“ใส่ได้อยู่เบาะ” (ใส่ได้มั้ย)
ผมหันไปเอ่ยถามไอ้คาลที่มันเพิ่งเดินเช็ดหัวออกมาจากห้องน้ำ
ร่างสูงที่เดินออกมาทำเอาผมอดที่จ้องมองไม่ได้ ใบหน้าที่เปรอะเปื้อนถูกลบล้างออกจนเหลือเพียงใบหน้าหล่อเหลาดึงสายตาผมเป็นอย่างดีราวกับต้องมนต์สะกด
มันเป็นดาราบ่วะ คึหล่อตายแม่มันแท้ (มันเป็นดาราหรือเปล่าวะ ทำไมหล่อขนาดนี้)
“ใส่ได้ พอดีตัวเลย”
มันว่าพร้อมกับขยับกางแขนให้ดูขนาดเสื้อผ้าเก่าของผม ถึงมันจะสีซีดไปหน่อยแต่ก็พอใส่ได้อยู่
“ใส่ไปก่อน มื่ออื่นจังสิไปหาซื่อให่ดอก” (ใส่ไปก่อนพรุ่งนี้จะซื้อให้ใหม่)
มันพยักหน้าหงึกหงักรับรู้ก่อนจะเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ
“มื่อนี่มึงนอนตะลางก่อน มื่ออื่นกูสิไปยืมเตียงกับเจ้ดาวให่” (วันนี้มึงนอนข้างล่างก่อน พรุ่งนี้กูจะไปยืมเตียงกับเจ๊ดาวมาให้)
ผมว่าพลางเปิดกล่องยาฝาสีเหลืองออก เพื่อจัดการทำแผลให้มัน
“ถอดเสี่ยออก”
“เสี่ย!?”
“เออ! เสี่ยแหมมม นี่ ๆ เสี่ย”
ว่าแล้วผมก็ชี้มือไปที่เสื้อให้มันดู
“อ๋ออ~ เสื้อ”
เฮ้ออ!! สิรอดบ่น้อกูกับมึงหนิ คึเว่ากันยากแท้ล่ะ (จะรอดไหมวะกูกับมึงเนี่ย ทำไมสื่อสารกันยากขนาดนี้)
ไอ้คาลพยักหน้ารับก่อนจะถอดเสื้อออกเผยให้เห็นลอนกล้ามเนื้อที่เรียงสวยเต็มแผ่นอกแกร่ง
ป๊าดดด!! กูคึสะออนกล้ามบักห่านี่แถะ (โอ้โห กล้ามไอ้นี่แม่งโคตรใหญ่เลยว่ะ)
ผมไม่รอช้ารีบจัดการทำแผลให้มันก่อนที่เวลาจะล่วงเลยมากไปกว่านี้
“โซคดีของมึงเด้หนิที่กูบ่ทันปิดร้าน บ่ซั่นมึงได้นอนใต้สะพานลอยแท้” (โชคดีของมึงนะเนี่ย ที่กูยังไม่ปิดร้าน ไม่งั้นมึงได้นอนใต้สะพานลอยแน่)
ปากพูดไป มือก็บรรจงทาแผลตามแผ่นอกให้มันอย่างเบามือ
“เซียง…ทำไมมึงถึงช่วยกูหรอ”
“แต่หมาบ่มีเข่ากินกูยังซอย อันนี่คนคัก ๆ สิให่กูเสยเตยเวยติ กูเฮ็ดบ่ได้ดอก” (ขนาดหมาไม่มีข้าวกินกูยังช่วยเลย นี่มึงเป็นคนแท้ ๆ จะให้กูอยู่เฉยหรอ กูทำไม่ได้หรอก)
“อ่าา อะไรคือเสยเตยเวยวะ”
“เสยกะคือเสยนี่ล่ะ เสย ๆ นิ่ง ๆ ซือลือน่ะ”
“อ๋อออ~ นิ่ง ๆ”
มันพยักหน้าหงึกหงักราวกับได้รับการตรัสรู้
“แล้วมึงไม่กลัวกูเป็นมิจฉาชีพมาหลอกเงินมึงหรอ”
“เอ้า กูดีนำปานนี่กะสิมาตั๊วกูสั่นเบาะ” (กูดีกับมึงขนาดนี้ มึงยังคิดจะหลอกกูงั้นหรอ)
“หึหึ มึงนี่ก็ตลกดีเหมือนกันนะ”
มันว่าพร้อมกับจ้องมองใบหน้าผมนิ่ง ทำเอาผมลอบกลืนน้ำลาย ไม่รู้ทำไมผมรู้สึกไอ้หมอนี่มันมีสายตาแปลก ๆ ไม่ได้ออกแนวน่ากลัว แต่มันแปลก ผมก็อธิบายไม่ถูก
“เอ้า แล้ว ๆ” (เสร็จแล้ว)
ผมว่าพร้อมกับผละตัวออก ปล่อยให้มันได้สวมเสื้อผ้าตามเดิม
“มื่ออื่นกูมีเรียนเซ่าฮอดสามโมง มึงกะนอนเล่นอยู่นี่ล่ะ อยากกะลงไปหาแนวกินตะล่าง หาเฮ็ดเอาโลด กูฝากเก็บร้านให่นำตอนแลงกลับมาสิได้เปิดร้านโลด”
(พรุ่งนี้กูมีเรียนเช้าถึงบ่ายสาม มึงก็นอนเล่นอยู่นี่แหละ อยากจะลงไปหาอะไรกินข้างล่างก็ลงไปทำ กูฝากเก็บร้านให้ด้วยนะ ตอนเย็นกลับมาจะได้เปิดร้านเลย)
“แล้วมึงเรียนคณะอะไรหรอ”
“กูเรียนวิศวะ เท่บ่ล่ะ” (กูเรียนวิศวะ เท่มั้ยล่ะ)
ผมว่าพร้อมกับยักคิ้วให้มันทีนึงก่อนจะเอนตัวลงนอนบนเตียง มันเองก็เอนตัวลงนอนข้างผมเหมือนกัน ต่างตรงที่มันนอนพื้นผมนอนบนเตียง
“แล้วมึงอยู่ปีไหนแล้ว”
“ตอนนี่เบาะ ปีสาม” (ตอนนี้หรอปีสาม)
“แล้วทำไมได้มาเปิดร้านลาบล่ะ”
“เอ้าบักห่าหนิ มึงคึเว่าดุตายแม่มึงแถะ ฟ่าวนอนนั่นเป็นหยังมึงบ่หิวนอนสั่นติ จังเว่ากันมื่ออื่น” (เอ้า ไอ้ห่านี่ มึงพูดเยอะจังวะ รีบนอนได้แล้วมึงไม่ง่วงหรือไง ค่อยคุยกันพรุ่งนี้)
“เอ่อ…โอเค”