“มานั่งก่อนสิเหมยเอ๋อร์… เจ้าคงไม่คิดที่จะยืนคุยกับข้า และหลานชายของข้าใช่หรือไม่” จวีจูหรานกล่าวยิ้มๆ ชิงเหมยหันไปมองหน้าเยว่อู๋ชาง เขาพยักหน้าพลางส่งยิ้มให้แก่นาง ชิงเหมยจึงเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ยังว่าง ซึ่งอยู่ระหว่างจวีจูหรานและเยว่อู๋ชางพอดี “ข้าต้องขออภัยพี่หญิงจวีด้วยเจ้าค่ะ ที่สติข้าไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เป็นเพราะยามนี้ข้ารู้สึกงุนงงไปหมดแล้ว” จวีจูหรานกลั้วหัวเราะพลางกล่าวออกมาอย่างเอ็นดู “เจ้าจำที่พี่เคยบอกเจ้าได้หรือไม่ ว่าจะรบกวนเรื่องพวกพ่อค้าทาสกับเจ้าเพียงไม่นาน ผู้ใดจะคิด…ว่าหลานชายของพี่จะเป็นคนที่ไร้ฝีมือ จับตัวการใหญ่ไม่ได้เสียที” ชิงเหมยพยักหน้าขึ้นลง นางเหลือบมองใบหน้าที่มีเคราครึ้มของบุรุษหนุ่มรูปงาม ก่อนที่จะหันกลับมามองใบหน้าที่ยังคงงดงามของสตรีตรงหน้า ไม่มีที่ใดเหมือนกันสักนิด เป็นญาติทางใดกันหนอ “เจ้าคงสงสัยว่า เหตุใดเราสองคนน้าหลานถึงได้หน้าตาไม่เหมือนก