ตระกูลอดิศวรมีธุรกิจหลายอย่าง หลักๆ เป็นโรงแรมระดับห้าดาวริมทะเลจังหวัดภูเก็ต และสัมปทานรังนกในเกาะซาลิน เกาะขนาดกลางทางตอนใต้ของจังหวัดภูเก็ต ภามินเป็นทายาทเพียงคนเดียวจึงต้องรับผิดชอบดูแลงานทั้งหมดของตระกูลโดยมีดารัณคอยช่วยงานอีกแรง
ดารัณจบการศึกษาระดับปริญญาตรีเข้ามาช่วยงานครอบครัวได้หนึ่งปีเศษเท่านั้น ระยะเวลาแค่นั้นไม่อาจเทียบเท่าข้าวแดงแกงร้อนที่พ่อแม่ของเขาส่งเสียเลี้ยงดูหล่อนเลย
ภามินไม่ชอบดารัณมาแต่ไหนแต่ไรมักจะดูถูกหล่อนทำนองนั้นเสมอไม่ว่าจะทั้งคำพูดและแววตา ร่างสูงสง่ายืนมองหล่อนวิ่งวุ่นรับแขกในโรงแรมหลายต่อหลายคนตั้งแต่เช้าๆ แต่ไม่คิดให้ใครเข้าไปช่วย
“นายหัวครับ นายเมฆต้องการพูดสายด้วยครับ” เสียงทุ้มสำเนียงใต้จากนายพร้าว ลูกน้องคนสนิทดังขึ้น ภามินถึงได้ละสายตาจากน้องสาวกาฝาก
ภามินรับโทรศัพท์มาก่อนเดินเลี่ยงไปทางอื่น “ว่าไงเมฆ”
‘สวัสดีครับ งานในส่วนที่นายหัวมอบหมายให้ผมทำเสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ ตอนนี้กำลังให้คนงานลำเลียงกลับเกาะใหญ่ครับ’ เกาะใหญ่ในความหมายของอัศวเมฆินทร์คือเกาะภูเก็ตนั่นเอง
“อืม ดีมาก ตอนเย็นๆ นายขึ้นเกาะด้วยเลยนะ มานัดดริ้งกันสักหน่อย” ภามินชวนเสียงครึกครื้น ดื่มติดต่อกันหลายวันจนติดนิสัยหากไม่ได้ดื่มจะรู้สึกเปรี้ยวปากอยากดื่มทันที
‘ได้ครับนายหัว’
ภามินวางสายจากอัศวเมฆินทร์เดินย้อนกลับมาส่งโทรศัพท์คืนให้นายพร้าวช่วยถือเช่นเคยก่อนทิ้งกายนั่งบนโซฟากว้างทอดสายตามองดารัณ
ตั้งแต่เช้าจนเที่ยงลูกค้าเข้ามาจองที่พักเยอะมากเนื่องจากใกล้ช่วงเทศกาล ดารัณทำงานอย่างมีความสุขจนลืมมื้อเที่ยงไปเลย
“ทำงานหนักพักบ้างนะครับน้องรัน” เสียงทุ้มของใครสักคนดังขึ้นจากข้างหลัง ดารัณหันกลับไปมองพอเห็นว่าเป็นใครก็ยิ้มกว้าง ชานนท์ ลุงรหัสในสมัยเรียนปริญญาตรีของหล่อนนั่นเอง ชานนท์เดินทางมาเที่ยวภูเก็ตและบังเอิญเจอกับหล่อนที่ทำงานในโรงแรมนี้
“สบายมากค่ะพี่นนท์” ดารัณพูดพลางดูนาฬิกา “เที่ยงครึ่งแล้วพี่นนท์ทานมื้อเที่ยงหรือยังคะ”
“ยังเลย สนใจไปทานพร้อมพี่ไหม”
“สนใจค่ะ” หล่อนกระตือรือร้นตอบก่อนหยิบกระเป๋าสะพายข้างใบโปรดมาถือไว้แล้วเดินคุยออกไปจากโรงแรมพร้อมกับชายหนุ่ม ซึ่งการกระทำนั้นทำให้ภามินงุนงงมากเพราะไม่คุ้นหน้าผู้ชายคนนั้นมาก่อน เขาไม่พอใจที่หล่อนไปกับผู้ชายในเวลางานจึงตะโกนเรียกลูกน้องคนสนิท
“พร้าว! ไอ้พร้าว!!”
“ครับๆ ผมมาแล้วครับนายหัว” นายพร้าวรีบวิ่งสุดชีวิตมายืนตรงหน้าเจ้านายหนุ่มรูปงามที่ตอนี้กำลังโกรธได้ที่ทำเอาเขาขนลุกซู่
“ไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร นายรู้จักไหม” ชี้นิ้ว ปรายสายตามองไปยังแผ่นหลังกำยำของไอ้หน้าอ่อน
นายพร้าวมองตามเห็นแค่แผ่นหลังก็จนใจ “ไม่รู้จักครับ แต่ถ้านายหัวอยากรู้ผมจะไปสืบมาให้ครับ รอสักแป๊บนะครับ”
“เออ!”
ภามินตอบเสียงขุ่นหมองมองตามแผ่นหลังสองหนุ่มสาวไปจนลับตา ระหว่างรอนายพร้าวไปสืบก็หงุดหงิดเดินเข้าลิฟต์กลับห้องทำงานผู้บริหารซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของโรงแรม ยืนชมวิวนานเข้าไม่รู้เรื่องก็ชักโมโหจะหมุนกายกลับไปเอาเรื่องแต่ช้าไปเพราะคนสนิทวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาแล้ว
“แฮ่กๆ มาแล้วครับ มาแล้ว” นายพร้าวหอบหายใจกระชั้นชิด ในมือมีเอกสารบางอย่าง
“ได้ความว่ายังไงบ้าง”
“ผู้ชายคนนั้นชื่อชานนท์ บริรักษ์ครับ เป็นเจ้าของผับที่กรุงเทพฯ เดินทางมาเที่ยวภูเก็ตโดยจองห้องพักไว้หนึ่งสัปดาห์ครับ เรียนจบมหาวิทยาลัยและคณะเดียวกับคุณหนูรัน คาดว่าทั้งสองน่าจะรู้จักกันมาก่อนครับ” นายพร้าวรายงานยาวก่อนยืนกระดาษให้
“นี่เป็นประวัติเพิ่มเติมของผู้ชายคนนั้นครับ”
“ขอบใจมาก นายออกไปได้แล้ว”
ภามินรับมาแล้วขับไล่ แต่พอลูกน้องจะออกไปก็นึกอะไรขึ้นมาได้ “เดี๋ยวก่อน! นายช่วยโทรตามอริสามาหาฉันที่นี่ที”
“แหม... แต่หัววันเลยเหรอครับ”
นายพร้าวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แซวนายจ้างเสียงขบขัน แต่พอเห็นอีกฝ่ายหยิบข้าวของโยนใส่ก็รีบกระโดดหลบพลันวัน
“อย่ามาเสือกเรื่องของฉัน ฉันสั่งอะไรก็ไปทำเร็วๆ”
“ครับโผ้ม!” มือหนายกขึ้นทำท่าตะเบ๊ะรับคำสั่งเดินออกจากห้องทำงานไปโทรหาอริสาหนึ่งในคู่ขามาให้เจ้านายของตนเอง
ทางด้านภามินนั้นตั้งใจอ่านประวัติของชานนท์อย่างจริงจัง อยากรู้ว่ามันเป็นใครถึงได้มายุ่งวุ่นวายกับน้องสาวกาฝากที่เขาแสนชิงชัง ทว่ายิ่งอ่านยิ่งหงุดหงิด เพราะโปรไฟล์อีกฝ่ายนั้นดีเกินคาดเรียกได้ว่าหากพ่อแม่เขามาเห็นคงต้องเชียร์ให้ดารัณรักกับไอ้หมอนั่นแน่
พับผ่าเอ๊ย!