กล้าดีมากนะที่เเหย่หนวดเสือเเบบผม...
ยอมรับว่าผมไม่เคยเจอใครคนไหนที่ท่าดูเอาจริงเอาจังขนาดนี้มาก่อน ทั้งคำพูด เเววตา ท่าทางของเธอมันบ่งบอกว่าจะลงสนามเเข่งอย่างจริงจัง
ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยเจอปัญหาพวกนี้ เเต่ผมเเค่เบื่อ... เบื่อกับการเจอปัญหาเดิมๆ เเล้วก็กลัวจะพลั้งมือทำอะไรลงไป จนผมต้องเสียโฮมเหมือนกับที่มันเเล้วๆมา ...เเค่นั้นเอง
ใครไม่เคยเจอคงไม่รู้หรอกใช่ไหมล่ะครับว่าปัญหาเเฟนเก่าเรื้อรังน่ะ มันน่ารำคาญมากขนาดไหน ซึ่งมันก็เหมือนไส้ติ่งมีไว้ก็ไร้ประโยชน์ เเต่ถ้าไม่รีบตัดทิ้งมันก็อาจจะเรื้อรังได้ในสักวัน..
"พี่หมอโอเคไหมคะ ใจต้องเย็นหน่อยนะคะ ถ้าพี่หมอใจร้อนเหมือนเเฟนคนที่เเล้วคงไม่ดีเเน่"
"พี่รู้อะตอม.. พี่กำลังระงับอารมณ์อยู่"ผมว่าพลางผ่อนปรนลมหายใจเพลิงออกมา เเอร์ในรถที่ว่าเย็นยังดับหัวร้อนๆของผมไม่ได้เลยเเม้เเต่น้อย
"ถ้างั้นพี่หมอรีบกลับไปอยู่กับพี่โฮมเถอะค่ะ ส่งอะตอมตรงนี้ก็ได้ เดี๋ยวอะตอมนัดเพื่อนไว้อ่ะค่ะ"
"อืม กลับบ้านดีๆอย่าให้คุณน้ากับคุณอาเป็นห่วงล่ะ"
"ค่ะ ยังไงก็อะตอมจะช่วยพี่อีกเเรงนะคะ ห้ามเป็นคุณหมอที่อ่อนเเออีกนะคะ"คนตัวเล็กย้ำกับผมเสียงเข้ม น่ากลัวจังเลยเเหะเจ้าเด็กคนนี้...
"รู้เเล้วครับ อ่ะนี่ค่าขนม เอาไป...เเล้วก็ขอบคุณมากนะที่คอยช่วยเหลือพี่"ผมบอกเเล้วควักเเบงค์พันให้น้องอะตอมไป ค่าขนมสำหรับเด็กดีอย่างอะตอม เเค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำถ้าเทียบกับสิ่งที่น้องมันคอยช่วยเหลือผมมาตลอด
"ถ้าปฏิเสธจะงอนใช่ไหมล่ะคะ งั้นอะตอมจะรับไว้นะ"คนตรงหน้าว่าก่อนจะรับเงินจากมือผมไป ทำเอาผมหลุดยิ้มออกมา รู้ใจกว่าใครเห็นจะเป็นเจ้าเด็กคนนี้ล่ะมั้งเนี่ย
"โอเค ไว้เจอกันนะ"
"ไว้เจอกันค่า บ๊าบาย~"
ผมมองร่างเล็กเดินออกไปจนลับสายตา ก่อนจะออกรถมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลต่อ ขืนพ่อไม่เห็นหน้าผมทุกเย็นเป็นได้โทรเข้าเครื่องผมกันพัลวันเเน่ ผมก็เเค่ตัดความเป็นห่วงบวกความรำคาญไปในตัวด้วยเท่านั้นเอง
ครืดดดด~~~ ครืดดดดด~~~
'HOME'
ผมเหลือบมองหน้าจอที่สว่างวาปเเละปรากฏเบอร์ของผู้ชายที่ผมกำลังนึกถึงอยู่พอดี เเต่เพราะขับรถอยู่ผมเลยไม่ได้รับ พอรถติดไฟเเดงผมถึงหยิบมันขึ้นมาโทรกลับหาเขาทันที
"ว่าไงโฮม โทรมามีอะไรเหรอ พอดีผมขับรถอยู่"
( ไหนหนังสือที่คุณบอกผม )
ผมกลอกตาไปมาทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงฉุนๆของเขา ลืมไปซะสนิทเลยว่าก่อนหน้านี้ผมให้เขาไปเอาหนังสือให้ เเต่ไอ้หนังสือที่ว่ามันกลับไม่มีอยู่จริงนี่สิ
ก็รู้อยู่หรอกว่าโกหกเเบบนั้นมันไม่ดี เเต่ผมไม่อยากให้เขามาเห็นการกระทำที่ไม่ดีของผมเช่นกัน...
"อ่า..หนังสือ"
( เรามีเรื่องต้องคุยกัน..คืนนี้ )
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขาไปรู้ไปเห็นอะไรมา เขากำลังโกรธผมล่ะ การตัดสายใส่กันเเบบนี้มันจะมีเฉพาะตอนที่เขาโกรธ โมโห ไม่พอใจก็เเค่นั้น
ไว้ค่อยหาวิธีง้อทีหลังละกัน..
โรงพยาบาล Q
ผมเดินขึ้นตึกเด็ก วันนี้ผมเกือบจะลืมไปเเล้วว่ามีนัดกับเจ้าของวันเกิดคนสวย ขืนผมผิดนัดขึ้นมาได้งอนผมตูดบิดเเน่นอน ก่อนหน้าที่จะมาผมก็เเวะซื้อของขวัญมาเเล้วเรียบร้อย
เรื่องราวทุกอย่างในชีวิตคนเรามันน่าเศร้า เด็กที่บริสุทธิ์คนนึง ควรจะมีอนาคตที่สดใสมากกว่านี้ เเต่ไม่ว่าจะยังไงผมก็จะทำให้เธอมีความสุขมากที่สุดในชีวิตเท่าที่ผมจะทำได้ อย่างน้อยๆเธอจะได้รับรู้ว่าไม่ได้ตัวคนเดียวบนโลกนี้
ที่จริงผมก็เข้าใจน่ะนะว่าเกิด เเก่ เจ็บ ตาย มันเป็นเรื่องธรรมชาติ เเต่ผมทำใจไม่ได้ที่จะเห็นเด็กที่น่ารักคนนึงต้องโดนโรคร้ายพรากจากโลกนี้ไปเท่านั้นเอง..
"เอ้าน้องเนียร์วันนี้มาช้าจังเลยนะคะ เรียนหนักเหรอคะช่วงนี้"
ผมหันไปยกมือไหว้คุณป้าเเม่บ้านที่ทำความสะอาดอาคารนี้
"นิดหน่อยครับ เเล้วนี่คุณป้าทานอะไรยังครับเนี่ย" ผมเลิกคิ้วถามน้อยๆ ก่อนจะเดินไปจับมือผู้หญิงตรงหน้าเอาไว้
"ทานเเล้วลูก"
"หลังดีขึ้นเเล้วใช่ไหมครับ"
"พอได้พัก ได้ยืดเส้นก่อนนอนมันก็ดีขึ้นนะ ต้องขอบคุณน้องเนียร์นะเนี่ยที่เเนะนำป้า"
ผมระบายยิ้มออกมา การที่ได้เห็นคนใกล้ตัวหรือคนรู้จักเจ็บป่วยเเล้วดีขึ้นทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย เมื่อก่อนตอนที่ผมเรียนมัธยมปลายผมก็มาที่นี่บ่อย เจอป้าเเม่บ้านก็บ่อย ก็เลยค่อนข้างจะสนิทกัน ถึงได้ยินป้าเขาเรียกผมว่าน้องเนียร์เนี่ยเเหละ เเถมป้าเเกเองลูกหลานไปทำงานกันซะส่วนใหญ่ เลิกไม่ตรงกัน เวลาที่เรียกว่าเวลาของครอบครัวตรงนี้มันก็เลยหายไป
เเต่ผมอยากเป็นส่วนที่เติมเต็มนะ...
"ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณป้าเองควรจะดูเเลสุขภาพ อายุมากขึ้นร่างกายจะคอนโทรลตามใจเรายากหน่อย"
"ป้าล่ะอยากเห็นน้องเนียร์มาเป็นหมอที่นี่จะเเย่เเล้ว"
"งั้นคุณป้าก็ต้องรักษาสุขภาพให้เเข็งเเรง ทานข้าวให้ครบสามมื้อ ทานยา ออกกำลังกายตามที่น้องเนียร์บอกนะครับ"ผมกำชับ ทำเอาคนตรงหน้าหลุดขำออกมา ก็ผมลืมตัวอีกเเล้วกับการย้ำคิดย้ำทำแบบนี้ ผมอยากให้เขาหายจริงๆนี่
"จ้ะ เเล้วนี่มาหาน้องแฮปปี้เหรอ"
"ครับ แฮปปี้ทำอะไรอยู่เหรอครับ"
"นั่งรอน้องเนียร์ตั้งเเต่เย็นเเล้วลูก"
"งั้นผมขอไปดูแฮปปี้ก่อนนะครับ"
ผมโค้งศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะเอาถุงของขวัญที่ซื้อมาจากห้างเเอบไว้ข้างหลัง เเล้วเดินไปหอมเเก้มคนตัวเล็กทีนึง
"พี่หมอเนียร์!"
หมับ
ผมอ้าเเขนรับคนตัวเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ตึกกุมารเวชเป็นตึกที่ผมเดินเข้าออกบ่อยสุดเเล้ว ความจริงคือผมอยากมีลูก เเต่ความจริงมากกว่านั้นคือผมไม่สามารถมีได้ เเละในโลกที่โหดร้ายมันกำลังทำลายความฝันผมให้พังทลายลงช้าๆ
นั่นคือการที่เธอไม่สามารถอยู่กับผมได้อย่างที่วาดฝันเอาไว้...
"แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะครับ" ผมพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะอุ้มคนตรงหน้าเเล้วส่งของขวัญในมือให้
"ของขวัญของหนูเหรอคะ"
"อื้ม วันเกิดก็ต้องมีของขวัญสิครับ"
"แฮปปี้รักพี่หมอเนียร์ที่สุดเลยค่ะ" นอกจากคำหวานๆเเล้วการหอมเเก้มผมนี่เเหละที่ทำให้ผมหายเหนื่อยจากวันนี้เป็นปริดทิ้ง
"พี่รักก็รักหนูนะ.."ผมว่าพลางลูบหัวคนตรงหน้าที่กำลังตื่นเต้นกับของที่ผมให้ไปอยู่
"แอเรียลเหรอคะ!"
"อื้ม ชอบไหม"
"ชอบค่ะ ขอบคุณนะคะ..."
"อยากเป่าเค้กไหมครับ"
"มีเค้กด้วยเหรอคะ"
"มีสิ วันเกิดต้องมีเค้กกับของขวัญนะ"
ผมวางคนตัวเล็กให้นั่งลงบนเตียง ก่อนจะหยิบเค้กในถุงออกมาเเล้วจัดการจุดเทียนให้เรียบร้อย รอยยิ้มจากคนตรงหน้าทำเอาผมยิ้มตามอย่างเลี่ยงไม่ได้
มือเล็กๆประกบเข้าหากัน ดวงตาหลับพริ้ม ก่อนจะเป่าเทียนตรงหน้าดับลง
"อธิฐานว่าอะไรครับ" ผมคุกเข่าลงกับพื้น ก่อนจะเขยิบเข้าไปใกล้เเล้วคลี่รอยยิ้มบางๆให้คนตรงหน้าอีกครั้ง
"เเฮปปี้อธิฐานขอให้ได้อยู่กับพี่เนียร์นานๆเเล้วก็ขอให้พี่เนียร์มีความสุขมากๆค่ะ"
"เเล้วทำไม่ขอให้ตัวเองมีความสุขล่ะครับ" ผมเลิกคิ้วน้อยๆ เเต่เสียงกำลังสั่นเครืออย่างเห็นได้ชัด ผมพยายามที่จะทำให้คนตรงหน้ามีความสุข เพราะงั้นเรื่องเเค่นี้มันยังเล็กน้อยมากไปด้วยซ้ำ
"เพราะน้องแฮปปี้มีพี่เนียร์ไงคะ พี่เนียร์มอบความสุขให้หนู หนูก็อยากให้พี่หมอเนียร์มีความสุขมากๆค่ะ"
"เป็นเด็กเป็นเล็กหัดปากหวานเเล้วนะเราอ่ะ"ผมบอกทำเอาคนตัวเล็กยิ้มกว้างจนตาหยี
"พี่เนียร์ก็ขอให้แฮปปี้เป็นเด็กที่น่ารักเเบบนี้ตลอดไป มีความสุขมากๆเเล้วก็อยู่กับพี่เนียร์ไปนานๆนะครับ"
"ค่ะ..."
"มาถ่ายรูปกับเค้กกันดีกว่าเนอะ ยิ้มสวยๆนะครับ"
คอนโดหมอเนียร์
กว่าจะถึงห้องก็เกือบจะห้าทุ่ม พอดีผมนั่งเล่นกับแฮปปี้เพลินไปหน่อย หวังว่าคนที่รอผมอยู่ในห้องจะไม่เจอหน้าผมเเล้วอาละวาดใส่ก่อนก็เเล้วกัน
"โฮม.."
หมับ
ผมขมวดคิ้วเข้าหากันเเน่น สายตามองข้อมือตัวเองที่โดนพันธนาการจากคนตรงหน้า เเถมเขายังออกเเรงดึงให้ผมลงไปนอนราบกับเตียงอย่างที่ขัดขืนไม่ได้อีกด้วย
"อะไรของคุณเนี่ยโฮม!"ผมขึ้นเสียงเล็กน้อย ก็เขาเล่นกระชากเเขนไม่ให้จังหวะเเบบนี้ผมก็เจ็บเป็นเหมือนกันนะ
"คุณโกหกผมทำไมหมอเนียร์"
"ผมโกหกอะไรคุณ"
"คุณให้ผมไปเอาหนังสือ เเต่มันไม่มีเเบบนี้หมายความว่ายังไง หรือคุณนัดใครเอาไว้..ใครที่บอกผมไม่ได้"
"ผมอาจจะจำวันผิด.. เเล้วผมก็ไม่ได้นัดใครไว้ทั้งนั้น"ผมตอบกลับเเล้วหลบสายตาเขา
"โกหกไม่เนียนเลยนะครับคุณหมอ"คนตรงหน้ากดเสียงต่ำ ปลายจมูกโน้มลงมาใกล้มากกว่าเดิม
"ทีคุณยังเเอบไปเจอเเฟนเก่าเลย"
"ถ้าผมเเอบคุณไม่มีทางหาผมเจอหรอก"
"โฮม.." ผมกลอกตากลับมามองคนตรงหน้าตามเดิม คำพูดของเขานั่นเเหละที่ทำให้ผมระเเวง ผมไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ มีเเฟนเเล้วต้องมานั่งระเเวงกัน ไม่มีมันซะยังจะดีกว่า
"ไปเจอแคลร์มาเหรอ"
"คุณก็รู้อยู่เเล้วจะถามผมทำไม" แม่นั่นคงทำหน้าที่เเทนผมไปเเล้วล่ะมั้ง เฮอะ
"เพราะโฮมอยากรู้จากปากคุณไงหมอเนียร์"
"..ใช่ ผมไปเจอเธอ เเล้วคุณล่ะไปเจอเธอเพราะอะไร"
โฮมสีหน้าเปลี่ยนทันทีที่ผมถามกลับ ผมผ่อนปรนลมหายใจออกมาเเรงๆที่รู้ว่าเขากำลังหลีกเลี่ยงกับคำถามของผมอยู่ ผมอาจจะโกหกไม่เก่ง เขาเองก็เก็บอาการไม่เนียนเหมือนกันนั่นเเหละ
"ก็เเค่ธุระไม่มีอะไรหรอก"
"ถ้าเเค่ธุระก็ต้องบอกผมได้สิ"
"ไม่มีอะไร..."
"โฮม..."
ผมไม่ได้คำตอบอะไรจากเขา มีเเค่ข้อมือที่ถูกคลายก่อนจะที่ผมจะผลักอกเขาออกจนตัวเองเป็นอิสระ
"งั้นก็ลุกออกไป ผมจะอาบน้ำ"
"หมอเนียร์.."
"เรื่องของคุณจะบอกผมหน่อยไม่ได้เหรอ..หรือมันมีอะไรที่มากกว่านั้นคุณถึงบอกผมไม่ได้"ผมว่า
"ผมเเค่คุยเรื่องธุระกิจที่เขาจะลงทุนด้วยก็เเค่นั้น ทำไมคุณชอบคิดเองเออเองไปคนเดียว"
"เหอะ"
"นี่คุณ.."
"โลกมันเเคบดีเนอะถึงต้องร่วมธุรกิจกับเเฟนเก่าเนี่ย"
"มีเหตุผลหน่อยนะหมอเนียร์"
เหตุผลผมมีเต็มประดา มีเเค่เขานี่เเหละที่เหตุผลฟังไม่ขึ้นเเม้เเต่น้อย
"เธอหายไปจากชีวิตคุณตั้งนาน เเต่อยู่ๆก็กลับมาเเล้วอยากร่วมธุรกิจด้วย เเบบนี้เหตุผลที่เธอต้องการคืออะไรคุณพอจะเดาออกไหม"
"หมอเนียร์..."
"....."
"อดีตก็คืออดีต มันไม่มีอะไรทั้งนั้นคุณเชื่อใจผมไม่ได้เลยเหรอ หื้ม ?"
ผมยืนนิ่งปล่อยให้เขาสวมกอดจากด้านหลังเบาๆ โฮมเคยมีสาวมากมายมาติดพันกันเหมือนสายหูฟังที่ไม่ว่าจะพยายามรีดให้มันตรง พยายามจัดเรียงมันก็ยังพันกันยุ่งเหยิงเหมือนเดิน ...เขาก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก
"ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบ เเต่คุณก็ไม่ควรทำเเบบนั้นกับเธอ รู้ใช่ไหมว่ามันไม่ดีตรงไหน.."
"เเบบนั้น ? ผมทำอะไร"
"คุณทำอะไรคุณก็รู้อยู่ จะให้โฮมย้ำทำไม" เเสดงว่าเขาก็คงจะรู้สิ่งที่ผมกระทำไปเเล้วสินะ...
"โฮม.. ทุกอย่างที่คุณทำผมรู้หมดนั่นเเหละ เเต่มันขึ้นอยู่ที่ว่าผมอยากจะพูดมันหรือเปล่าเเค่นั้น"
"จะจ้องจับผิดโฮมไปถึงไหน เป็นเเฟนกันก็ควรมีระยะห่างให้กันบ้างไม่ใช่เหรอหะ ?"
"ถ้างั้นผมขอโทษ.. ขอโทษนะโฮมที่ผมพูดจาไม่ดีกับเธอ เเล้วก็ทำให้คุณอึดอัด.. ถ้าคุณอยากมีสเปซระหว่างเรา ผมก็ห้ามคุณไม่ได้"
ผมบอกเสียงเเข็ง ทั้งๆที่ในใจมันตรงกันข้าม ผมไม่เข้าใจตัวเองกบัการที่ปากไม่ตรงกดับใจ เเต่บางทีการลองใจกับคำพูดพวกนี้มันก็ทำให้ผมเห็นอะไรหลายๆอย่างเหมือนกัน
"หมอเนียร์อย่างี่เง่าเเบบนี้ดิ คุณเคยมีเหตุผลไม่ใช่เหรอ"
"เเล้วการที่ผมเห็นว่าคุณไม่บอกว่าจะไปเจอเธอ ผมควรรู้สึกยังไงเหรอโฮม.."
"ก็ในเมื่อมันไม่มีอะไรจะให้ผมทำยังไง หรืออยากให้ผมกลับไปหาเธออย่างที่คุณคิดเอาไว้!"
"....." ผมยืนนิ่ง ก่อนจะกัดริมฝีปากตัวเองเเน่น ...สิ่งนั้นเเหละที่ผมกลัว
"..โฮมขอโทษ โฮมไม่ได้ตั้งใจ"น้ำเสียงเขาอ่อนลงเหมือนจะรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรออกมา เเต่ก็นั่นเเหละเขาก็ทำมันประจำ
"....."
"อย่าเงียบเเบบนี้ได้ไหม"
"ถ้าจะมาเพื่อชวนทะเลาะก็กลับไปเถอะ วันนี้ผมเหนื่อยมาทั้งวันเเล้ว" ผมเเกะมือเขาออก ก่อนจะเดินไปถอดเสื้อกราวน์ด้านนอกออกเเล้วหันหลังให้เขา
ผมไม่ตั้งใจที่จะร้ายขนาดนั้นใส่เธอ เเต่ดูจากท่าทางเเละประโยคสนทนาในวันนี้เเล้วผมก็พอจะรู้ว่าเธอเอาจริง เเล้วก็ดูเหมือนจะยอมคนไม่เป็นซะด้วย
"เเต่เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง อย่ามาเดินหนีโฮมแบบนี้"
"คุยกันก็มีเเต่ทะเลาะ มีเเต่ความไม่เข้าใจ จะคุยไปเพื่ออะไรอ่ะโฮม"ผมบอกปัด
"เเล้ววันนี้คุณไปไหนมา ทำไมพึ่งกลับ เลิกนานเเล้วไม่ใช่เหรอไง"
"ไปโรงพยาบาล เเวะห้าง ซื้อของขวัญให้น้องแฮปปี้ เเล้วผมก็รีบกลับมาหาคุณ ..มีอะไรอีกไหม"
"อย่าประชด.."
"ผมไม่ได้ประชด ผมเเค่ตอบตามความจริง"
"โอเค..ได้ งั้นไว้คุยกันตอนที่ใจเย็นกว่านี้ก็เเล้วกัน"
ผมยืนนิ่งปล่อยให้เขาเดินออกไปอย่างเงียบๆ จนเสียงประตูดังขึ้น เเข้งขาที่ยืนอยู่จู่ๆมันก็ไร้เรี่ยวเเรงขึ้นมาซะงั้น เเขนขามันชารวมถึงริมฝีปากผมที่เม้มเข้าหากันเเน่น กัดจนมันห้อเลือด
ตอนเเรกก็ว่าจะคุยด้วยดีๆ เเต่ทำไมมันถึงเป็นเเบบนี้ไปได้..
ขอโทษที่ผมไม่สามารถสลัดกำเเพงตรงนี้ทิ้งไปได้เลย ..ขอโทษ
ผมจะไม่มีทางให้เหตุการณ์เดิมมันเกิดขึ้นอีกครั้งเเน่นอน ...ไม่มีทาง