที่จะหาแฟนค่ะ ถ้าชีวิตซินจะมีคู่ ซักวันเค้าก็คงเข้ามาเอง ซินยังอายุไม่เยอะเลย มีเวลาเจอคนอีกเยอะ แต่ที่แน่ ๆ ไม่เอานักบินแล้ว” ซินหัวเราะตอบ จนคุณนิถึงกับต้องยิ้มตาม
“แม่ดีใจที่หนูไม่เสียใจให้ผู้ชายแบบนี้ คนแบบนี้ไม่คู่ควรกับลูกสาวแม่หรอก แต่ว่าทำไมหนูไม่เลิกไปเลยคะ จะรอเร็ว ๆ นี้ทำไม” คุณนิถาม
“มันเป็นแค่เรื่องที่ซินและเชสสงสัยค่ะ ยังไม่เคยเจอกับตาจัง ๆ ไม่มีหลักฐาน เลยยังบอกเลิกไม่ได้ ไว้จับได้จัง ๆ ก่อน ซินก็พร้อมจบทันที” ซินยิ้มตอบ
“เก่งจริง ๆ เลยลูกสาวแม่” คุณนิกอดซินไว้แน่น “ไปอาบน้ำพักผ่อนได้แล้วค่ะ เดี๋ยวแม่ก็จะเข้าห้องไปนอนแล้ว นอนพักเยอะ ๆ นะลูกสาว” คุณนิก้มลงไปหอมแก้มซิน ก่อนจะปล่อยให้ลูกสาวเข้าห้องไปพักผ่อน
ซินกับแม่พักอยู่ด้วยกันที่คอนโดสองคน ตอนที่ซินอายุได้ 3 ขวบ พ่อของซินประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต แม่ของซินเสียใจมาก หลังจากเดินทางไปรับศพเพื่อไปทำพิธีที่บ้านเกิดของพ่อที่ภูเก็ตจนเสร็จพิธีเรียบร้อย แม่ของซินก็กลับมาประกาศขายบ้านที่เคยอยู่ และพาเธอย้ายมาอยู่ที่คอนโดนี้ตั้งแต่นั้นมา
ตอนเด็ก ๆ ซินเคยถามแม่ว่า ทำไมเราถึงไม่อยู่บ้านที่มีสนามกว้าง ๆ ให้วิ่งเล่นได้เหมือนเดิม แต่แม่ก็เพียงแค่ถามกลับมาว่า ‘ซินไม่ชอบอยู่ที่นี่กับแม่หรอคะ’ และมันทำให้เธอเลิกถามคำถามนั้นอีก
จนเธอโตขึ้น แม่ของเธอถึงได้บอกเหตุผลที่ขายบ้านหลังนั้นและย้ายมาอยู่ที่นี่ให้ฟัง บ้านหลังนั้นเป็นบ้านของคุณยาย ที่ยกให้ลูกสาวคนเดียวอย่างแม่ได้เริ่มต้นชีวิตกับครอบครัว แม่เสียยายไปหลังจากแต่งงานได้ไม่นาน และพอซินอายุได้ 3 ขวบ แม่ก็มาเสียพ่อไปอีกคน แม่ไม่อยากอยู่บ้านที่มีแต่ความสูญเสียหลังนั้น เธอจึงตัดสินใจขายบ้านแล้วย้ายมาอยู่ที่คอนโดนี้แทน
เธอเลือกซื้อคอนโดที่มี 2 ห้องนอน และมีพื้นที่กว้างขวางพอให้ซินได้มีพื้นที่วิ่งเล่น แม้พื้นฐานทางด้านฐานะของครอบครัวแม่จะทำให้แม่พอมีสมบัติติดตัวอยู่บ้าง บวกกับเงินประกันชีวิตของพ่อที่ได้รับตอนพ่อเสีย และเงินที่ขายบ้านได้มา มันจะมากพอที่จะใช้ชีวิตที่เหลือได้อย่างสบาย แต่แม่ของเธอก็ไม่อยากอยู่บ้านหลังใหญ่ ๆ ที่ต้องเสียเงินจ้างคนดูแลทั้งในบ้านและในสวน เธอจึงเลือกใช้ชีวิตง่าย ๆ อยู่ในคอนโดแบบนี้แทน
คุณนิทุ่มเทเวลาทั้งหมดที่มีเลี้ยงดูลูกสาวคนเดียวมาอย่างดี เธอไปส่งซินที่โรงเรียนด้วยตัวเองทุกวัน และไปรับกลับบ้านด้วยตัวเองทุกครั้ง ไม่ว่าซินอยากเรียนพิเศษอะไร ก็จะมีแม่คอยไปรับไปส่งเสมอ แม้กระทั่งช่วงที่เธอไปเรียนการบินที่แคนาดา แม่ก็บินไปอยู่กับเธอที่นั่นด้วย ทำให้เธอและแม่สนิทกันมาก
แม้ว่าซินจะขับเครื่องบินเก่งแค่ไหนก็ตาม แต่สิ่งที่เธอไม่เคยทำและทำไม่ได้เลยคือการขับรถ ซินให้เหตุผลกับแม่ว่า เธอไม่สามารถขับรถฝ่าการจราจรในกรุงเทพฯ ที่รถติดจนบางครั้งแทบจะขยับไปไหนไม่ได้เลยแบบนี้ และอีกอย่าง บนท้องฟ้าเครื่องบินไม่ติดเหมือนบนถนน แม้จะเป็นเหตุผลที่ฟังดูไม่เข้ากันเท่าไหร่ แต่คุณนิเองก็ไม่ได้ติดปัญหาอะไรถ้าจะต้องขับรถให้ลูกสาวนั่ง
หลังจากที่เธอเข้าทำงานเป็นนักบินที่สายการบิน เธอก็ขอแม่เดินทางเอง โดยอาศัยการเรียกแท็กซี่หรือเรียกแกร๊บแทน เธอไม่อยากให้แม่ต้องมาตื่นไม่เป็นเวลาไปพร้อมกับเธอ หรือต้องขับรถไปวนรอเธออยู่ที่สนามบิน เพราะบางครั้งถ้ามีบินเช้า เธอต้องออกจากบ้านตั้งแต่ตีสามตีสี่ก็มี ถ้าไม่นับช่วงปีสองปีก่อนที่มีคนอาสาคอยมารับมาส่ง การใช้บริการรถสาธารณะก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ซินเคลียร์ของที่ต้องทิ้งออกจากกระเป๋า แล้วอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียง พร้อมกับวางโทรศัพท์ชาร์ตแบตไว้ที่โต๊ะหัวเตียง โดยไม่ได้สนใจที่จะส่งข้อความไปหานักบินอีกคน ที่ตอนนี้น่าจะกำลังเตรียมตัวบินไฟลท์ญี่ปุ่นอยู่กับแอร์ฯ คนสนิท
เธอปล่อยวางความคิดเรื่องของเกื้อออกจากสมอง และหลับตาลงเพื่อพักผ่อน ใช้เวลาไม่นานเธอก็หลับไปด้วยความเพลียและความเหนื่อยล้าจากการทำงาน